ฮิปโป ลั่น! ไม่มีข้อมูลอะไรให้สืบ หลังเจอสายปริศนาโทรหา-น้องชายโดนขับรถตาม คาดเอี่ยวปมคดีแตงโม

เรียกว่าเป็นเพื่อนสนิทอีกหนึ่งคนที่ยังคงตามหาและเฝ้ารอความจริงกรณีการเสียชีวิตของดาราสาว แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ สำหรับ ฮิปโป ฉันท์ชนะ ยิ้มสาย โดยล่าสุดเจ้าตัวออกมาเปิดเผยหลังมีสายปริศนาโทรมาหาเรื่องคดี รวมถึงน้องชายโดนขับรถตามถึงที่ทำงาน ก่อนลั่น! ไม่มีข้อมูลสำคัญอะไรให้ต้องมาสืบ

ทั้งนี้ ฮิปโป ได้เล่าให้กับทาง “ข่าวสดบันเทิงออนไลน์” ฟังว่า “เรื่องของเรื่องเริ่มจากสายปริศนาก่อน คือมีคนโทรมาบอกว่าเป็นหมอ เป็นเสียงผู้หญิงแต่ไม่บอกชื่อ แล้วก็ไม่ได้บอกว่าเป็นหมออะไร อ้างว่าเขาก็ต้องป้องกันตัวเองเพราะอยากจะคุยเรื่องคดีอะไรแบบนี้ เราก็งงๆ บอกว่าเดี๋ยวติดต่อกลับไปเพราะตอนนั้นทำรายการสดอยู่ หลังจากนั้นก็ลืมไปเลยเพราะเราทำงานเยอะมาก เบอร์ก็จำไม่ได้แล้ว เขาเองก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาด้วย”

“ส่วนเรื่องน้องชายเขามาเล่าให้ฟังว่าเหมือนมีคนตาม วันนั้นน้องขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงาน จนมารู้สึกสังเกตเห็นว่ามีผู้ชายใส่เสื้อคลุมสีกรม ขับมอเตอร์ไซค์ตามตั้งแต่เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะไปถึงบริษัทโมโนฯ พอถึงหน้าบริษัทก็เข้ามาทักว่า พี่ๆ ทำกระเป๋าตังค์ร่วงหรือเปล่า แล้วระยะทางมันค่อนข้างไกล เลยงงว่าคืออะไร ถ้าจะทักเรื่องกระเป๋าตังค์น่าจะทักตั้งแต่ต้นๆ ทางแล้วหรือเปล่า ที่สำคัญคือขับตามทันได้ด้วย”

คิดว่าเขาจะขับตามน้องชายด้วยเหตุผลอะไร? “อันนี้เราก็ไม่ทราบ แต่แค่มันน่าสงสัยตรงที่ว่าการแค่จะขับตามมาเพื่อถามว่ากระเป๋าตังค์ร่วงหรือเปล่ามันใช้ระยะเวลาในการขับตามไกลมากอ่ะ แล้วน้องชายเราขับรถซิกแซกตลอด แต่เขาก็ขับทัน เราก็เลยรู้สึกว่ามันต้องมีวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งเพื่อจะตาม ถ้าเป็นเราจะขับตามแล้วคนขับซิกแซกแบบนั้นเราคงเอากระเป๋าตังค์ไปให้ตำรวจแล้ว

น่าจะเกี่ยวกับเรื่องคดีแตงโมไหม? “ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์นั้นมันอยู่ในช่วง 2 อาทิตย์แรกหลังจากทราบว่าแตงโมเสียชีวิต ในความคิดของเราใช้คำว่าเอนเอียงไปทางว่าเขาตามมาสืบดูหรือมาดูว่าเราทำงานอะไร ไม่ได้แบบว่าจะปองร้ายหรือมาลอบทำร้าย ไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น เราอาจจะดูละครมากไปมั้ง เดาจากสมองของกะเทยคนนี้ว่าคงมาสืบก่อนแหละว่าความเป็นอยู่ยังไง เขาคงตามมาดูแค่นั้น แต่ไม่มีการข่มขู่ ไม่มีการโทรมาบอกว่าอย่ายุ่งคดีนี้ ไม่มีนะ”

แล้วเขาจะขับตามน้องชายเราทำไม?หน้าเรากับน้องชายเหมือนกันมาก คือเหมือนเลย คือถ้าเราตัดผมเป็นผู้ชายก็คือน้องชาย แต่แค่น้องชายตัวสูงกว่าแค่นั้นเอง (เขาเข้าใจผิดว่าน้องชายคือเราเหรอ?) หรือเปล่าอะไรแบบนั้น (ชูรูปน้องชายเทียบให้ดู) แล้วตอนนั้นเราก็ผมดำและชอบรวบผม

“เราก็ถามน้องชายบอกว่าลองไปเช็กกล้องหน่อยเพราะเขาตามมาถึงหน้าบริษัทเลย แต่น้องชายบอกว่ามันไม่เห็นชัดขนาดนั้น ไม่เห็นเลขทะเบียนอะไรเลย เราเดาว่าเขาคงจะขับตามมาเช็กคือที่ถามว่าทำกระเป๋าตังค์ร่วงหรือเปล่า แล้วพอน้องชายเราหันไป เขาคงแบบโอเคคนนี้ไม่ใช่ เขาก็เลยขับไป เราคิดอย่างนั้นนะ เพราะรปภ.ยังถามเลยว่าเขาขับตามมาไกลเหมือนกันเนอะ”

พอเจออะไรแบบนี้กลัวไหม? “สำหรับเราถ้ามันล้ำเข้ามาเกินในขอบข่ายการใช้ชีวิตประจำวันของเรา จนเรารู้สึกไม่ปลอดภัยก็คงจะต้องมีการแจ้งความเพื่อป้องกัน แต่ ณ ตอนนั้นมันไม่มีอะไรเราก็เลยปล่อยเฉยๆ แล้วตัวเราเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดหรือทำอะไรร้ายแรงให้เขาต้องมาลอบปองร้ายอะไรขนาดนั้น”

ข้อมูลสำคัญเราก็ไม่มีนะเพราะยังคงยืนยันคำเดิมว่าเราไม่ได้อยู่บนเรือเราก็เลยไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาแทบจะไม่มีความจำเป็นด้วยซ้ำที่เขาจะต้องมาเอาอะไรจากเราอ่ะ เพราะเราก็ตอบไปหมดแล้วว่าไม่รู้เรื่องบนเรือ ข้อมูลที่เราให้ได้คือข้อมูลที่ก่อนแตงโมเสียชีวิตกับพฤติกรรมที่เขาเคยทำโดยปกติ”

ล่าสุดเหมือนทางตำรวจแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับหลายๆ คนบนเรือ? “เราคิดว่าจากคำให้การมันอาจจะมีความไม่สอดคล้องกันขัดแย้งกันในบางมุม เลยทำให้หลายๆ อย่างที่พูดออกไปเกิดพิรุธ จนเหมือนตำรวจต้องเค้นสอบแล้วสอบอีก สำหรับเราเชื่อแค่ว่าในส่วนของข้อมูลอันไหนคือจริงก็ต้องจริง ถ้าอันไหนโกหกก็ต้องโกหกให้ตลอด ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาโกหกหรือเขาพูดจริง”

“อย่างฮิปโปดูข่าวพี่แซนเขาก็ยังให้คำตอบเหมือนเดิมว่าโมฉี่ท้ายเรือและจับขาเขาจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ดูว่าเครียดอะไร เราก็แบบเขาอาจจะพูดจริงก็ได้ หรืออาจจะยังโกหกอยู่ก็ได้ อันนั้นเราก็ไม่รู้เลย เพราะมันอยู่ที่ดุลยพินิจของตำรวจแล้วว่าจะตัดสินเรื่องนี้ยังไง”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน