โหงวเฮ้ง ลูกชาย เท่ง เถิดเทิง เปิดใจคุย เกิดเป็นลูกคนดัง โดนมาหมดทุกคำครหา แจงข่าวเม้าธ์ ผลาญเงิน ติดยา เกาะพ่อดัง! พร้อมเล่าเรื่องลับที่แรก

 

เกิดเป็นลูกคนดัง หนีไม่พ้นคนถูกจับตา ดังเช่นหนุ่มคนนี้ โหงวเฮ้ง อัครพงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ ลูกชายคนโตของซุปตาร์ตลก เท่ง เถิดเทิง ที่ตอนนี้คนเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น นอกจากฐานะเป็นลูกของเท่ง ตอนนี้รับบทยูทูบเบอร์น้องใหม่

ล่าสุด โหงวเฮ้ง เปิดใจหมดเปลือกกับ ข่าวสดบันเทิงออนไลน์ กับทุกคำครหาที่เจ้าตัวได้รับจากคนนอกที่มองเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเม้าธ์ซุบซิบนินทา ว่าเป็นลูกคนดัง ลูกคนมีตังค์ ก็ผลาญเงินพ่อแม่ไปวันๆ ไม่เอาไหน อีกทั้งติดยา พอมาทำยูทูบก็เกาะพ่อดัง ซึ่งทั้งหมดนี้ หากได้ฟังคำสัมภาษณ์ของเขาแล้ว หลายคนอาจจะมีมุมมองต่อหนุ่มคนนี้เปลี่ยนไป

ถามถึงตลาดเท่ง ที่ปิดเพราะสถานการณ์โควิด ตอนนี้เปิดหรือยัง?

“แพลนคือจะรีโนเวตใหม่ ตอนแรกกะจะเปิดตอนที่คลี่คลายจากสถานการณ์โควิด แต่เรากลัวเหตุการณ์ว่า ถ้าเกิดเราลงทุนรีโนเวตไปตอนนี้มันอาจจะปิดอีก เราก็เลยพักช่วงนี้ไว้ก่อน กะจะกลับมาเปิดอีกทีในช่วงหน้าหนาว พร้อมกับปรับปรุงใหม่นิดหน่อย”

 

ตอนนี้ยังเป็นคนที่บริหารจัดการตลาดเหมือนเดิมใช่ไหม?

“ครับ ใช่ครับ ทำเหมือนเดิมแต่เปอร์เซ็นต์ที่ได้อาจจะลดน้อยลงมา เพราะผมมาทำยูทูบด้วย อันนี้ผมก็ฝากให้รุ่นพี่หุ้นส่วนดูแลด้วย แต่ถามว่ายังบริหารไหม ผมก็ดูครับ ดูคร่าวๆว่ายังมีล็อกเข้าล็อกออก แล้วจะปรับเปลี่ยนอะไรยังไง”

 

ถ้านับจากที่ปิด นานขนาดไหนแล้ว?

“ก็4-5 เดือนได้แล้วมั้งครับ แต่ผมว่าน่าจะเกินนะ เพราะว่าที่ผมมาทำยูทูบแบบจริงจังก็เพราะตลาดปิดนี่แหละ”

 

แสดงว่าได้รับผลกระทบที่ค่อนข้างหนักเลย?

“หนักครับ เพราะว่านักท่องเที่ยวที่เราได้เนี่ย มันได้แค่เสาร์ อาทิตย์ เหมือนร้านบะหมี่โหน่งอ่ะ เขาก็เปิด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เพราะว่าคนที่ คือเราทำรีเสิร์ชมาแล้วว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เข้ามาเที่ยวในนครนายกจะมาเที่ยววันเสาร์ อาทิตย์ เราลองเปิดตลาดจันทร์ถึงศุกร์แล้วแต่มันไม่มีลูกค้าเลย เพราะทาร์เก็ตของเราอะส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยว”

 

แล้วพ่อค้าแม่ค้าเราดูแลยังไง?

“ตอนที่กระทบหนักมาก เราก็ให้เขาขายฟรีบ้าง แต่ช่วงนี้ก็เหมือนต้องให้เขาออกไปทำอะไรก่อน เพราะตัวของเราเองก็ไม่ได้มั่นใจในเรื่องของการดูแลลูกค้าว่าการใส่แมสก์มันจะควบคุมได้ขนาดไหน แต่ถามว่าเราดูแลรอบคอบที่สุดไหม เราก็ทำได้เท่าที่เราทำได้มากที่สุดครับ

ตอนนี้ก็คือปิดไปก่อนเลยดีกว่า เพราะว่าอย่างวัคซีนมันก็ยังได้กันไม่ครบ กลัวจะมาเป็นคลัสเตอร์ในตลาดอะ ก็เลยประชุมกัน เลยถือโอกาสปิดจะปรับปรุงตลาดด้วย เพราะว่าตั้งแต่เปิดมา3ปี ยังไม่เคยปิด”

 

ตลาดเท่ง ถือว่าเป็นธุรกิจหลักของเราเลยไหม?

“ถ้าสำหรับผม ตอนแรกมันเป็นธุรกิจหลักๆของผมเลยครับ เพราะว่าผมขอเอาเงินพ่อกับแม่มาลงทุนทำ พี่หุ้นส่วนที่ทำด้วยกันคือเขาเป็นคนพื้นที่ คือพ่อแม่ของเราทั้งคู่รู้จักกัน เหมือนลูกชายกับลูกชายมาทำธุรกิจด้วยกัน”

 

แสดงว่ารายได้หลักๆของเราตอนนั้นคือขาดหายไปเลย?

“ใช่ครับ หายไปเลยเราก็งงอยู่กับตัวเองพักนึง ว่าเราจะเอายังไงดี เพราะตั้งแต่เราขอเงินทุนพ่อแม่มาทำตลาด เราก็ไม่เคยขอตังค์พ่อแม่เลยตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา คือเราคิดว่าเราขอก้อนนี้มา หลังจากนี้เราจะไม่กลับไปใช้ตังค์เขาอีกแล้ว”

 

แล้วทำได้ไหม?

“ทำได้ครับ ทำได้ คือก่อนหน้านั้น ก่อนที่ผมจะมาทำตลาด ผมก็เคยทำร้านอาหารอีสาน เคยเปิดร้านขายส้มตำขายลาบข้างทางแบบมีเต็นต์ คือตอนที่กลับมาไทยแรกๆ อยากจะลองหาตังค์ ลองทำมาหมด เคยขายเสื้อ เคยสกรีนเสื้อขาย เคยรับจากแพลตตินั่ม เคยทำมาหมดครับ ก่อนที่จะมาทำตลาด

และตอนเรียนอยู่นิวซีแลนด์ก็เคยส่งหนังสือพิมพ์ด้วย คือเราหาตังค์ตั้งแต่เด็กอะครับ แล้วเรากลับมาเมืองไทย ตอนนั้นช่วงที่ ม.ปลายพอดี ช่วงม.5 ม.6 ช่วงนั้นเด็กรุ่นนี้มันกำลังปากดี เราก็จะโดนบอกว่า ‘มึงอ่ะเป็นลูกไอ้เท่ง ไม่ต้องทำอะไรหรอก รอเงินจากพ่อก็ได้’ มันยิ่งทำให้เรารู้สึกไม่ได้แล้ว เราต้องโชว์ให้พวกแม่งเห็น (หัวเราะ)

แล้วจากนั้น เราคิดเลยว่าเราจะไม่ให้ใครมาพูดเลยว่าเราใช้เงินพ่อแม่ คือพ่อแม่เราเขาเสียกับเราไปเป็น 10ล้าน ตั้งแต่ไปเรียนเมืองนอก พอผมกลับมาไทย ผมคิดไว้เลยว่าเราอยู่บ้านเขาฟรีแล้ว เราต้องไม่ใช้ตังค์เขา

แล้วพอออกมาอยู่คอนโดฯเอง หลังจากเอาเงินก้อนนั้นออกมาแล้วเราทำตลาด เราก็ให้ทุนเขาคืน ได้ทุกเดือนแล้วก็ตัดเก็บเราบ้าง แล้วก็ให้เขาคืน ตลอดเวลา3-4ปีที่เปิดมา ก็ให้เขาทุกเดือนครับ แบ่งเปอร์เซ็นต์กัน แล้วพอตลาดปิด มันเคว้งคือเราเพิ่งเรียนจบด้วย ก็คิดว่าจะทำยังไง ก็เลยมาทยูทูบ”

 

 

ทำยูทูบแบบจริงจังเลย?

“ใช่ครับ มันเริ่มจะจริงจังมากกว่าเดิม ตอนแรกผมโฟกัสเรื่องตลาดกับเรื่องเรียน เพราะว่าผมเรียนช้าแล้ว เนื่องจากเราเป็นเด็กดื้อไง ตอนที่เรากลับมาจากเมืองนอกอะ ตอนนั้นเราไม่อยากกลับมา มันก็เลยทำให้เราดื้อ

ก็เราไม่อยากกลับเอาเรากลับมาทำไม เราก็เลยดื้อเละเทะเลยตอนช่วงม.6 ตอนช่วงปี1 คือพ่อแม่ร้องไห้เลย เพราะเราดื้อมาก แต่เรารู้แล้วว่าเราทำแบบนี้ต่อไม่ได้เพราะว่าเราเป็นพี่คนโต”

 

ใครแนะนำมาทำยูทูบ?

“คือตัวผมเองก็เรียนวิทยุโทรทัศน์ เรียนสายนี้อยู่แล้ว คือตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่าเรามีจุดเด่นอะไรบ้าง จะให้เราไปถ่ายหรือให้เราไปตัดต่อเราทำไม่ได้ แล้วสิ่งที่เราทำได้ตอนอยู่ในกลุ่มเรียนก็คือการที่อยู่หน้ากล้องแล้วเราก็พูดไปเรื่อย คือคนเขาจะมองว่าเราเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ เป็นคนมีเอนเนอร์จี้สูง พุ่งตลอด ที่เขาบอกว่าผมติดยานี้ก็เพราะว่าผมพุ่งอยู่ตลอด”

 

แล้วเรื่องติดยานี่ยังไง?

“คือคาแร็กเตอร์ของผมออกลูกกวนตีนหน่อย ทรงผมมันเป็นไม่ใช่ทรงเด็กดีอะ เขาก็จะมองอย่างโน้นอย่างนี้ คือการทำยูทูบ ผมจะมาเรียบๆ มันก็ไม่ได้ ผมก็จะต้องพุ่งๆ คืออยากจะทำอะไรให้คนมันจำเราได้ด้วย กิมมิกเล็กๆให้เป็นตัวเองด้วย”

 

ก็ยืนยันว่าไม่ได้ติดยาแน่นอน?

“ไม่ได้ติดครับ ไม่ได้ติด แต่ผมใช้ชีวิตเมืองนอกมา ผมเคยทำให้พ่อแม่เสียใจ ผมบอกเลยว่าผมเคยเล่น แต่ตอนนี้ผมถือว่าเราโตแล้ว ผมว่าเราไม่มีทางที่จะเป็นแบบนั้นได้ แต่ผมคิดว่าผมอาจจะเป็นคนที่พูดเร็วด้วย”

 

ความตั้งใจแรกเลย จะทำรูปแบบรายการยังไงเพราะเห็นว่าแต่ละคลิปเหมือนเราดึงครอบครัวออกมาทำเป็นคอนเทนต์?

“คือตอนแรกผมก็คิดว่าจะถ่ายแค่ครอบครัวของผมนี่แหละในมุมที่สื่อไม่ค่อยได้เห็น ก็ถ่ายเล่นแล้วก็อัพเล่นกันนี่แหละ แต่คลิปแรกอะ มันเริ่มจากที่ผมไปถ่ายคลิปรับปริญญาเพื่อน คือถ่ายตัวเองว่าเพื่อนจบกันหมดแล้ว ทำไมตัวเองยังไม่จบวะ แล้วหลังจากนั้น คือเราออกมาอยู่ข้างนอกไงเวลาเรากลับบ้านไปก็ไปหาพ่อบ้าง ถ่ายว่าวันนี้พ่อทำอะไรกิน ถ่ายเล่นคุยกับเขา เราเล่นกับเขา เราใช้ชีวิตกันแบบนี้อยู่แล้วไงครับ เราก็เลยไม่เขิน

คือเราไม่ได้บอกว่าวันนี้มาถ่ายคลิปกันนะ คือเราเดินเข้าไปก็ถือกล้องขึ้นมาเลย พ่อแม่ก็ยังบอกว่าเออเดี๋ยวนี้คิดอะไรไม่ออกมาอีกแล้ว คือเราจับจุดถูกแล้วว่าคนเขาชอบดูเราแบบไหน อยากให้เราไปทำอะไร

อย่างเช่นอยากให้เราอยู่กับน้อง คือเราสนิทกับน้อง เราพูดกับน้องพลอย น้องพอยท์ หนูอย่างงั้น หนูอย่างงี้กันมาตั้งแต่เด็กแล้ว คือผมคุยกับน้องหนูอยู่แล้ว สำหรับคนอื่น เขาบอกว่าผมมาคุยกับน้องแบบนี้มันแปลก แล้วก็เป็นผู้ชายมาเรียกน้องว่าหนู มันน่ารักดี

คือผมติดมาอยู่แล้วตั้งแต่เด็ก แล้วอย่างกับพ่อกับแม่ เวลาถ่ายคลิปเสร็จแล้ว เวลาจะกลับก็เดินไปหอมพ่อหอมแม่ คือมันจะเป็นช็อตที่คนทั่วไปไม่ค่อยได้เห็น

แล้วผมก็รู้สึกว่ากลุ่มคนพวกนี้อยากดูอะไรในแบบนี้ แล้วคือพ่อผมเขาเป็นคนที่มีพื้นฐานเป็นคนรากหญ้า ทุกเพศ ทุกวัยรู้จักเขา แล้วพอเขาดูพ่อผม อ่อ นี่แหละ เท่งที่เขารู้จัก เขาเห็นชีวิตจริงๆที่ไม่ได้อยู่หน้ากล้อง อันนี้คือจุดแรกของผมเลย ที่ผมคิดว่าจะนำเสนอ คือมันไม่มีใครได้รู้อะครับ”

 

 

ฟีดแบ็กค่อนข้างดี?

“ดีครับ แต่ว่าหลังๆพอผมเริ่มทำก็แนะนำน้องและพ่อทำบ้าง หลังๆวิวผมเลยเริ่มตกแล้วเพราะว่าที่บ้านเขาทำกันเยอะ ตอนแรกมีแค่ผมที่นำเสนอไปคนเดียว แต่หลังๆเริ่มไปดูช่องพ่อ ช่องน้องแล้ว แต่ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหลายแนวหลายสไตล์ คือแต่ละคนก็มีคาแร็กเตอร์ชัดเจน”

 

เรียกว่าเป็นสายเอนเตอร์เทนกันทั้งบ้านเลย?

“ใช่ครับและยิ่งตอนนี้มีน้องเมญ่าเข้ามาด้วย คือใครจับกล้องจับอะไรได้ก็คือถ่าย คือมันจะมีช็อตฮาๆเยอะ แค่เราคุยกันมันก็สนุกแล้วครับ”

 

มีช่องทางในการหาเงินเข้าบ้านกันทุกคนเลย ตั้งแต่ตัวจิ๋ว?

“ใช่ครับ คือพ่อแม่ผมเขาไม่เคยสปอยล์ คือผมอยากได้อะไร ผมไม่เคยได้เลย คือรถคันแรกที่ผมได้เนี่ย เพื่อนผมเขามีรถกันหมดแล้วนะ คือผมบอกพ่อว่า เฮ้งควรจะเป็นคนแรกด้วยนะที่มีรถ คือตอนที่เรากลับมาไทยใหม่ๆเป็นวัยรุ่นไง เราก็อยากได้รถเขาก็ไม่ให้ไม่ให้สักที เราเข้ามหาลัยเขาก็ยังไม่ให้จนเราเริ่มมาทำตลาดอะ อันเนี่ยแหละเขาก็ออกให้

แล้วเขาก็บอกว่าไปผ่อนเอานะ เราก็ผ่อนเอง ค่าน้ำมันอะไรเราก็จ่ายเอง โทรศัพท์ iPhone คอมพิวเตอร์ หรืออยากจะมาอยู่คอนโดฯ ก็ไปหาเอง คือจะบอกว่าไม่ซัพพอร์ตก็ไม่ใช่ เขาซัพพอร์ตแต่ว่าถ้าอยากได้อะไรก็คือต้องไปจัดหาเอาเอง เพราะเขารู้ว่าเขาไม่เคยสปอยล์ผมอยู่แล้ว แล้วลูกๆก็รู้ด้วยว่าถูกเลี้ยงมาโดยที่ไม่เคยถูกสปอยล์เลย

แล้วยิ่งคนมาพูดว่าพ่อมึงเลี้ยงมึงไม่ต้องทำงานก็ได้ มันยิ่งทำให้เรายิ่งอยากโชว์ให้เขาเห็นเลยว่าเราหาเงินใช้ได้ด้วยตัวเอง ก็อย่างที่ผมเคยถ่ายคลิปเอาเงินให้แม่นั่นแหละ เล็กๆน้อยๆเราก็อยากพรีเซนต์ตัวเอง อยากให้คนเขารู้ว่าลูกเท่งก็ไม่ใช่ว่าไม่ทำงานทำการขอเงินพ่อใช้อย่างเดียวนะ แต่มันก็มีข้อดี เพราะถ้าคนไม่คิดแบบนั้น ผมก็อาจจะเป็นอย่างที่เขาพูดไปแล้วก็ได้”

 

พูดถึงพ่อเท่งหน่อย หน้าจอเขาจะเป็นคนเฮฮาสร้างเสียงหัวเราะ แต่ถ้าในมุมพ่อเขาดุไหม?

“ก็มีบ้าง แต่ถามอีกมุมหนึ่งของเขามันก็ไม่ใช่มุมซีเรียส แต่เขาจะเป็นคนเซ้นซิทีฟแล้วก็ซีเรียสกับความรู้สึกของลูกๆ คือบางทีลูกงอนหรือลูกโกรธเขานอนไม่หลับเลยนะ เขาเดินรอบบ้าน คือแม่ต้องเดินลงไปตามเลยนะ

คือสมัยก่อน ผมไม่กลับบ้านทะเลาะกับแม่ เราออกจากบ้าน คือพ่อเขาก็จะมานั่งเครียดแทน คือเรื่องลูกเขาจะค่อนข้างเซ้นซิทีฟแต่เขาจะไม่ค่อยดุ เขาจะพูดสั้นๆ นิ่งๆแต่ลึกซึ้ง มันก็เลยขลัง แล้วยิ่งเป็นผู้ชายด้วย เขาจะพูดน้อย เพราะว่าลูกผู้ชายรู้กันอยู่แล้วไม่ต้องพูด”

 

ด้วยความที่เป็นลูกชายคนโต เราถูกกดดันหรือรู้สึกกดดันในการใช้ชีวิตไหม?

“ตอนเด็กเล็กยังไม่รู้สึกกดดัน แต่พอเริ่มโตเริ่มกลับมาเริ่มรู้สึกแล้วครับว่าเราเป็นพี่ชายคนโต ขอยกตัวอย่างญาติแม่ แต่ว่าไม่ได้พาดพิงนะ อันเนี่ยพูดถึงได้ เพราะเป็นเรื่องจริง เขาคือลุง พี่ชายแม่เขาเมามาขอตังค์แม่ แม่ผมก็ให้

คือเราก็เลยมองว่าเราไม่อยากจะเป็นพี่ชายที่จะไปขอตังค์น้อง ในอนาคตไปบ้านสามีน้องเราไปขอตังค์เขาแบบนี้ คือผมคิดไปเรื่อยอะ มันก็จะกดดัน แล้วถ้าสมมุติน้องเราไม่ได้มีสามีที่ดีหรือถ้าพ่อแม่เราไม่ได้ทำงานแล้ว แล้วใครจะเลี้ยงพวกเขา ใครจะดูแลเขาได้ ก็เหมือนเพิ่งจะคิดได้ว่าเราจะมาใช้ชีวิตเละเทะ เหมือนทั่วๆไปไม่ได้แล้ว”

 

สุดท้ายอยากชี้แจงอะไรไหม กระแสที่บอกว่า เราเกาะพ่อดัง?

“คือเรื่องนี้ผมไม่เคยเล่าที่ไหนมาก่อนเลย คือตอนที่ผมจะไปเรียนเมืองนอกและตอนที่ช่วงปิดเทอมยาว กลับมาไทย ผมเคยขอพ่อเล่นหนัง พ่อเปิดกล้องหนัง ผมคุยกับเขาว่าพ่อเป็นผู้กำกับพ่อเขียนบทให้ผมเล่นหน่อย ผมอยากลองเล่น เราอยากจะมีประสบการณ์ เราก็อยากลอง

เรื่องลูกตลกตกไม่ไกลต้น ตอนแรกผมก็จะได้เล่นกับพวกลูกของลุงหม่ำ จะเป็นหนังของลุงโน้ต เชิญยิ้ม แต่ไปๆมาๆก็ไม่ได้เล่นเพราะต้องไปเรียนเมืองนอก

คือพ่อผมเขาไม่เคยให้เล่นเลยนะ เพราะว่าเขาบอกว่า ถ้าผมอยากจะดังเขาไม่อยากให้พ่อหรือให้ใครมาดัน คือถ้าจะอยากเข้าวงการเขาบอกว่าให้ไปทำเอง คือจะมาให้พ่อเป็นผู้กำกับจะมาขอเล่นหนังเหรอ มันไม่ใช่ ผมก็เลยล้มเลิกความคิดนั้น

เรื่องที่เราอยากจะเป็นนักแสดงเราก็เลยล้มเลิกไป ก็เลยกลับไปคิดเรื่องทำงานเรื่องเรียนเรื่องหาตังค์ของเราดีกว่า เพราะเรารู้แล้วว่าพ่อไม่ได้ซัพพอร์เราเรื่องนี้

แล้วช่วงหลังๆมาทำยูทูบคนก็เริ่มรู้จัก แล้วตอนแรกมันยังไม่อิมแพ็กพอที่เราจะไปบอกพ่อว่า ทำยูทูบแล้วคนรู้จักนะ มันก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะว่าคนที่คนดูเราเพราะว่าเราอะเป็นลูกของพ่อด้วย

ถ้าคนมองว่าเกาะพ่อดังไหม ถ้าเกาะดังอะผมคิดว่าผมต้องเป็นบอยแบนด์กับเขา เขาดังแล้วผมไม่ดัง แบบนั้นอะ เรียกว่าผมเกาะเขาดัง แต่นี่ผมเป็นลูกเขาอะ มันอยู่ที่มุมมองนะผมว่า ผมถ่ายเล่นกับพ่อผม คือมันเป็นผลพลอยได้อะที่พ่อผมเป็นคนดังเท่านั้นเอง

คือคนมันจะพูดไรก็พูดได้ ลูกกับพ่อ ลูกมันไม่มาเกาะพ่อดังหรอก มันได้ด้วยเหรอเกาะพ่อดัง แล้วถ้าซักวันนึงผมดังแล้วพ่อผมแก่ พ่อผมไม่มีงาน อันนั้นพ่อผมต้องมาเกาะผมดังไหม ผมดังในยูทูบ คือมันแล้วแต่คนคิดนะครับ

คือตอนแรกผมก็โกรธนะ อะไรวะเนี่ย เรามาทำเองหมด แต่จริงๆมันก็ไม่ได้ทำเองหมดไง คือสิ่งที่ผมได้มาคือพื้นฐานที่เขาวางไว้ให้ คือคนเขารู้ว่าผมเป็นลูกใครคือถ้าเขารักพ่อเรา เขาก็จะรักเราด้วย คือเหมือนกับว่าเขาเป็นFC พ่อเรา เขาดูเราเขาก็เอ็นดูเราไปด้วย”

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน