ไม่ทักรักไม่เกิด! มารีญา ยอมรับจีบ “สิงห์” แฟนหนุ่มก่อน เล่านาทีปิ๊งรัก-ส่งข้อความถามแบบตรงๆ รับเคยโดนขอไม่ให้ไปร่วมงาน เพราะ Call out

ทำเอาหลายคนแห่แซวกันเพียบ สำหรับ สิงห์ วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล นักเขียน-พิธีกรหนุ่มชื่อดัง กับ นางงามสาว มารีญา พูลเลิศลาภ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017 หลังจากได้เปิดตัวรูปคู่สุดหวาน ด้วยแฮชแท็ก #แฟนหวง #แฟนหลับ #แฟนขับ เล่นเอาโลกโซเชียลฮือฮากันใหญ่

ล่าสุด มารีญา พูลเลิศลาภ เปิดใจถึงเรื่องความรักผ่านรายการ มารีฝากไว้ให้คิดว่า ตนเองจีบฝ่ายชายก่อน โดยเริ่มต้นจากตอนแรกคุยงานกันเกี่ยวกับเรื่องของสิ่งแวดล้อม จนทำให้เราได้สัมผัสเขาจริงๆ แล้วรู้สึกว่าคนนี้เป็นคนที่น่าสนใจมาก และเราอยากจะรู้เขามากขึ้น โดยที่ไม่รู้เลยว่า เขามีแฟนหรือเปล่า

จากนั้นจึงไปส่อง IG และไปดูแท็กใน IG ปรากฏว่า ก็ไม่เห็นอะไร จึงตัดสินใจถามเขาเลยแบบตรงๆ เพราะ ตนเองคิดว่าเรื่องนี้ไม่เสียหายอะไรและเราไม่ได้ไปดูหมิ่นใคร แต่สิ่งนี้กลับเป็นการชมเขาด้วยซ้ำว่า คุณเท่ห์มาก อยากจะรู้จักคุณไม่รู้ว่ามีแฟนหรือเปล่า

ซึ่ง มารีญา ยอมรับว่า กว่าที่จะส่งข้อความดังกล่าวได้ ตนเองใช้เวลาตั้งแต่ 1 ทุ่ม ถึง ตี 2 ในการเปลี่ยนคำบ้างอะไรบ้าง จนสุดท้ายตัดสินใจส่งไป จากนั้นก็ทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากต้องดูว่าเขาตอบอะไร

ด้าน แฟนหนุ่ม “สิงห์” ตอบกลับมาว่า “Oh Wow Is Miss universe asking me out” จน มารีญา ตอบกลับว่า “ใช่” ซึ่งตอนแรกแฟนหนุ่มไม่รู้ว่าตนเองเป็นคนมีชื่อเสียง และสิ่งนี้ มารีญา เองชอบเหมือนกันที่เขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับวงการบันเทิงอะไรเยอะ และรู้สึกสดชื่นดีที่คบกับคนที่อยู่นอกวงการนิดนึง

สำหรับเรื่องของความรักของทั้งคู่นั้น มารีญา เผยว่า ตนเองเป็นคนพูดตรงๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เราต้องพยายามปรับปรุงเหมือนกันว่า Soft บ้าง เพราะ ความสัมพันธ์มันมีทั้ง 2 ฝั่ง เราจะยืนแข็งตลอดไม่ได้ บางทีตนเองเป็นคนตรงเกินไป ไม่คิดถึงความรู้สึกของเขา แต่ฝ่ายชายก็เป็นคนที่แคร์หูของเรา จะพูดในแบบคิดถึงความรู้สึกเราจริงๆ ทำให้ มารีญา เรียนรู้จากแฟนหนุ่มเรื่องนี้

ส่วนเรื่องการที่ “มารีญา” Call out นั้น แฟนหนุ่ม “สิงห์” เขาก็ค่อนข้างซัพพอร์ต เพราะ คิดว่าทั้งคู่คิดก่อนแล้วพูด ทำให้เขาไว้ใจเรา และเราก็ไว้ใจเขา โดยเรื่องที่หนักสุดหลังจาก Call out คือ เรื่องงาน

โดยมีครั้งหนึ่งทางงานบอกมารีญาว่า ครั้งนี้ขอไม่มานะคะ เพราะ เขากลัวถึงเรื่องเซฟตี้ของคนในงาน และตอนนั้นค่อนข้างดุเดือด ตนเองก็เริ่มเฮ้ยมันซีเรียสมากเลยตอนนี้ แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้นที่ทำให้เรารู้สึกยิ่งต้องทำอะไรมากขึ้น คือ การที่มันมีเอฟเฟกต์เยอะขนาดนั้น แปลว่า มันจับจุดอะไรที่สำคัญมากในสังคม ก็เลยรู้ว่าเราต้องระวัง

แต่อย่าหลบตาหนี มองต่อ แล้วมันก็ทำให้เราเห็นเหมือนกันว่า คนที่ทำงานต่อไปจากนั้นเป็นคนที่เรามี Value เหมือนกัน แต่ก็มีคนที่เราอาจจะมี Value ที่ไม่ตรงกัน แต่เรายังทำงานได้อยู่ เพราะ ฉะนั้นอย่าให้สิ่งนั้นมาคุมชีวิตของเราทั้งหมด เราต้องเอาตัวออกจากตรงนั้น แล้วให้มันเป็นแค่เสี้ยวชีวิตของเรา

ขอบคุณรายการ มารีฝากไว้ให้คิด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน