บิวกิ้น เปิดใจ! ไม่คิดย้ายบ้านหลังโดนสะกดรอยตาม เผยรูปพรรณคนขับรถ รับห่วงความปลอดภัยคนใกล้ชิด วอนขอพื้นที่ส่วนตัวบ้าง

หลังเจอเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกผวา เมื่อจับได้ว่าโดนขับรถตามขณะเดินทางออกจากบ้านจนกลับมาบ้านในช่วงระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมา ทำเอาดาราหนุ่มชื่อดัง บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล กังวลหนักเพราะห่วงความปลอดภัยของตัวเองและคนในครอบครัว ก่อนจะตัดสินใจเข้าไปคุยกับคนที่ขับรถตาม แต่อีกฝ่ายกลับขับหนี จนเจ้าตัวต้องรีบไปแจ้งความ

ล่าสุดวันที่ 12 ก.พ. บิวกิ้น ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “จริงๆ มันเริ่มจากวันเสาร์ (5ก.พ.)ที่ผ่านมา ผมขับรถออกจากบ้านเพื่อจะไปหาเพื่อนแถวพระราม4 จากหน้าบ้านผมพอขับออกมาปุ๊บมันก็จะขึ้นทางด่วนได้เลย พอขึ้นทางด่วนเราก็เริ่มรู้สึกว่าเหมือนมีรถขับตาม แต่ก็ยังไม่ได้มั่นใจ”

“คือปกติผมจะเป็นคนที่ขับรถแล้วสังเกตรถรอบๆ อยู่แล้ว อย่างเวลารถขับมาเร็วเราก็จะหลบออก แต่คราวนี้พอเราขับปุ๊บมันเหมือนกับว่าพอเราหลบเข้ามาเขาก็ไม่ยอมแซงและตามเรา จนมาถึงช่วงลงทางด่วนตรงพระราม4 พอเราเลี้ยวซ้ายมันจะเหมือนมีสะพานทางขึ้น ผมก็เลยจะลองเช็กดูว่ายังตามอยู่หรือเปล่า”

“ผมก็เลยปาดไปเลนขวาสุดตรงที่เป็นเลนขึ้นสะพาน แล้วก็ปาดกลับเข้ามาตรงใกล้ๆ ตรงเส้นทึบ เขาก็ปาดตามผมเข้ามาอีก ผมก็เลยเข้าซ้ายสุดเลยซึ่งเขาก็ยังตาม อันนี้จึงเริ่มมั่นใจแล้ว ผมก็เลยจอดชิดซ้ายตรงหน้าจามจุรีสแควร์ เสร็จแล้วเขาก็มาจอดต่อท้ายผมแป๊บหนึ่ง แล้วก็เบี่ยงขวาออกและเลี้ยวเข้าไปในจามจุรีสแควร์”

“ผมก็เลยไหลรถออกมาช้าๆ ดูข้างหลังว่ามีใครตามหรือเปล่า แล้วเขาก็วนออกมาจากจามจุรีสแควร์ทันทีเลย พอดีมันเป็นไฟเขียวกำลังจะหมดผมก็เลยรีบพุ่งข้ามแยกไป เขาก็ติดไฟแดงและเหมือนคลาดกันตรงนั้นในวันแรก”

“วันที่2 วันจันทร์ที่ผ่านมา(7ก.พ.) ผมไปไลฟ์งานที่โรงแรม ทำงานเสร็จแล้วผมก็ทานข้าวกันต่อ ออกมาประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ พอเลี้ยวออกจากโรงแรมก็รู้สึกเหมือนโดนตาม เลยดูว่าเป็นรถสีเดิมและรุ่นเดิม ระหว่างทางผมก็พยายามขับเช็กว่าเขาตามเราจริงๆ หรือเปล่า เวลาเราแทรกรูไหนเขาก็ตาม เราก็เลยเริ่มรู้สึกว่าต้องเป็นคันเดียวกับวันนั้นแน่เลย”

“พอดีตรงหน้าบ้านผมมันทำถนนอยู่ ต้องไปทะลุอีกซอยหนึ่ง พอผมเลี้ยวซ้ายเข้าซอยปุ๊บเขาก็ยังตามมาอยู่ แต่พอเขาเห็นเราจอดและเปิดไฟฉุกเฉินปุ๊บ เขาก็หักหัวรถออกแล้วก็ขับไป รอบล่าสุดคือวันพุธที่ 9 ก.พ. ผมกลับจากเซ็นทรัลเวิลด์ ขับออกมาจากห้างก็รู้สึกเหมือนโดนตามอีกแล้ว พอเลี้ยวออกจากห้างปุ๊บก็มีรถคันนี้สีเดิมรุ่นเดิมเลยขับตามเรามา ผมก็เลยรู้สึกว่ารอบนี้ใช่แน่เลย”

“ผมก็เลยโทรหาปะป๊าบอกว่ารู้สึกเหมือนกำลังโดนตาม คันเดิมสีเดิมเลยที่วันนั้นเล่าให้ฟัง ป๊าก็เลยถามว่าจะเอายังไงดีจะลงไปคุยกับเขาเลยไหม ผมบอกว่าก็ได้นะ ป๊าเลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวป๊าออกมาด้วย ไม่อยากให้คุยคนเดียว ผมก็เลยจอดแล้วเหมือนลงไปคุย แล้วก็บอกว่าขอโทษนะครับ ช่วยลดกระจกลงมาคุยกันหน่อยได้ไหม เหมือนเขาก็ตกใจมองหน้า ไม่ลดกระจกลงมาคุยกับผม แล้วก็เหมือนพยายามแทรกขับหนีไป”

“เลยคุยกับป๊าว่าไม่เป็นอะไรหรอก เพราะว่าเรามีทะเบียนมีอะไรหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เดี๋ยวไปลงบันทึกประจำวันกัน คืนนั้นก็เลยไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่สน.บางพลัดครับ พอผมลงบันทึกประจำวันไว้ อีกวันทางนาดาวเขาก็เลยให้ทีมกฎหมายไปดำเนินการต่อ ล่าสุดทนายก็ไปแจ้งความไว้ให้ ทางตำรวจบอกว่ากำลังสืบเรื่องอยู่อะไรอย่างเนี้ยครับ”

ตอนที่ลงไปคุยแล้วเห็นเขาตกใจ แสดงว่าเห็นคนในรถว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายใช่ไหม? “จริงๆ ฟิล์มมันมืดมาก เราเห็นรางๆ ว่าเป็นผู้หญิง เพราะเห็นเหมือนเขาผมยาว แล้วก็ผมสีทอง แต่ว่าเขาก็ใส่แมสก์และหมวกแก๊ปอยู่ นั่งมาด้วยกันข้างหน้าสองคน แต่ว่าข้างหลังมองไม่เห็นเลยเพราะว่าฟิล์มมันดำมาก”

ถ้ารู้ตัวว่าเป็นใครจะดำเนินการอย่างไรต่อ? “ผมว่าอาจจะต้องสืบก่อนว่าเขามาด้วยเจตนาอะไร ถ้าเขาตามเฉยๆ อันนี้ก็อาจจะคุยปรับความเข้าใจกันได้ แต่ถ้าเกิดเขามีเจตนาที่ประสงค์ไม่ดี แอบถ่ายทำอะไร อันนั้นคิดว่าก็จะต้องมีวิธีการจัดการอีกแบบหนึ่งเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานกับคนอื่น”

รู้สึกโดนรุกล้ำหรือคุกคามเกินไปไหม? “จริงๆ ก็รู้สึกประมาณนั้นแหละครับ มันเป็นการล้ำสิทธิความเป็นส่วนตัว คือเราก็ไม่รู้ว่าในขณะที่เขาขับรถตามได้มีการถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ หรือว่าถ่ายเข้ามาในบ้านเราหรือรถเราหรือเปล่า เพราะว่าพอเขาตามมาถึงหน้าบ้านแสดงว่าเขาอาจจะรู้ว่าบ้านเราอยู่ไหน เราก็เลยรู้สึกเป็นกังวลเพราะว่าที่บ้านผมก็มีอาม่า อากง อาเจ็ก อาโกอยู่เยอะด้วยทั้งซอยเลย”

“คือผมว่าพอมันเป็นบริเวณใกล้บ้าน อย่างที่บอกว่าที่บ้านผมคนอยู่เยอะ ในซอยนั้นก็จะเป็นญาติๆ แล้วก็รวมถึงตัวเราเองด้วย พอเขาตามมาถึงที่บ้านเราก็รู้สึกว่าการที่เขารู้ว่าบ้านเราอยู่ไหนแล้วเขากล้าที่จะมาถึงบริเวณใกล้บ้านเราหลายๆ ครั้ง เราก็รู้สึกไม่ปลอดภัยและรู้สึกว่าเราโดนคุกคามความเป็นส่วนตัวมากกว่า”

คิดอยากย้ายบ้านไหม? “จริงๆ ก็คงไม่ได้ย้ายบ้านหรอกครับ คงจะอยู่ที่บ้านเดิม แต่ว่าอาจจะมีการติดกล้องที่รถเพื่อที่จะเก็บไว้ เพราะว่าตอนนี้รถไม่ได้มีกล้องก็เลยไม่ได้เห็นว่าเขาตามยังไง เลยอาจจะติดกล้องไว้เป็นหลักฐาน แต่ว่าก็จะมีกล้องที่บ้านที่พอเห็นบ้าง”

คิดว่าน่าจะติดตามตัวคนทำได้ไหม? “จริงๆ รถและสีก็จำได้เพราะว่ามันเหมือนกันทั้ง 3 ครั้ง ส่วนทะเบียนวันที่ผมลงไปคุยก็ได้มีถ่ายรูปไว้ ตอนนี้เลขทะเบียนรถทางทนายก็ได้ส่งไปให้ทางพี่ๆ ตำรวจหมดแล้ว เบื้องต้นคือมันเป็นรถเช่าอาจจะต้องสืบว่าคนเช่าเป็นใครอะไรอย่างเงี้ยครับ”

ทางด้าน พีพี ว่ายังไงบ้าง? “เขาก็เป็นห่วง แต่ยังไม่ได้คุยกันเพราะคงคิดว่าเรากำลังยุ่งๆ อยู่ด้วย แต่ว่าเขาก็รู้เรื่องอยู่แล้วก่อนที่ผมจะประกาศออกไป”

อยากบอกอะไรกับคนที่ทำแบบนี้อยู่? “ถึงเราเป็นบุคคลสาธารณะแต่ผมรู้สึกว่าเราก็เป็นคนเหมือนกัน อยากให้ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าเกิดว่าเราโดนคนมาตามมารุกล้ำความเป็นส่วนตัวแบบนี้ก็อาจจะไม่โอเคสำหรับทุกคน ขอเหลือพื้นที่ส่วนนี้ไว้ให้ทุกคนได้มีเวลาส่วนตัวของตัวเองบ้างไรอย่างเนี้ยครับ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน