ผู้จัดคนสวย ตู่ ปิยวดี เล่านาทีล้มหัวฟาดพื้น หินปูนในหูหลุด เผยต้นเหตุเพราะอยากมีน้อง เอ็นดูสามีดูแลดี-ร้องไห้กลัวเมียตาย

อยู่ในช่วงที่กำลังฟื้นฟูร่างกายอย่างค่อยเป็นค่อยไป สำหรับผู้จัดคนสวย ตู่ ปิยวดี มาลีนนท์ หลังหมดสติล้มหัวฟาดพื้นจนหินปูนในหูหลุด ทำให้มีอาการบ้านหมุนอย่างรุนแรง และต้องแอดมิตโรงพยาบาลนานเกือบอาทิตย์ กว่าจะได้กลับมารักษาตัวที่บ้าน

ล่าสุดผู้จัดสาว ตู่ ปิยวดี ได้เปิดใจกับทาง “ข่าวสดบันเทิงออนไลน์” ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมอัพเดตอาการล่าสุด และเผยถึงต้นเหตุที่ทำให้ตนเองหมดสติแบบไม่ทันตั้งตัวว่า

“ตอนนี้อาการดีขึ้นมากๆ แล้ว ตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลก็ไม่ได้ไปไหนเลย ถ้าอยู่บ้านเฉยๆ แบบนี้ก็คือโอเค แต่ถ้าเกิดขึ้นรถปุ๊บอาการก็ยังจะแย่อยู่ ยังมึนหัว คือที่เป็นบ้านหมุนเพราะหินปูนมันหลุด ตอนนี้หมอพยายามเอากลับเข้าที่แต่มันไม่สามารถเอาเข้าที่ได้ทั้งหมด เพราะหินปูนมันแทบจะเป็นฝุ่นผง ต้องรอให้ส่วนหนึ่งสลายไปเอง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน”

ย้อนเล่าเหตุการณ์นาทีวูบล้มหัวฟาดพื้น? “เอาจากใจจริงเลยนะคะคืออยากจะมีน้องนั่นแหละ พอมีใครบอกว่าตัวไหนดีบำรุงไข่โน่นนี่นั่นก็กินหมดทุกสิ่ง จนไปเจอตัวหนึ่งก็คือคิวเท็นซึ่งมีคนบอกว่าตัวนี้บำรุงไข่ดีที่สุดเลย แต่ว่าตู่แพ้คิวเท็น ที่รู้เพราะว่าเคยกินสิ่งที่มีส่วนผสมของคิวเท็นหลายๆ อย่างแล้วผื่นขึ้น ซึ่งปกติคิวเท็นที่อยู่ในนั้นมันจะประมาณ 10 มิลลิกรัม”

“แต่พอมีคนบอกว่าต้องกินคิวเท็นบำรุงไข่ ปริมาณที่กินมันต้องประมาณ 230 มิลลิกรัม ซึ่งมันเยอะกว่ามาก แต่เราก็คิดว่ามันอาจจะผื่นขึ้นเยอะขึ้นแค่นั้นมั้ง พอเริ่มกินคืนแรกตื่นเช้ามาแล้วรู้สึกว่าทำไมหน้าบวมจังเลย ถามวิน(มาวิน)เขาก็บอกว่าบวมนิดหนึ่ง แต่เราก็ยังโอเคอยู่ ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไร เช้าวันนั้นกินข้าวเสร็จก็ยังกินอีกเหมือนเดิมเพราะมันเป็นยาหลังอาหารด้วย แต่ก็ยังไม่มีอาการอะไร”

“จนกระทั่งไป Swab วันนั้นเป็นวันอาทิตย์แล้ววันจันทร์จะต้องไปถ่ายละครต้อง Swab ล่วงหน้าหนึ่งวัน Swab เสร็จก็จะไปถ่ายคลิปยูทูบต่อ พอไปถึงที่ที่จะถ่ายเราก็ต้องเข้าคิวเนื่องจากว่าร้านนั้นคิวยาว ตอนนั้นเริ่มรู้สึกไม่โอเคแล้ว มึนหัวเหมือนจะยืนไม่ไหว แต่ก็ยังคิดว่าอาจจะเป็นเพราะอากาศร้อนและเราใส่แมสก์หรือเปล่า”

“รออยู่ประมาณ 15-20 นาที จนถึงคิวเราแล้ว พอจะเริ่มถ่ายก็รู้สึกว่าไม่ได้ละ เลยบอกวินว่ามันไม่ใช่แค่มึนแล้ว รู้สึกคลื่นไส้ด้วย เลยยื่นมือถือให้เขาถ่ายต่อ เดี๋ยวเราจะไปยืนรอตรงโน้นที่มีคนน้อยหน่อย เราก็ไปยืนเกาะเสาอยู่พักหนึ่ง เท่านั้นแหละภาพทุกอย่างมันโคลงเคลงเหมือนตาพร่าไปหมด เลยพยายามตะโกนเรียกวิน แต่ว่าระยะมันค่อนข้างห่างเหมือนกัน”

“ตอนนั้นคิดว่าทำยังไงดี แต่พอมองไปในระยะประมาณ 10 ก้าวก็รู้สึกว่าเราเดินถึงเก้าอี้ตัวนั้นแน่ๆ เลยพยายามจะเดินไป ที่จำความได้คือแค่ว่าก้าวที่1 ก้าวที่2 แล้วหลังจากนั้นจำอะไรไม่ได้ ภาพตัดไปเลย จนมาได้ยินเสียงอีกทีหนึ่งว่าเอาขึ้นรถเลยแค่นั้นเอง แต่พอไปถามวินว่าเกิดอะไรขึ้น เขาบอกว่าเธอเดินไปไกลมาก โดยที่ตอนนั้นตู่ไม่รู้สึกตัวแล้ว ขามันก้าวไปเอง แล้วก็เหมือนกับคนเดินหน้าทิ่ม”

“แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายไปหยุดเอาตรงโต๊ะก๋วยเตี๋ยว แล้วก็ล้มลงไป คือถ้าไม่มีโต๊ะก๋วยเตี๋ยวหน้าตู่คงฟาดพื้นไปแล้ว พอล้มลงโต๊ะไปเสร็จปุ๊บปรากฏว่าน้ำปลาน้ำส้มเขาแตกกระจายหมด วินยังบอกว่าโชคดีมากเลยที่ไม่โดนอะไรบาด แล้วเขาก็รีบมาช้อนตัวขึ้น คนแถวนั้นก็เข้ามาช่วยกันพัดเพื่อให้อากาศมันถ่ายเท จากนั้นก็ไปโรงพยาบาล”

“อาการวูบเกิดจากการที่เรากินยาที่เราแพ้นั่นแหละ คิวเท็นมันช่วยทำให้เลือดไหลเวียนดีและไปเลี้ยงไข่มากขึ้น แล้วตู่เป็นคนความดันต่ำอยู่แล้ว จริงๆ ไม่ควรกินเพราะพอเลือดมันใสขึ้นความดันมันก็ยิ่งตกลงไปอีก พอความดันตกมันก็เลยทำให้เราวูบแล้วก็หัวฟาดพื้น หมายถึงว่าพอคว่ำหน้าไปที่โต๊ะก๋วยเตี๋ยวเสร็จมันไม่ทิ่มลงใช่ไหมคะ มันก็เลยหงายหลังกลับมา หัวก็เลยฟาดพื้นลงไปเต็มๆ เลย”

ส่งผลให้หินปูนในหูหลุดจนบ้านหมุน? “อันนี้มันก็เป็นผลกระทบต่อจากการที่เราล้มหัวฟาดพื้น เนื่องจากฟาดแรงมากหินปูนในหูชั้นในมันก็เลยหลุดออกมาจากที่ที่มันต้องอยู่ เข้ามาอยู่ในโพรงของรูหูแทน แล้วการที่มีเศษอะไรเข้ามาอยู่ตรงนั้น ทำให้ความดันปกติที่มีอยู่ในหูมันไม่ปกติทันที ดังนั้นเวลาเรานอนราบหรือตะแคงในจุดที่ไม่ถูกต้อง มันก็จะเหมือนกับเล่นถ้วยหมุนตอนเด็กๆ”

“อย่างตอนที่หมอมารักษาเขาก็พยายามจะเอาหินปูนกลับเข้าไปให้อยู่ที่เดิมให้ได้ โดยการให้เราเอียงข้างที่เราบ้านหมุน แล้วหมอก็ขยับเพื่อจัดให้หินปูนมันกลับไป วันแรกๆ ที่กายภาพทำๆ ไปคือจะอ้วกออกมาเลย เพราะมันหมุนมากจริงๆ แต่พอประมาณวันที่4 และ5 ก็จะเริ่มเปลี่ยนเป็นเหมือนเรือโคลงๆ แล้วพอวันที่6 ที่คุณหมอบอกให้กลับบ้านได้คือมันเริ่มแค่มีกระตุกนิดหน่อย แล้วก็เริ่มนิ่งแล้ว”

“ไม่เคยรู้ว่าการที่หินปูนในหูหลุดจะทรมานขนาดนี้ นอนก็ยากมากเพราะเราไม่สามารถนอนราบหรือนอนตะแคงได้เลย แล้วตู่เป็นคนติดนอนตะแคง คือคุณต้องนอนสูงประมาณ 45 องศา แล้วก็นอนตรงๆ เท่านั้น อย่างคืนแรกๆ ที่นอนโรงพยาบาลเผลอนอนเอียงปุ๊บบ้านหมุนทันที แล้วทุกวันนี้ก็ยังต้องนั่งนอนอยู่ ซึ่งหมอก็บอกไม่ได้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะลงไปนอนราบได้”

แอดมิตไปกี่วัน? “6 วันค่ะ หนนี้เป็นการเข้าโรงพยาบาลนานที่สุด แล้วก็เป็นครั้งที่ค่อนข้างทรมานมาก ปกติไม่ค่อยได้เข้าโรงพยาบาลเพราะเป็นคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้ว รวมถึงระวังในหลายๆ อย่าง แต่หนนี้ยอมรับว่าตัวเองประมาทจริงๆ”

การใช้ชีวิตลำบากมากขึ้นไหม? “ตอนนี้ก็ลำบากตรงที่ว่ายังนั่งรถไม่ได้ เลยไปไหนไม่ได้เลย นอกจากโควิดทำให้เราไปไหนไม่ค่อยได้แล้ว อาการบ้านหมุนก็ด้วย คือวันที่กลับจากโรงพยาบาลจริงๆ ระยะทางจากโรงพยาบาลมาถึงบ้านไม่นานเลยเพราะไม่ได้อยู่ห่างกัน แต่กลับรู้สึกว่าเมื่อไหร่จะถึงบ้านสักที มันจะอ้วกไม่ไหวแล้ว แล้วคืนนั้นที่กลับจากโรงพยาบาลก็คือหนักเลย แย่กว่าตอนที่อยู่โรงพยาบาลอีก”

สามีดูแลดีขนาดไหน? “ดูแลดี กลัวเมียตายมาก(หัวเราะ) พอเราฟื้นมาเริ่มดีขึ้นเขาก็เล่าให้ฟังว่าฉันเรียกเธอดังมากทำไมเธอไม่ได้ยิน คือฉันสลบไงก็ต้องไม่ได้ยินเธอเรียกเนอะ เขาเรียกดังจนคนขับรถที่จอดอยู่ห่างจากร้านไปประมาณบล็อกหนึ่งได้ยินถึงขั้นขับรถมาเลย เพราะรู้ว่าต้องเกิดอะไรขึ้นแล้ว วินเขากลัวที่ว่าเราไม่ยอมฟื้นขึ้นมาสักที”

“เขาบอกว่ากลัวเราตายมากจริงๆ ร้องไห้เลยเพราะเหมือนตู่สลบไป 5 นาทีได้เลย พอเอามือมาอังจมูกก็หายใจแผ่วมาก แต่ตู่เข้าใจว่าคนที่มันสลบเหมือนคนหลับลึกไงมันก็จะหายใจไม่ได้แรงเหมือนคนปกติอยู่แล้ว แต่มันอาจจะเป็นครั้งแรกที่เจออะไรแบบนี้ เขาก็เลยตกใจ”

ยิ่งรู้สึกเลยไหมว่าสามีรักเรามาก? “คือที่ผ่านมาเขาก็แสดงให้เรารู้แหละว่าเขารักเราเนอะ คบกันมาตั้ง 11 ปีกว่าจะแต่งงานกัน อย่างหนนี้ก็รู้เลยว่าเขาดูแลดีมาก แทบจะไม่ให้เราทำอะไรเลยเพราะหมอไม่อยากให้ลุกเยอะ ทำทุกอย่างให้สโลว์ เขาก็จะหยิบจับอะไรให้ทุกสิ่งไปหมด แต่จริงๆ ก่อนหน้านี้ก็จะมีครั้งหนึ่งที่ตู่ผ่าเข่าและเดินไม่ได้อยู่ 3 เดือน เขาก็ดูแลดีมากตั้งแต่ครั้งนั้นแล้ว”

แบบนี้แพลนที่จะมีน้องต้องขยับออกไปไหม? “ตอนนี้ก็ขยับออกไปก่อน แค่ตอนนี้จะนอนปกติยังนอนไม่ได้ อาจจะต้องขยับไปอย่างที่หมอบอกว่าประมาณ 1-2 เดือนจนกว่าจะเข้าที่ คงต้องรอตามนั้นก่อนเพราะตอนนี้ก็กังวลหลายอย่าง ถ้าสมมติว่าเราเกิดท้องขึ้นมาจริงๆ แล้วแบบมีอาการมึนหัวล้มไปอีก มันก็จะห่วงทั้งเราทั้งเด็ก”

อาการที่เป็นอยู่สามารถหาย 100% ได้ใช่ไหม? “คุณหมอบอกว่าสามารถหายได้ 100% แล้วแต่พฤติกรรมของแต่ละคนด้วย เหมือนกับว่าเราต้องนอนเยอะๆ กินน้ำเยอะๆ นอนหมอนสูง และทานยาที่ถูกต้อง แล้วถ้าจะกินยาอะไรก็ให้ปรึกษาแพทย์ดีกว่า อย่าคิดเอาเอง”

“สิ่งที่อยากเตือนทุกคนก็คือว่า ถ้าเริ่มรู้สึกมึนหัวหน้ามืดไม่ต้องคิดว่าจะพยายามเดินเลยแม้ว่ามันจะใกล้แค่ไหน คือให้ทรุดตัวนั่งลงไปตรงนั้นเลย อย่างตู่ถ้าตัดสินใจนั่งลงไปตรงนั้นแล้วหัวไม่ฟาดก็จะไม่อาการหนักขนาดนี้ เดี๋ยววันศุกร์นี้(8ต.ค.)ก็จะครบอาทิตย์หนึ่ง คุณหมอก็จะนัดไปลองกายภาพอีกหนว่ามันยังมีเศษหินปูนเยอะไหม ความดันเป็นยังไงบ้าง ยังต้องไปหาคุณหมอทุกอาทิตย์อีกเป็นเดือนๆ ค่ะ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน