‘โบ’ ลั่นไม่เชื่อคำพูด ‘กระติก’ ตั้งแต่นั่งรถไปส่งบ้าน ขอให้กลับใจ ออกมาพูดความจริง เผยเสียความรู้สึก รับไม่พอใจสิ่งที่พูดออกรายการ
เมื่อเวลา 21.20 น. วันที่ 3 มี.ค. 2565 ที่ สภ.เมืองนนทบุรี “โบ สุรัตนาวี” หรือ โบ Triumph Kingdom เปิดเผยหลังเข้าให้ปากคำตำรวจ กรณีปรากฏภาพไปอยู่ที่อู่เรือเพื่อพบกับกลุ่มเพื่อนของ “แตงโม นิดา” ในคืนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 25 ก.พ. หลัง “แตงโม” พลัดตกเรือจมน้ำหายไป
“โบ สุรัตนาวี” กล่าวตอนหนึ่งถึง “กระติก” ผู้จัดการส่วนตัวของ “แตงโม” ว่า ตนเป็นคนพากระติกไปที่โรงพัก และอยู่ด้วยจนเขาให้การเสร็จ แต่หลังจากวันนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย บอกตามตรงว่าตนรู้สึกเสียใจ มีความโกรธ แต่ตนก็ยังรักเขา คิดว่าถ้าเขากลับใจ แล้วเลือกจะพูดในสิ่งที่เขารู้จริงๆ เราจะมาช่วยกัน
“เขาติดต่อมาหาโบ บอกว่าขอโทษที่ทำให้ต้องมาเกี่ยวข้องและวุ่นวายเพราะเขา โบบอกเขาไปคำเดิมว่า กระติก สัจจะจะทำให้คุณเป็นไท ความจริงของคุณเท่านั้นที่จะปกป้องคุณได้ เขาก็ส่งรูปร้องไห้กลับมา โบรู้สึกเสียความรู้สึกกับเขา”
“โบ สุรัตนาวี” กล่าวอีกว่า ตอนที่ตนไปถึงอู่เรือหลังเกิดเหตุ สิ่งที่ตนถามกระติกครั้งแรก คือ โทรหาเบิร์ด(แฟนหนุ่มของแตงโม) หรือยัง แล้วโทรหาแม่(แม่ของแตงโม) หรือยัง เขาก็บอกว่ายัง ตนบอกเขาแล้วว่าต้องโทร ส่วนที่กระติกโทรหาตนครั้งแรก เขาบอกว่า พี่ โมตกน้ำ หาคนช่วยหน่อย ตนก็ถามว่า ตกยังไง เกิดอะไรขึ้น แล้วเขาก็อธิบาย
“โบ สุรัตนาวี” กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ถามว่าทำไมเรื่องนี้เขาต้องดึงเราเข้าไปเกี่ยว ตนไม่แปลกใจที่เขาโทรหา เพราะแตงโมมีอะไรจะปรึกษากับตน ส่วนกระติกจะมีพี่อีกคนหนึ่งเป็นที่ปรึกษา แล้วตนก็จะคุยกับพี่คนนั้นว่า สองคนนี้(แตงโม-กระติก)เป็นยังไงกัน เพราะกระติกจะรู้ว่าตนสนิทกับแตงโม
“โบ สุรัตนาวี” กล่าวอีกว่า วันเกิดเหตุ กระติกแนะนำว่า โรเบิร์ต รู้จักกับพี่ชายของตน ตนจึงเข้าไปพูดกับโรเบิร์ตคำแรกว่า รู้หรือยังว่าพี่ชายตนติดโควิด เขาทำหน้าไม่รู้เรื่อง แล้วทำหน้าเบลอๆ เหมือนฟังไม่รู้เรื่อง แล้วเขาก็ถามว่า นี่น้องโบเหรอ หมายถึงเราไม่เคยเจอกันเลย ไม่รู้จักกับเขามาก่อน ในจำนวน 5 คนที่ตนเจอในคืนเกิดเหตุ ตนรู้จักกับกระติกแค่คนเดียว
“โบ สุรัตนาวี” กล่าวต่อว่า ส่วนที่ตนบอกว่ากระติกบิดเบือนข้อเท็จจริงบางอย่าง ตนไม่รู้เหตุผลที่เขาบิดเบือน ตั้งแต่วันที่เขาให้การกับตำรวจ และออกรายการต่างๆ พอรู้ว่าเขาพูดอะไรบ้าง ตนไม่ได้คุยกับเขาเลย ตนขอให้ทุกคนโฟกัสที่ข้อเท็จจริงมากกว่า ดูตามหลักฐาน ดูสิ่งที่เห็น ซึ่งที่ตนให้การทั้งหมดเป็นสิ่งที่ตนเห็นและเจอด้วยตัวเอง
Advertisement
“วันที่เกิดเหตุ โบคุยกับกระติกคนเดียว กระติกเป็นคนบอกว่า โมไปปัสสาวะท้ายเรือ แต่ไม่ได้เห็นเอง โบไม่ทราบข้อเท็จจริงว่ามีการปัสสาวะหรือไม่ โบไม่รู้มาก่อนว่าเขาจะไปนั่งเรือกัน ส่วนเรื่องที่โบให้การวันนี้ โบได้พูดในส่วนที่เห็นทั้งหมด แล้วจะให้ความยุติธรรมกับแตงโม”
จากนั้นนักข่าวได้ถามเรื่องที่ “โบ สุรัตนาวี” นั่งรถไปส่งกระติกที่บ้านในคืนเกิดเหตุ และมีการพูดคุยกันในรถเป็นเวลา 1 ชั่วโมงนั้น โบเชื่อคำบอกเล่าของกระติกในตอนนั้นหรือไม่
“โบ สุรัตนาวี” ตอบว่า ตอนที่กระติกโทรมาตอนแรก ตนเชื่อในสิ่งที่เขาพูด แต่พอไปถึงที่อู่เรือ ตนรู้สึกว่าต้องมีอะไรบางอย่าง และทำให้ตนไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดระหว่างที่นั่งรถไปด้วยกัน ช่วงที่นั่งรถกลับไป กระติกเครียดมาก ช็อก ทำอะไรไม่ถูก มีน้ำตาคลอมาบ้างบางครั้ง
เมื่อนักข่าวถามว่า ในมุมของโบ ถ้าเป็น กระติก ตกไป คิดว่า แตงโม จะกระโดดลงไปช่วยหรือไม่
“โบ สุรัตนาวี” กล่าวว่า “แตงโมเป็นคนที่ห่วงคนอื่นอยู่แล้ว โบตอบไม่ได้ว่าถึงวันนั้นเขาจะทำอะไร แต่แตงโมที่โบรู้จัก เขาไม่ได้คิดถึงตัวเองก่อนเลย”
“โบ สุรัตนาวี” กล่าวอีกว่า ยอมรับว่า กังวลและเครียด แต่ตนไม่สนว่าใครจะว่าอะไร เพราะสิ่งที่ตนเห็นความสำคัญอย่างที่หนึ่งเลยตั้งแต่แรก คือการหาแตงโมให้เจอ ตนไม่สน จะด่าตนทั้งประเทศเลยก็ได้ ถ้าตนหาน้องเจอ อย่างที่บอกว่าวันนี้เป็นวันที่เหมาะสม ส่วนที่ไม่ออกมาก่อนหน้านี้ เพราะตนเห็นคำสัมภาษณ์ของเขา ถ้าตรงกับที่บอกตน ตนจะไม่รู้สึกอะไร แต่ยังไงก็ต้องออกมาให้การอยู่ดี
“โบ สุรัตนาวี” กล่าวต่อว่า ส่วนที่กระติกบอกว่ามีการอธิษฐานสวดมนต์ให้แตงโมที่อู่เรือ ตนเป็นคนนำอธิษฐาน ฝากแตงโมไว้กับพระเจ้า ตามความเชื่อของเรา ตอนนั้นไม่รู้ว่าแตงโมจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่ตนรู้ว่าพระเจ้าจะอยู่กับเขาแน่นอน ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน กรณีที่กระติกไปออกรายการโหนกระแส และพูดตามรายการต่างๆ ท่าทางที่แสดงออกมานั้น ตนไม่ค่อยพอใจ
“ส่วนที่แอนนากับฮิปโปออกมาให้สัมภาษณ์ว่าอยากให้กระติกออกมาพูดความจริง โบก็คิดเหมือนกันว่า ทุกคนต้องออกมาพูดความจริง ทุกคนควรจะได้รับความยุติธรรม ไม่ว่าเขาจะยากดีมีจน ฐานะทางสังคมเป็นอย่างไร ทุกคนควรได้รับความยุติธรรม ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ตาม โบขอฝากถึงกระติกว่า สัจจะจะทำให้เป็นไท ความจริงเท่านั้นที่จะปกป้องเราได้”
