บัวผัน ทังโส หมอลำซิ่ง อัพเดตอาการมือเท้าชา ล้มวูบ หวิดเส้นเลือดสมองตีบ รับห่วงงานมากกว่าตัวเอง ป่วยแค่ไหนก็ต้องสู้ลุกขึ้นมาแสดง

โหมทำงานหนักมาตลอดหลายปี จนล้มป่วยอยู่บ่อยครั้ง สำหรับหมอลำซิ่งชื่อดัง บัวผัน ทังโส ล่าสุดเกิดอาการวูบ มือเท้าชา หวิดเส้นเลือดในสมองตีบ โดย บัวผัน ทังโส ได้เปิดใจกับ ข่าวสดบันเทิงออนไลน์ เผยถึงสาเหตุล้มป่วย พร้อมอัพเดตอาการล่าสุด ยอมรับว่ากลัวตนเองกลับมาทำงานไม่ได้เหมือนเดิม เพราะเป็นคนรักงาน ห่วงงานมากกว่าตัวเอง อาชีพหมอลำซิ่งคือชีวิตจิตใจ แม้จะป่วยหนักขนาดไหน สปิริตเลือดศิลปิน พร้อมถอดสายน้ำเกลือขึ้นโชว์ไม่ทิ้งงาน

“มันเป็นอาการรู้สึกชาไปทั้งตัวเลย เวียนหัว ตอนนั้นเกิดวูบมาทีเดียวยังดีว่าเก้าอี้ที่นั่งอยู่มันไม่สูง ถ้าเก้าอี้สูงหัวน็อกพื้นแตกตายแน่ๆ มันเป็นการพักผ่อนน้อยและสะสมมานานจากที่เราเคยลุยงานหนักๆ”

“ตอนนั้นกดดันมาก ตกใจมาก เพราะคิดว่าถ้ามันเป็นแบบนั้นน่าจะมาจากกรรมพันธุ์ คือพ่อกับแม่เราก็เป็นมาแล้ว เราก็เลยกังวลมาก เรากลัวว่าถ้าเราเป็นจริงๆ เราจะสามารถกลับมาแสดงได้ไหม ก็โชคดีที่ผลออกมาว่าเส้นเลือดสมองเราไม่ตีบ เพียงแต่ว่าปลายสมองเส้นประสาทมันอักเสบ คล้ายๆ ว่าประสาทเราเป็นมานานอยู่แล้ว”

“ถามว่าเราทำงานหักโหมไปไหม ก็คิดว่าหักโหม ทุกคนอาจจะว่าเราโง่ไหมที่ทำร้ายตัวเอง แต่ในใจของเราคิดว่าแฟนคลับแฟนเพลงคือพระเจ้า ทุกคนไม่ถึงขั้นวิกฤตคงไม่ตายหรอก”

“ตลอดชีวิตที่เราเป็นศิลปินมา เราจะป่วยขนาดไหน จะขอคุณหมอว่า เรามีงานแล้วก็จะประสานกับเจ้านายทางบริษัทว่าจะให้คนไปดูแล แต่เจ้านายและทุกคนจะไม่ให้ไป แต่เราก็ต้องไปเพราะว่าสปิริตการเป็นศิลปิน เราจะไม่เคยค้างคางานไหน จะป่วยเท่าไหร่ก็ต้องไป

เราคิดว่าหน้าที่นี้ไม่มีใครทำแทนเราได้ เราก็ไม่อยากมีประวัติเสียที่ว่ามันป่วยเข้าโรงพยาบาลมาไม่ได้ เราจะป่วยขนาดไหนเราก็ต้องลุกขึ้นมาทำงานให้ได้ ให้พูดตามตรงว่าถ้าได้ใส่ชุดขึ้นเวทีแล้ว เราจะไม่มีการล้มบนเวทีเด็ดขาด

“เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกนะ ตั้งแต่เราผ่าตัดเนื้องอกหลายปีก่อน เพิ่งเย็บได้คืนเดียวก็ไปแสดงเลย พยาบาลให้นั่งรถเข็นไป ทีนี้ร้องไปร้องมาแผลมันฉีก ตอนแรกเจ้าภาพโวยวายครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยที่เจ้าภาพโวยวายว่า มันจะป่วยขนาดไหนมันก็ต้องมาให้กู เพราะตอนนั้นเรากำลังดัง ดังมาก ตอนนั้นยังไม่ได้เข้าท็อปไลน์ ตอนนั้นมีงานทั้งกลางวันกลางคืน ถึงผ่าตัดก็ต้องไปให้เขาเพราะว่าเราไม่มีตัวแทนได้ ทีนี้เล่นได้ประมาณหกทุ่มเจ้าภาพเขาก็เห็นใจส่งเรากลับโรงพยาบาล”

ให้พูดตามตรงว่า เราห่วงงานมากกว่าตัวเอง เรารักอาชีพนี้มากๆ เราใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก เราเป็นลูกชาวไร่ชาวนากว่าจะมาถึงวันนี้ บ้านก็ได้เช่าข้าวก็ได้ซื้อ พ่อแม่ก็ลำบากทุกข์ยากกว่าเราจะยกนามสกุลเรามาถึงขนาดนี้ เราจะไม่ให้นามสกุลเราเสียเด็ดขาด เราก็เลยตั้งกฎตรงนี้ไว้ว่า เราต้องสู้ ป่วยขนาดไหนก็ต้องลุกขึ้นมาให้ได้

“เราภูมิใจมากที่สุดแฟนคลับแฟนเพลงยังไม่ทิ้งเรา ยังเหนียวแน่นให้กำลังใจเหมือนเดิม ฝากขอบคุณแฟนคลับแฟนเพลงด้วยนะคะ ถ้าขาดพวกท่านแล้วบัวผันจะอยู่อย่างไร ฉะนั้นแล้วบัวผันถือว่าพี่น้องแฟนคลับแฟนเพลงเป็นเทวดา เป็นพระเจ้าแห่งชีวิตของบัวผันค่ะ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน