หายหน้าจากหน้าจอไปช่วงหนึ่ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้กำลังพีคสุดๆ กับบท “ตองนวล” จากเรื่อง “เพลิงพระนาง” สำหรับนักแสดงสาว “กระติ๊บ-ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล” แถมยังมีกระแสข่าวว่าหมดสัญญากับต้นสังกัดช่อง 7 แล้ว เจอสาวกระติ๊บมาร่วมงานแถลงข่าว “PPTV WORLD CLASS TV” ที่ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ จึงให้เจ้าตัวอัพเดตถึงสาเหตุที่ไม่ต่อสัญญา เพราะได้รับบทแม่จริงหรือไม่

หมดสัญญากับช่อง 7 แล้ว
“วันที่ 31 ธ.ค. 2560 ที่ผ่านมาค่ะ ตอนนี้เป็นนักแสดงอิสระ เพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่น ยังไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ”

ไปญี่ปุ่น ทำอะไรมาบ้าง
“ไปเรียนค่ะ ไปเรียนทุกอย่างที่อยากจะเรียน คือเหมือนกับว่าเราเข้าวงการมาตั้งแต่ตอนอายุ 19 ปี เราไม่เคยสัมผัสชีวิตเด็กที่อยู่เมืองนอก ใช้ชีวิตเอง ไปเรียนตีกลอง จัดดอกไม้ ไปเรียนภาษา ไปเรียนมา 3 เดือนค่ะ เรียนหลายอย่างเลย”

ที่หมดสัญญาทำไมเราถึงไม่ต่อ เพราะช่วงนั้นงานกำลังพีคเลย
“ความจริงคือเหมือนผู้ใหญ่เข้าไปคุยกันตั้งแต่เดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาแล้ว ว่าจะให้ต่อ แต่ถ้าต่อก็คืออีก 5 ปี เพราะช่องจะให้เท่าเทียมกันหมดคือ 5 ปี แล้วถ้าต่ออีก 5 ปี เราจะอายุ 35 ตอนนี้เราจะ 30 แล้ว มันจะหมดอีกที 35 แต่เราจากกับช่อง 7 ด้วยดี เราไม่ได้ฉีกสัญญา เลยจะเอาช่วงเวลาที่ว่างไปเรียน ไปเที่ยวอเมริกา ไปเที่ยวญี่ปุ่น นี่เพิ่งกลับมาเลยค่ะ”

ที่บอกว่าถ้าต่อสัญญาเพิ่มจะหมดตอนอายุ 35 เราคิดว่ามันแก่เกินไปใช่ไหม
“ถูกต้องค่ะ”

ช่วงที่ละครเพลิงพระนางจบ กระแสเรากำลังมาเลย ทำไมถึงยอมทิ้ง
“มันไม่เชิงขนาดนั้น เหมือนกับมันจะมาพร้อมกับสัญญา ถ้าเกิดเรารับละครอีกเรื่องหนึ่ง เราต้องต่อสัญญาอีก 5 ปี เราสัญญากับพี่กุ๊กกิ๊กว่าเราจะไม่ฉีกสัญญา จะไม่ไปรับที่อื่นก่อน แล้วติ๊บไม่ได้ไปคุยกับที่อื่นก่อนว่าเราจะออกแล้วนะ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ไปคุยที่ไหนเลย เราไม่เซ็นกับเขา แต่ไม่ได้แปลว่าเราไม่รักเขา แล้วเราจะไม่ได้ร่วมงานกันอีก แค่เหมือนกับว่าขอบเขตตอนนี้คือถ้ามีอะไรที่อยากทำก็ทำ แต่ถ้าเกิดช่อง 7 เรียกใช้ก็กลับไปทำเหมือนเดิม คือไม่ได้โกรธกันค่ะ”เราวางแผนเรื่องการแสดงไว้อย่างไร
“จริงๆ ตอนนี้ยังไม่ได้คุยอะไรกับใครเลย ที่ผ่านมาไปใช้ชีวิตแบบไม่ได้คุยเรื่องวงการบันเทิงเลย เรายังไม่ได้คุยเรื่องละครกับใครที่ไหนเลยค่ะ ยังไม่มีใครติดต่อมาเลย”

มีข่าวลือว่าช่อง 7 เสนอให้เราเล่นบทแม่ เราเลยตัดสินใจง่ายขึ้นว่าไม่ต่อสัญญาดีกว่า เหมือนเขาไม่ให้ความสำคัญกับเรา
“จริงๆ ติ๊บยังอยากให้อายุการทำงานวงการของติ๊บมันนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ คือเราโกงอายุไปก่อน ช่วงนี้ยังวัยรุ่นได้อยู่ก็วัยรุ่นไปก่อน ตอนนี้ 29 เอง”

แสดงว่ามีส่วนในการตัดสินใจต่อสัญญาใช่ไหม
“จริง มีส่วน แต่มันไม่ใช่ทุกเรื่อง คือช่อง 7 ให้บทมาเลือกประมาณ 4-5 เรื่อง แต่เราก็รู้สึกว่า บอกตรงๆเลยนะถ้ามันโกงได้ ก็ยังจะโกงไปก่อน (หัวเราะ) ขอก่อน ตอนนี้รู้สึกว่าหน้ายังไม่แก่ขนาดนั้น ถ้าเกิดเราไปรับ เดี๋ยวมันจะยาวไป ถ้ารับแล้วมันจะลงจากบัลลังก์ไม่ได้แล้วไง คือลูกมาแล้วไง คือพักก่อนนะพูดกับตัวเองแบบนี้

เป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินที่จะไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ ใช่ไหม
“ก็ส่วนหนึ่ง ไม่ตอแหลเลย(หัวเราะ)”

พอเราไม่ต่อสัญญา แล้วจะไปเซ็นสัญญาที่อื่นมันลำบากไหม เพราะเราไม่ใช่เบอร์หนึ่งของช่อง
“เราเชื่อว่าถ้าเป็นนักแสดงสมทบในช่อง 7 เราไม่ได้เป็นรองใครนะคะ(ยิ้ม) ตอนนี้ติ๊บแค่ยังไม่ได้คุยกับใครเท่านั้นเอง”

มีบทบาทไหนที่เราอยากเล่นไหม ตอนนี้เป็นอิสระแล้ว
“ความจริงเลยนะ ตอนนี้อยากลองทำงานเกี่ยวกับพิธีกรดู ส่วนละครยังไม่ได้คิดเลยว่าอยากเล่นบทไหน ยังไม่ได้มีในใจ แต่ว่าส่วนหนึ่งที่อยากทำจริงๆ ตอนนี้คืออยากกลับมาวาดรูป”

วันนี้มาร่วมงานกับทางช่องพีพีทีวี 36 แสดงว่าเรามีแพลนจะทำทำงานกับช่องนี้หรือเปล่า
“วันนี้มากับคุณตุ๊กตาค่ะ”

ตอนนี้กลับมาพร้อมรับงานเต็มที่
“ประมาณนั้น แต่เรายังไม่ได้ไปคุยกับที่ไหน ไม่ถึงขนาดนั้น”

การที่ไม่ต่อสัญญาเป็นการโกงความตายมั้ย
“มันต้องเสี่ยง เราไม่ได้มองว่าเขาจะเลือกเรา หรือเราจะเลือกเขานะ เรามองแค่ว่าอยู่ตรงนี้มา 10 ปีแล้ว ถ้าได้ออกไปเห็นโลกกว้าง มันน่าจะลองดูเท่านั้นเอง ก็คุยกับพี่กุ๊กกิ๊กว่า ถ้าติ๊บยังไม่ได้รับเล่นละครที่ไหน ติ๊บพร้อมจะกลับไปเล่นช่อง 7”

ถ้าออกจากช่องแล้ว โอกาสที่จะได้กลับไปร่วมงานกับช่องก็น้อย
“ไม่ค่ะ อย่างช่วงพระราชพิธีที่ผ่านมา ตอนนั้นติ๊บอยู่ที่ญี่ปุ่น ช่องยังให้ไปร่วมกิจกรรมของช่องอยู่ เราไม่ได้จากกันโดยที่ไม่รักกัน ติ๊บไม่ได้ทำให้ช่องเสียใจ ติ๊บไม่เคยบอกว่าไม่รักช่อง ติ๊บอยู่ว่างๆ มา 6 เดือน ยังไม่ได้ไปคุยกับที่ไหน เหมือนเป็นเครื่องยืนยันว่าติ๊บยังไม่เลือกที่ไหน ขอดูไปเรื่อยๆ ก่อน”

ขอเลือกบทที่ทำให้เกิดเลยมั้ย
“ตอนนี้เรื่องละครขอดูก่อน”

เสียดายไหมที่เราจะไม่สานต่อความดังบท “ตองนวล” คนเห็นว่าเล่นได้ ต้องพีคได้กว่านี้อีก
“ตอนนี้ติ๊บยังไม่ได้ฝันไปไกลขนาดนั้น หนูแค่รู้สึกว่าขอดูโอกาสที่เข้ามาก่อน แต่ไม่ได้เย่อหยิ่งว่าเราจะต้องดังกว่านี้ หรือจะต้องไปไกลกว่านี้ ไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้น”เรื่องความรักเป็นยังไงบ้าง
“เหมือนเดิม คนเดิม ตอนไปญี่ปุ่น เขาไม่ได้ไปด้วย เราไปเรียนคนเดียว”

ห่างกันไกลถึง 3 เดือนเลย
“ไม่นานนะ แป๊บเดียว เขาก็บินไปเยี่ยมเราบ้าง ไปเจอกันที่โตเกียว แต่ติ๊บเรียนอยู่ซัปโปโร”

เขาซัพพอร์ตการตัดสินใจของเรายังไง
“เขาก็ซัพพอร์ตหลายเรื่องนะคะ ถ้าทำอะไรแล้วมีความสุขก็โอเค ติ๊บอยากทำอะไร ทำไปเลย ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมา เขาพร้อมที่จะช่วย มันดีใจนะ เราไม่รู้อนาคตเลยตอนนี้จะเป็นยังไง เพราะเหมือนกลับมานับหนึ่งใหม่ ถ้ามีคนเขาพูดอย่างนี้ก็ชื่นใจเหมือนกัน”

เป็นบทพิสูจน์หนึ่งที่เขายังอยู่เคียงข้างเรา
“ใช่ค่ะ วันก่อนไปเดินตลาด เพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นเลยนะ มีแม่ค้าพูดกันถึงเราว่าคนนี้แหละที่เขาเคยเป็นดารา เราไม่อยู่แค่ 3 เดือนเองสะเทือนใจเหมือนกัน (หัวเราะ) แต่ในมุมหนึ่งเขายังจำได้ว่าเราเป็นดารา ยังภูมิใจอยู่ จำได้ว่าเราเป็นตองนวลไง ค่อยหายใจโล่งหน่อย”

เขาอยู่เคียงข้างเราแบบนี้ คิดถึงเรื่องแต่งงานหรือยัง
“เท่าที่ติ๊บคิดตอนนี้เหมือนเข้าสู่สนามรบอีกรอบหนึ่ง มันยังไม่มั่นคง ฉะนั้นคงยืดออกไปก่อน เขาก็โอเค รอได้ ก็ถามเราเองนี่แหละ ถ้าเขาไม่อยู่ก็ไปเลย”

คบกันมากี่ปีแล้ว
“7 ปีแล้วค่ะ ไม่ได้กลัวอาถรรพ์ 7 ปีเลย”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน