ป้าเขียด นักแสดงอาวุโส เล่ามรสุมชีวิต เคยล้มป่วยหนักเข้าห้อง ICU ไม่รู้สึกตัว 15 วัน ซ้ำเจอวิกฤติโควิดลูกชายตกงาน-ติดค่าน้ำค่าไฟ

ถ้าพูดถึงนักแสดงอาวุโส ไม่มีใครไม่รู้จัก “ป้าเขียด นภาพร หงสกุล” ที่เคยฝากผลงานในวงการบันเทิง ทั้งงานละครและงานภาพยนตร์มาแล้วนับร้อยเรื่อง แถมผลงานที่ทำให้ป้าเขียดมีชื่อเสียงโด่งดัง คือ “ประชาชนชาวแฟลต” และผลงานอื่นๆอีกมากมาย

แต่แล้ว ป้าเขียด ต้องเจอกับวิกฤติล้มป่วยด้วยโรคประจำตัวอย่างหนัก จนเล่นละครไม่ได้มาหลายปี ส่งผลให้ครอบครัวที่เคยมีรายได้กลับต้องขาดรายได้ แต่เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดลูกชายคนเดียวที่ดูแลป้าเขียดอยู่ต้องตกงานในช่วงสถานการณ์โควิด -19 ทำให้ครอบครัวที่เคยมีรายได้กลับไม่มีรายได้เลย

ล่าสุด หนุ่ม คงกระพัน เดินทางไปเยี่ยมอาการของป้าเขียด ซึ่งตอนนี้ป้าเขียดเปิดร้านขายของชำอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี

โดย ป้าเขียด เผยว่า ตนเองย้ายมาอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรีได้ประมาณ 14-15 ปีแล้ว โดยสาเหตุที่ย้ายมา เนื่องจาก ขณะนั้นลูกชายตกงานอยู่ที่กรุงเทพสักพักหนึ่ง แล้วมาได้งานที่จังหวัดปราจีนบุรี จึงไม่อยากทิ้งแม่ไว้ที่กรุงเทพ เนื่องจาก ป้าเขียดมีโรคประจำตัวเยอะ จึงพาคุณแม่มาอยู่ที่ปราจีนบุรีด้วย

ซึ่งแรกๆที่อยู่ปราจีนบุรี ป้าเขียด ก็ยังเล่นละครอยู่ประมาณ 2-3 ปี และเริ่มหยุดงานในวงการบันเทิง เนื่องจาก ผู้จัดกลัวการเดินทางจะลำบาก โดยเรื่องสุดท้ายที่เล่นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ยอมรับคิดถึงบรรยากาศการทำงานละคร รวมถึงเพื่อนๆในวงการบันเทิง

กระทั่ง ป้าเขียด เกิดสุขภาพทรุดลง เนื่องจาก เกิดจากโรคเบาหวาน และ ความดัน ซึ่งเป็นโรคประจำตัวที่เคยเป็นมานานแล้ว แต่อยู่ดีๆเกิดเป็นลมหน้ามืด จนห้องเข้าICU ไม่รู้สึกตัว 15 วัน โดยอาการเริ่มป่วยตั้งแต่ปลายปี 2562 แต่มาเริ่มหนักช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 ที่ต้องเข้าห้อง ICU

สำหรับอาการป่วยตอนนี้ดีขึ้นแล้ว สามารถเดินเหินได้สบาย แต่ยังไม่สามารถเดินไกลๆได้ เนื่องจาก หัวเข่าไม่มีแรงและต้องใช้ไม้เท้าช่วยอยู่ ซึ่งการรักษาตอนนี้ต้องทานยาและใช้สิทธิ์บัตรทองสวัสดิการของรัฐ แต่ก็มียาบางตัวที่ต้องออกเอง อย่างล่าสุดที่เข้าโรงพยาบาล ยาเกี่ยวกับเรื่องการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะที่ต้องออกเอง เข็มละ 6,000 บาท และต้องฉีด 4 เข็ม

ด้าน ลูกชาย เผยว่า ตนเองต้องมาเจอวิกฤติตกงาน เนื่องจาก นายญี่ปุ่นที่เคยเป็นเจ้านายกลับประเทศ จึงทำให้ลูกชายต้องขาดรายได้ไปอีกทาง ยอมรับว่ายังติดค้างค่าน้ำ และค่าไฟเขาอยู่ เพราะว่า เงินที่ได้จากการขายของเป็นกำไรที่ต้องไปซื้อของหมุนเข้าร้าน ต้องมากกั๊กไว้ส่วนหนึ่งเพื่อเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายในบ้านและการดูแลซื้ออุปกรณ์ให้คุณแม่ใช้ จึงทำให้ของขายออกแต่ไม่มีตังค์ซื้อของเข้าร้าน

อีกทั้งบ้านที่จังหวัดปราจีนบุรี แม้ว่าจะเป็นบ้านลูกชายที่ซื้อเองก็จริงแต่ก็ยังผ่อนอยู่ และตอนนี้ตกงานจากที่นายญี่ปุ่นกลับประเทศ จึงหันมาขับรถส่งอาหาร ซึ่งรายได้วันละ 300 กว่าบาท จากนั้นหักค่าน้ำมันวันละร้อย จึงเหลือวันละ 200 บาท โดยเฉลี่ยรายเดือนต่อเดือนได้วันละ 6000 กว่าบาท

ขอบคุณยูทูบ หนุ่มคงกระพัน official

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน