เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล นักแสดงสาว มาร่วมงานแถลงข่าว “Grand Opening of Buleze Brand” จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องถูกเม้าธ์ว่าช็อปปิ้งออนไลน์หมดเงินหลักล้านต่อเดือน

โดยปุ๊กลุกเผยว่า หนูช็อปปิ้งจริงๆ แต่หนูไม่ได้ช้อปถึงล้านค่ะ มันมีโอนเรื่อยๆ แต่ไม่ถึง มันไม่ได้ขนาดนั้น แต่ถ้าถามว่าเยอะไหม คือของมีราคาบางชิ้นมันก็แพงแต่ไม่ถึงล้านนะคะ บางทีมันคาบเกี่ยวกันต่อเดือนหรือเปล่า อย่าไปคิดมัน เดี๋ยวเราจะเสียดายเงิน(หัวเราะ) คือช่วงไหนที่เราซื้อ เราก็จะซื้อ อย่างช่วงปลายปีมีลดราคา แต่ไม่ได้ช็อปแบบนี้ทุกเดือน ถามว่าส่วนใหญ่ที่ซื้อเป็นของแบรนด์เนมหรือเปล่า ก็ปะปนกันไปค่ะ”

ซื้อของออนไลน์มากสุด หมดไปเดือนละเท่าไหร่
“หนูว่าหลักแสนแต่ไม่ถึงหลักล้าน ไม่เคยช็อปถึงหลักล้านเลย”

ผู้ปกครองเคยเอาสลิปการใช้จ่ายแต่ละเดือนที่เราใช้มาให้ดูบ้างไหม
“เราดูแลการเงินเอง เพราะฉะนั้นเรื่องจะไปไม่ถึงหูคุณพ่อคุณแม่ แม่ถามมาว่าช็อปเป็นล้านเลยเหรอลูก เราก็ตอบ บ้า เสียงสูงใส่แม่ ไม่จริงแม่ ไม่ถึงๆ ถามว่าแม่มีเตือนให้ลดการใช้เงินบ้างไหม หนูว่ามันเป็นช่วงๆ ช่วงไหนเราชอบอะไร อยากได้อะไรก็ซื้อ คุณแม่ก็มีเบรกบ้างเวลาของมาส่งที่บ้าน จะถามว่าซื้ออะไรอีกแล้ว แต่บางทีเราก็ให้ไปส่งที่กองถ่าย(หัวเราะ) อ้าว แม่รู้เลยทีนี้”

เรามีลิมิตในการช็อปปิ้งของตัวเองไหม
“มีค่ะ อย่างตอนเด็กๆ เรายอมรับเลยว่าไม่ได้คิด บางทีซื้อรองเท้ารุ่นเดียวกัน 5 คู่ 10 คู่ เดี๋ยวนี้จะคิดแล้วว่าสีอะไรเราได้ใช้ จะไม่ซื้อเหมือนสมัยเด็กๆ แล้วที่อยากได้อะไรแล้วซื้อทันที บางทีอยากได้อะไรก็จะแคปเก็บไว้ก่อนยังไม่สั่ง คิดประมาณ 3 วัน ถ้าอยากได้จริงๆ ค่อยเอาแล้วกัน ช่วงนี้เบาๆ ลงแล้ว แต่ก็มีเรื่อยๆ ไม่ได้หยุด แต่ไม่เยอะ”

มีการแบ่งเงินในส่วนต่างๆ ไว้ไหม
“มีค่ะ หนูจะแบ่งครึ่งหนึ่งคือเป็นเงินเก็บ อีกส่วนหนึ่งให้คุณพ่อคุณแม่ อีกส่วนเราถึงได้ใช้”

ทางผู้จัดการส่วนตัวเรามีปรามๆ เรื่องการใช้เงินบ้างไหม
“มันไม่ได้เยอะขนาดนั้นค่ะ มันยังอยู่ในลิมิต หนูจะเน้นซื้อของที่ใช้ได้นานๆ ส่วนใหญ่จะเป็นรองเท้าค่ะ ถามว่าติดหรูไหม ไม่ค่ะ ยังทานข้าวข้างทางอยู่นะคะ”

จะมีเอาเสื้อผ้ามือสองมาขายราคาถูกเหมือนคนอื่นไหม
“หนูจะไปขอซื้อเสื้อผ้ามือสองต่อจากพี่อั้ม-พัชราภา มาใส่ในละครอยู่ค่ะ เพราะหนูจะไม่ค่อยได้ซื้อเสื้อผ้า ส่วนใหญ่จะซื้อกระเป๋า รองเท้าค่ะ”

ช่วงนี้หายหน้าหายตาไป คนเลยมองว่าเรากระแสตก
“ช่วงที่ถ่ายละครนายฮ้อยทมิฬจะมีช่วงท้ายๆ ที่ต้องถ่ายไปออนไป เราเลยต้องเทคิวค่ะ และพอปิดกองไป ซึ่งเราให้คิวกับเรื่องนี้เยอะต่อไป เราเลยต้องเทให้กับเรื่องนางทิพย์ เพราะที่ผ่านมาแทบไม่ได้ให้คิวเขาเลย ตอนนี้ต้องเทคิวให้ละครหนักมากค่ะ เป็นนางฟ้าทุกวันจนจะบินได้อยู่แล้ว (หัวเราะ)”

ทำให้กระแสอีเว้นต์หายไปเลย
“ใช่ค่ะ แฟนๆ ก็บ่นคิดถึงเยอะ ถ้าติดต่อล่วงหน้านานๆ ก็จะได้คิว แต่ถ้ากระชั้น มันจะยากนิดหนึ่ง เพราะเราบอกทางกองแล้วว่าเราจะเทคิวให้เต็มที่เลย ถามว่าเสียดายงานอีเว้นต์ที่ไม่ได้รับไหม เสียดายมากๆ ค่ะ ถ้าบอกไม่เสียดายมันก็จะดูเป็นนางเอกไป คือเวลาที่เขาติดต่อมา เราก็จะได้เห็นตัวเงินเนอะ แต่เราต้องนึกถึงบางทีถ้าเราหยุดกองไปแล้วเราเป็นตัวหลัก อีกอย่างเรื่องนางทิพย์ถ่ายค่อนข้างยาก วันหนึ่งถ่ายได้ไม่กี่ฉากเอง เพราะหนูต้องขึ้นดอลลี่ตลอด ถ่ายฉากหนึ่งก็ 2-3 ชั่วโมงมันเลยจะยากกว่า”

กังวลไหมที่หลายคนมองว่าเรากระแสหายไปแล้ว
“ไม่นะ หนูรู้สึกว่าแฟนๆ สามารถติดตามเราได้ผ่านทางไอจี ถ้าถามว่าเราอยากรับงานไหม เราอยากรับอยู่แล้ว แต่ถ้าสมมติมันไม่สามารถจริงๆ ก็ต้องให้ละครก่อน กระแสไม่หายหรอก พี่ๆ สื่อคิดถึงหนูอยู่แล้ว หนูเชื่อว่าถ้ามีโอกาสก็ได้เจอกัน แต่ถ้าจะให้เราไปฟาดฟันคิวละคร เพื่อให้ได้มางานอีเว้นต์ หนูคงจะอยู่ได้ไม่นาน เอาที่มันเหมาะสมดีกว่า ช่วงไหนเรารับได้ก็จะเห็นเราบ่อยๆ แต่ช่วงไหนสลับไม่ได้จริงๆ ก็ต้องพักไป”

เราเลยถูกมองว่ากระแสหายไปจากแต่ก่อน
“หนูรู้สึกว่าพอละครจบเราก็มีแฟนๆ ที่รักเราผ่านละครเยอะขึ้น บางทีเราอาจจะต้องเสียบางอย่างเพื่อบางอย่าง หน้าที่เราคือเราเป็นนักแสดง เราไม่ได้เป็นนักอีเว้นต์ ฉะนั้นงานหลักเราก็คือการแสดง แต่ผลพลอยได้หลังจากที่คนรู้จักเรา เราก็ได้มีโอกาสมางานอีเว้นต์ ซึ่งเราต้องมั่นใจและมั่นคงว่าแกนหลักเราคืออะไร เราคือนักแสดงค่ะ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน