ควรจบการล่าแม่มด! พลอย ภัทรากร เดินหน้าฟ้อง 20 กว่าราย พาดพิงเป็นมือที่สาม สร้างความเข้าใจผิดทำ ‘เวียร์-เบลล่า’ เลิกรา โดนบูลลี่รูปร่าง ลามปามครอบครัว

ผ่านพ้นมรสุมข่าวฉาว หลุดพ้นมลทินถูกพาดพิงเป็นมือที่สามมาแล้ว สำหรับนักแสดงสาว พลอย’ ภัทรากร ตั้งศุภกุล ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้ออกมาปกป้องสิทธิของตัวเอง โดยใช้ทีมทนายที่เป็น กลุ่มเพื่อนสนิท อีกทั้งตัวเองเรียนจบทางด้านกฎหมายมาด้วย

โดยเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 65 พลอย ภัทรากร เปิดใจกับสื่อมวลชน ในงานรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์เรื่อง หร่อยจังจ้าว” ณ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน อัพเดตคดีความ หลังฟ้องดำเนินคดีไปกว่า 20 ราย นอกจากจะถูกกล่าวหาว่าเป็นมือที่สาม สร้างความเข้าใจผิดว่าทำให้คู่รัก เวียร์-เบลล่า” เลิกรา ยังถูกบูลลี่รูปร่าง และลามปามไปถึงครอบครัว จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อจิตใจของเจ้าตัวเป็นอย่างมาก พร้อมบอกควรจบได้แล้วกับการล่าแม่มด

อัพเดตชีวิตช่วงนี้? “ช่วงนี้ก็ทำงานปกติ ตอนนี้มีถ่ายซิตคอมอยู่ค่ะ”

เข้ารูปเข้ารอยหรือยัง จากกระแสข่าวตอนนั้น? “เข้ารูปเข้ารอยแล้วค่ะ เพราะเราก็จัดการอะไรของเราไป ใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม”

เครียดไหมตอนนั้น กระแสมันแรงมาก? “จริงๆ คือหนูไม่อยากให้สัมภาษณ์เรื่องนี้แล้วค่ะ เพราะตอนนั้นหนูก็ออกมาให้สัมภาษณ์แล้ว แล้วหนูก็ได้ดำเนินการทุกอย่าง ตามขั้นตอนไปเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็ได้ออกมาพูด ในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เรื่องมันก็จบแล้ว”

ตอนนั้นลำดับชีวิตตัวเองยังไง ว่าเราจะต้องผ่านตรงนี้ไปให้ได้? “ตอนนั้นเราก็ปรึกษาเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคน แล้วก็ครอบครัวค่ะ พลอยเชื่อว่าถ้าเกิดเรามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นมา เราก็ต้องเซ็ตว่า เราจะต้องจัดการยังไง แล้วก็ทำไปตามกระบวนการนั้นๆ ค่ะ”

ตอนนี้ยังมีแฮชแท็กด้านลบๆ มาถึงเราอยู่ไหม? “ไม่มีแล้วค่ะ พอพลอยทำเรื่องจบปุ๊บ เหมือนทุกคนก็ออกมาพูดเรื่องจริง มันก็จบไป ทุกอย่างมันก็คลี่คลายไปค่ะ

ฟ้องไปกี่ราย? “ก็พอประมาณ ตามสมควรค่ะ (หัวเราะ) (ถึง 20 คนไหม?) ก็ประมาณนั้นค่ะ เลือกอันที่แบบ บางคนเขาเหมือนเอาเรื่องไม่จริงขึ้นมาพูด แล้วก็เหมือนการที่ล่อเป้าขึ้นมา ทำให้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นด้วยนั่นนู่นนี่ เราก็เลือกอันไหนที่มันผิดจริงๆ ค่ะ แล้วก็ทำตามกระบวนการไป ก็มีทีมทนายของเรา”

เคสที่เจอหมายศาลแล้ว มีติดต่อมาบ้างไหม? “ก็มีบ้าง (หัวเราะ) จริงๆ ไม่อยากให้สัมภาษณ์เรื่องนี้นะเนี่ย (เขาขอโทษว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์?) มันก็ตามนั้นค่ะ เราก็ทำหน้าที่ของเรา เราก็ต้องออกมาปกป้องตัวเอง คนที่เขาทำผิด เขาก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำ ก็แค่นี้ค่ะ”

มีใจอ่อนบ้างไหม? “(หัวเราะ) หนูก็ให้เป็นหน้าที่ของทนายแล้วกัน บางอย่างเราก็ทำตรงหน้าที่ของเรา อันไหนเป็นหน้าที่ของคนอื่น ก็ให้เขาทำไป”

มีการเรียกค่าเสียหายให้เขาชดใช้เรายังไง? “ก็มีเรียกค่าเสียหาย ให้เป็นไปตามกระบวนการค่ะ”

ทนายอัพเดตเรายังไงบ้าง? “ก็คุยกันตลอดอยู่แล้วค่ะ ทีมทนายก็เป็นเพื่อนสนิทหนูหมดเลย เพราะหนูก็เรียนจบนิติศาสตร์มา เพื่อนๆ ทุกคนที่รู้เรื่องก็แบบ เฮ้ย!เกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง แล้วเห็นพลอยเป็นแบบนี้ เจอเรื่องที่ไม่ดีแบบดี แล้วมันก็ไม่แฟร์สำหรับเรา เพื่อนๆ ทุกคนก็ออกมาช่วยกันหมด ทั้งเพื่อนในวงการด้วย แล้วก็เพื่อนที่เรียนจบนิติฯ เหมือนกันด้วยค่ะ”

“ทุกคนก็ถามว่าเสียค่าทนายเท่าไหร่ หนูก็บอกว่าไม่เสีย เพราะทุกคนเป็นเพื่อนสนิทเราหมดค่ะ โตมาด้วยกัน ทุกคนก็ช่วยซัพพอร์ตกัน เราก็ผ่านเรื่องนี้ไปได้ เพราะทุกคนที่อยู่รอบตัวเราคอยเป็นกำลังใจให้เรา แล้วก็ช่วยเหลือเรา”

มีโอกาสได้เจอคู่กรณีแล้วหรือยัง? “ยังค่ะ แต่มันไกล่เกลี่ยได้ค่ะ (แต่เราก็ไม่ยอมความใช่ไหม?) มันก็อยู่ที่เราจะไปไกล่เกลี่ยที่ไหน จุดไหน อันนี้พลอยก็ให้ทีมทนายตัดสินใจค่ะ”

หลายคนออกมาซัพพอร์ตเราเยอะมาก? “ใช่ค่ะ พวกพี่ๆ ทีมงานทุกคน ออกมาซัพพอร์ตเราหมด เพราะเขารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แล้วเราก็โดนซะขนาดนี้ ทุกคนก็เข้ามาช่วย อันนี้มันก็ทำให้พลอยผ่านเรื่องนี้ไปได้ค่ะ”

พอพี่ๆ ออกมาซัพพอร์ต ทำให้คนรู้จักเรามากขึ้นไหม? “หนูว่าไม่เกี่ยวหรอก ถ้ามองในมุมแบบว่า เพื่อนเราหรือคนที่เราสนิท เดินอยู่ในจุดที่ลำบาก เราเข้ามาช่วยกัน มันเหมือนเป็นเรื่องพี่น้องอ่ะ ตอนนั้นหนูก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยนะ เขาไม่ได้บอกด้วย ว่าลงให้หนู แต่ลงเสร็จเขาก็ไลน์มาบอก พี่ลงให้แล้วนะ พลอยลองเข้าไปอ่านดู อันนั้นคือเราแบบ เรารู้สึกดีมาก มีคนคอยปกป้องเรา”

ตอนนั้นนอยด์ไหม? “หนูว่าถ้าใครโดนแบบหนู ก็คงรู้สึกแบบหนูแหละ ไม่มีใครรู้สึกดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรอกค่ะ แต่อีกมุมหนึ่ง มันไม่ได้แค่เรื่องที่คนเข้าใจเราผิด หรือว่าการที่คนเอารูปเรา เอาวิดีโอเราไปสื่อ หรือว่าจั่วหัวในเรื่องผิด คือฟีดแบ็กกลับมามันก็แย่อยู่แล้ว แต่ว่ามันไปถึงเรื่องการบูลลี่แล้ว ทุคนออกมารณรงค์กันว่าหยุดบูลลี่กันได้แล้ว ซึ่งหนูเจอหมดเลย เขาไม่ได้มาในประเด็นที่ทุกคนอยากจะให้เป็นเรื่องมือที่สาม เขามาเรื่องรูปร่างหน้าตา ลามมาถึงครอบครัว ถึงการใช้ชีวิตส่วนตัว มันลามไปหมด อันนี้คือสิ่งรู้สึกว่าที่มันไม่แฟร์กับชีวิตเรา

บางคนเอาคุณพ่อคุณแม่เรา เอาครอบครัวเรามายุ่งด้วย มันเป็นไซเบอร์บูลลี่ของจริง ซึ่งพอมันเกิดขึ้นกับเรา เราก็เลยรู้สึกว่า มันกระทบจริงๆ ถ้าใครไม่โดนคงนึกภาพไม่ออกค่ะ พอเราออกมาพูดกับคนรอบๆ ตัว ว่าตอนนี้มันเกิดขึ้นกับเรา แล้วมันก็กระทบกระเทือนกับจิตใจเราจริงๆ เพราะมันลามไปไกลมากแล้ว ทุกคนก็ออกมาซัพพอร์ตเรา ซึ่งอันนี้มันมีคุณค่า มันรู้สึกดีมากๆ มันเป็นมิตรภาพที่แบบ ถ้าไม่เจอเรื่องแบบนี้ เราก็คงไม่รู้ว่าใครรักเรา หรือใครเขามาซัพพอร์ตเรา ซึ่งหนูว่าอันนี้ มันทำให้หนูเห็น ว่ามีความรักดีๆ อยู่รอบตัว ทุกคนช่วยเราหมด”

เหตุการณ์นี้ทำให้เราเจอมุมบวกๆ ของชีวิตเราเหมือนกัน? “ใช่ มันก็เจอทั้งเรื่องแย่และเรื่องดี แต่สุดท้ายมันก็ผ่านมาแล้ว ทุกอย่างมันจบแล้ว หนูก็เลยบอกว่าหนูไม่อยากให้สัมภาษณ์เรื่องนี้อีก (หัวเราะ) เพราะว่ามันจบแล้ว มันผ่านมานานแล้วด้วย”

คดีความมันต้องยืดเยื้อไปยาวนานกี่ปี? “มันก็ไม่ยืดเยื้อหรอกค่ะหนูว่า เราก็ทำให้มันเป็นไปตามกระบวนการ ในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ก็พยายามทำไปให้มันจบ พลอยว่านั่นแหละ สุดท้ายมันก็อยู่ที่ว่า มันควรจบแล้วกับการล่าแม่มด เพราะคนออกมาพูดแล้ว เราควรจะรับฟังกัน จบกับการบูลลี่ต่างๆ เรื่องนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นกับพลอยคนเดียวค่ะ มันเกิดกับนักแสดงหลายๆ คน คนที่อยู่จุดนี้หลายๆ คน ทุกคนโดนบูลลี่กันอยู่แล้ว ซึ่งมันไม่โอเคเลย หนูว่ามันไม่ควรเกิดขึ้นกับใครด้วยซ้ำ”

เพราะฉะนั้นหนูว่าคนที่เสพสื่อ ถ้าเสพแล้วก็อย่าไปอินมาก เราไม่รู้หรอก ว่าสิ่งที่เราเสพอยู่เป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง แต่ว่าการที่เราเข้าไปคอมเมนต์ หรือว่าเข้าไปพูดอะไรแรงๆ มันไม่ใช่เรื่องที่ดีค่ะ แล้วหนูคิดว่าเขาก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำ แค่นี้แหละค่ะ บางทีหนูเข้าไปอ่านหนูก็แบบ เมนต์กันขนาดนี้เลยเหรอ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องจริงเลย ถ้าเกิดใครที่อยู่ในจุดของหนูก็จะเข้าใจ ว่าโห…มันลามไปไกล เราก็ต้องออกมาปกป้องตัวเอง”

งานเข้ามาเยอะด้วยไหม? “ไม่เกี่ยวเลย ไม่มีเลย (หัวเราะ) หนูก็อยู่บ้านเหมือนเดิม ออกกำลังกายเหมือนเดิม ทุกคนก็จะบอกว่าดี เป็นกระแส จะได้มีงาน แต่ไม่จริงนะ มันไม่มีกับหนูเลย ก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิมค่ะ ตอนนี้เป็นนักแสดงอิสระ ทำงานได้ทุกที่ค่ะ จ้างได้ค่ะ ยินดีค่ะ (ยิ้ม)”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน