จากกรณีข่าวรักร้าวช็อกวงการระหว่าง เมย์-พิชญ์นาฏ สาขากร ดาราสาวชื่อดัง กับ เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์ นักฟุตบอลทีมชาติไทย หลังจากฝ่ายหญิงได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่าได้เลิกรากับแฟนหนุ่มนักฟุตบอล พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุทีต้องยุติความสัมพันธ์เพราะเกิดจากครอบครัวของฝ่ายชายไม่ยอมรับ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 19 ม.ค. “ข่าวสดออนไลน์” ได้โอกาสเปิดใจ เมย์-พิชญ์นาฏ ถึงสภาพจิตใจในตอนนี้หลังจากข่าวครึกโครมถึงการเลิกรา รวมถึงกรณีที่มีข่าวว่าดาราสาวได้เรียกค่าสินสอดกับทางครอบครัวของฝ่ายชายเป็นจำนวนสูงถึง 30 ล้านบาท โดย ‘เมย์’ กล่าวว่า “สภาพจิตใจวันนี้ดีกว่าเมื่อวานค่ะ รู้สึกว่าตัวเองมีพอยต์มากขึ้นจากเดิมที่ไม่รู้ตัวเองจะไปทางไหนหรือเดินต่อไปยังไง เวลานี้มีเรื่องหนึ่งที่เมย์ค่อนข้างไม่สบายใจ คือเรื่องที่คุณพ่อของเจให้สัมภาษณ์ทำนองว่าเมย์เข้าไปคุย ต้องชี้แจงก่อนว่าเมย์ไม่ได้เข้าไปขอลูกชายของเขา แต่เรื่องเกิดจากว่าเจ ไปให้สัมภาษณ์กับสื่อญี่ปุ่นก่อนว่ามีแพลนจะแต่งงานกับเมย์ จากนั้นไปออกรายการต่างๆ ได้พูดอีกว่ามีแพลนจะแต่งงานกับเมย์หลังบวช ซึ่งตอนนั้นคุณพ่อคุณแม่ของเจก็เออออตามนั้นในวันบวชว่าอาจจะมีข่าวดี ซึ่งส่วนตัวเมย์ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย แต่กลายเป็นว่ามีนักข่าวมาแซวเยอะมากว่าจะมีข่าวดีเหรอ ยอมรับว่าข่าวนั้นทำให้เมย์ดีใจ ฉะนั้นที่ให้สัมภาษณ์ว่าเมย์ได้เข้าไปคุยเรื่องแต่งงานคือเมย์ไม่ได้ไปขอลูกเขา ความเป็นจริงคือลูกเขาเป็นคนที่อยากแต่งงานกับเมย์ รวมถึงให้ความหวังเมย์ด้วย ซึ่งพอกำลังมีหวังอยู่แต่สุดท้ายก็มาดับหวังด้วยการบอกว่าไม่มีฤกษ์ ตรงนี้เมย์รู้สึกว่าใจร้ายเกินไป”

“อีกเรื่องที่เป็นข่าวว่าเมย์มีการเรียกสินสอด 30 ล้านบาท ตรงนี้เริ่มไปกันใหญ่และน่าจะเป็นความเข้าใจผิดของข่าวที่ถูกแชร์ไปเรื่อยๆ จากที่เมย์พูดว่าเจ ใช้เงินสด 30 ล้านบาทในการสร้างสนามฟุตบอลให้กับคุณพ่อของเขา กลับเปลี่ยนมาเป็นเรื่องสินสอดว่าเมย์เรียกไปจำนวนเท่านั้น ทั้งที่ เมย์ ไม่ได้เรียกเลย อย่างที่เคยให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้แล้วคุณแม่ของเขาได้พูดไว้ก่อนแล้วว่า “แม่ไม่มีอะไรให้” รวมถึงที่คุณพ่อของเขาถามว่า “พ่อเมย์จะเรียกสินสอดแพงมั้ย ถ้าเรียกแพงพ่อไม่มีให้นะ” เมย์ยังจำวันนั้นได้ดีว่าตัวเองร้องไห้และบอกว่าเมย์ไม่ได้อยากได้เงินหรือสินสอดหรืออะไรเลย เมย์ไม่เอาสินสอดอะไรก็ได้ แหวนที่เจให้เมย์ เมื่อวาเลนไทน์ปีที่แล้ววงนี้เมย์ ก็ใส่ได้ อีกอย่างถ้าเมย์อยากได้เงินคงไม่มาคบเขาหรอก เมย์แค่รู้สึกว่าอยู่ดีๆ เขาสร้างฝันให้เมย์และอยู่ดีๆ เขาก็ทำลายฝันนั้น ถ้าเขาเอ็นดูเมย์สักนิดหรือมาจับมือและพูดกับเมย์ว่า “พ่อแม่มีเงินเท่านี้ บ้านเราไม่ได้รวย เมย์อยู่ได้มั้ย” เมย์ตอบได้ทันทีเลยว่าเมย์ยินดีค่ะ เพราะว่าเมย์รักและพร้อมที่จะลำบากกับเขาจริงๆ ค่ะ ฉะนั้นตอนนี้ประเด็นที่มันไปไกลเรื่องสินสอด 30 ล้านบาท ยิ่งทำให้เมย์แย่เข้าไปอีก อย่าทำแบบนี้กับเมย์เลย และไม่อยากให้มีการสัมภาษณ์ในเรื่องที่ไม่จริงเพราะทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่าความจริงคืออะไร เขาพูดกับเมย์มาตลอดว่า “บ้านเขาไม่รวย แต่เขารวยน้ำใจ” แต่ในวันนั้นที่ได้เปิดใจคุยกันเมย์กลับไม่เห็นว่าจะเป็นแบบนั้นเลย”

“ส่วนตัวเมย์รู้สึกได้ ถึงแม้จะบอกว่า “แม่ไม่อะไร แต่งได้นะ แต่แม่ไม่มีอะไรให้” คือมันเป็นความรู้สึกแล้วว่าเขาไม่ได้อยากให้แต่ง ฉะนั้น ต่อให้บอกว่าแล้วแต่เจ เลย เมย์ก็ไม่ได้อยากแต่งแล้ว เมย์เลือกที่จะกลับกรุงเทพฯ และให้เจ ได้เคลียร์ปัญหากับครอบครัวของเขาก่อน เมย์คิดว่าเจ น่าจะเป็นคนเดียวที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ของเขารักและเอ็นดูเมย์ได้ ยอมรับว่าเมย์หวังว่าหลังจากนั้นน่าจะมีอะไรที่ดีขึ้น แต่ในใจของเมย์ก็มีเดดไลน์คือวันที่ 10 ม.ค.ที่เมย์ไปส่งเจที่แอร์พอร์ต จริงๆ 70% เมย์ก็ทำใจไว้แล้ว แต่อีก 30% ลึกๆ ก็หวังว่าจะมีอะไรที่ดีขึ้น สุดท้ายคือทุกคนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนไม่มีการคุยกันกับเรื่องนี้ เจเองก็ไม่พูดเรื่องนี้เลยเช่นกัน สำหรับเมย์วันนั้นคิดว่ามันถึงที่สุดแล้ว จริงๆ คือเมย์ไม่ได้คาดหวังแล้วว่าจะต้องแต่งเดี๋ยวนี้ แต่ความรู้สึกเป็นเรื่องของการบอกปัดที่ใช้คำพูดไม่ถนอมน้ำใจกันมากกว่า และทำให้เมย์ไม่มีกำลังใจที่จะเดินต่อไปแล้ว”

“หลังจากที่เจ กลับไปญี่ปุ่นก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พยายามทำตัวเหมือนเป็นแฟนปกติ แต่ใจเมย์มันไม่ได้แล้ว จริงๆ ทุกครั้งที่ไปส่งเจที่แอร์พอร์ต ขากลับก็จะนั่งดูคิวว่าเดือนหน้าจะบินไปหาเขาวันไหน แต่ตอนนี้มันไม่มีอะไรแล้ว เมย์เองก็ทรมานใจ รวมถึงเข้าใจว่าคุณพ่อคุณแม่ของเขาคงไม่ชอบเมย์จริงๆ แล้วด้วย พอรู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวก็พยายามที่จะเลิก บางวันก็หายไปเลย เขาทักอะไรก็ไม่ตอบ แต่พอเมย์ลงรูปแล้วไม่แท็กชื่อเขาก็จะมีแฟนคลับกลุ่มเล็กๆ ที่เชียร์คู่เราอยู่เสียใจและถามไถ่ตลอดว่าทำไมไม่แท็ก สุดท้ายเมย์ก็กับมาแท็ก ส่วนรูปในวิดีโอคอลล์ก่อนวันที่เมย์จะลงไอจีเมื่อวาน (18ม.ค.) ทุกคนก็คิดว่าเห็นยังรักกันดีอยู่นี่ เมย์อยากบอกว่านั่นคือการร้องไห้ด้วยกันทั้งคู่ สถานการณ์มันทรมานทั้งสองฝ่าย โดยที่เมย์ไม่เต็มที่กับเขาแล้วเพราะใจมันเสียไปแล้ว

พอเมย์จะไปเขาก็มาแท็กว่า “เดี๋ยวมาแต่งกันนะ” ครั้นเมย์บอกอีกว่าเป็นเพื่อนกันนะ เขาก็บอกว่า “ไม่ยะ ไม่ยอมเลิก เราจะแต่งงานกัน” แต่พอเรากลับมาคบกัน ถามถึงเรื่องนี้เขาก็เงียบเฉยไม่พูดถึงเรื่องนี้และเฉไฉไปเรื่องอื่น มันวนอยู่แบบนี้ คือเขาไม่มีบทสรุปใดๆ ให้ ซึ่งเมย์ก็รู้สึกว่า เมย์ไม่ได้อยากให้เขาอกตัญญูกับพ่อแม่ แต่เขาควรที่จะเป็นคนเชื่อมเมย์กับพ่อแม่มากกว่า ซึ่งเขาไม่ได้ทำตรงนั้น เลยตัดสินใจแล้วว่า ขอไม่ไปต่อแล้วดีกว่าเพราะไม่อยากให้ครอบครัวทั้งสองฝ่ายไม่สบายใจ เมย์รับรู้ในความรักของเจ สุดท้ายก็ไม่มีใครอยากให้มาถึงวันนี้ ไม่มีใครอยากเลิกกัน คนที่โดนให้ความหวังว่าจะแต่งแล้วคือมันหวังมาก แต่สุดท้ายคุณแม่ของเขากลับพูดว่าไม่มีฤกษ์ ความรู้สึกเหมือนคนเดินข้ามถนนแล้วอยู่ดีๆ รถก็เข้ามาชน สำหรับเมย์ตอนนี้ไม่ได้แต่งก็ไม่เป็นไร เมย์แค่อยากได้คำพูดดีๆ หรือน้ำใจมากกว่าค่ะ”

เมื่อถามว่าจากเมื่อวาน (18ม.ค.)ที่มีข่าวใหญ่โต ได้คุยกับ ‘เจ’ บ้างหรือยัง ดาราสาวกล่าวว่า “ตอนนี้เจเลือกที่ออกจากกรุ๊ปไลน์ที่เป็นแฟมิลี่ของเพื่อนๆ เมย์ รวมถึงก็ไม่มีการโทร.หรือไลน์มา ลบแฮชแท็กที่เขียนไว้ในไลน์ออก ลบโปรไฟล์ออก แบบนี้คือเมย์ก็เคลียร์แล้ว จริงๆ เมย์ไม่ได้อยากให้ใครว่าเขาว่าทำไมเขาถึงไม่ต่อสู้หรืออะไรเลย อยากให้ย้อนกลับไปว่าที่เมย์มารักเขา หนึ่งอย่างที่เมย์รักในตัวเขาคือความกตัญญู ถ้าพ่อแม่เมย์ไม่ชอบเขาหรือพูดตั้งแต่วันแรกว่าอย่าคบเลยลูก เมย์ก็จะไม่คบเพราะเมย์เลือกพ่อแม่ แต่ตอนนี้สิ่งที่เมย์เสียใจคือคุณพ่อคุณแม่ของเขาไม่ได้เอ็นดูเมย์ แต่เขาไม่บอกลูกเขา เลยทำให้ลูกเขาและเมย์คิดไปว่าคุณพ่อคุณแม่เอ็นดูมาตลอด จนถึงวันนี้เมย์เลยเจ็บหนัก แต่ตอนนี้เมย์อยากจบแล้ว อยากจบดีๆ ค่ะ”

หลายคนมองว่าสิ่งที่เมย์ให้สัมภาษณ์ ดูเหมือนเป็นการประกาศศึกกับคุณพ่อคุณแม่ฝ่ายชายหรือเปล่า ‘เมย์’ กล่าวว่า “สิ่งที่เมย์พูดคือความจริงทั้งหมด ส่วนตัวไม่ได้คิดจะกลับไปแล้ว และทุกอย่างเมย์ตัดสินใจดีแล้วค่ะ”

“หลายคนถามว่าทำไมไม่เลิกกันเงียบๆ ออกมาพูดทำไม คือ ถ้าเมย์ไม่ทำแบบนี้มันจะไม่จบค่ะ เมย์ลำบากใจในการที่จะลงรูปตัวเองโดยไม่แท็กเขา เพราะแฟนคลับก็จะเข้ามาถามเยอะๆ จนเมย์ร้องไห้ทุกวัน ตอนนั้นจะเลิกก็เลิกไม่ได้ เจก็ไม่ยอมเลิกกับเมย์ด้วย ซึ่งมันก็จะทรมานกันไปเรื่อยๆ ฉะนั้นมันถึงเวลาที่ต้องชัดเจนกับอะไรสักอย่างเพื่อที่ทั้งสองฝ่ายจะได้เดินต่อไป เมย์เลยเลือกที่จะหักดิบด้วยการทำแบบนี้ดีกว่า เจเองก็จะได้ตัดใจและเดินต่อไปเพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่เขาซ้อมหนักก่อนจะเปิดฤดูกาล ส่วนเมย์เองก็เริ่มไม่ไหว อีกนิดนึงก็จะเป็นโรคซึมเศร้าแล้ว อย่างน้อยจะได้มีพอยต์กับชีวิตว่าจากนี้ตัวเราต้องเดินต่อแล้วนะ” ดาราสาวทิ้งท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน