ปู ไปรยา ถอนตัวทูต UNHCR เพราะต้องเป็นกลาง เหมือนโดนโซ่ล่าม เจ็บปวดมาหลายปี ทัวร์ลงจนหลอน ขอเลือกพูดความถูกต้อง โอดอาคมก็สู้ทัวร์ลงไม่ได้ หวิดเป็นซึมเศร้า

นางเอกสาว ปู ไปรยา ลุนด์เบิร์ก กลับมาถึงเมืองไทยหลังไปทำงานอยู่ในวงการฮอลลีวู้ด ได้เปิดใจในรายการ แฉ ถึงเหตุผลที่ได้ขอถอนตัวจากตำแหน่ง ทูตสันถวไมตรี UNHCR เรียบร้อยแล้ว

“ที่เดียวที่แรก เป็นคำถามที่นอยด์ที่จะตอบมานานเหมือนกัน เพราะว่า 2 ปีที่ผ่านมา ทัวร์ลงที่สุขุมวิทตลอด (หัวเราะ) ด้วยตำแหน่งมันต้องเป็นกลาง ที่ผ่านมาแรงกดดันจากข้างนอกคนไม่รู้ว่าทำไมเราออกมาพูดหรือทำอะไรไม่ได้ ก็เพราะเราเป็นตัวแทนองค์กร ตัวแทนก็ต้องเป็นกลางในทุกๆ เรื่อง แล้วแรงกดดันก็มีผลกระทบต่อองค์กร กับตัวเรา ก็เลยคิดในใจว่าถ้ามันเจ็บปวดมากมาหลายปี ก็ถอยออกมา

ก็คือต่างคนต่างคุยกันว่าองค์กรจะได้ไปต่อได้ด้วย ตัวเราเองก็จะได้พูดอะไรได้เต็มปาก ไม่นั่งเครียดตลอดเวลา มันเหมือนมีโซ่ล่ามเราอยู่ เราพูดอะไรไม่ได้เพราะเราเป็นตัวแทนขององค์กร ต้องเป็น กลางตลอด ไม่มีความคิดเห็นของตัวเอง ก็เลยถอนตัวดีกว่า เขาก็จะได้สบายใจด้วย ถ้าเขามีใครที่ทำหน้าที่ได้เหมาะสมกว่า ดีกว่า ก็ให้เขาทำดีกว่า เราสามารถช่วยคนอื่นได้ในแบบที่เราต้องการช่วย เพราะยุคนี้การเป็นกลางกับสิ่งที่ถูกต้องมันยากนะ เราเลือกพูดในสิ่งที่ถูกต้อง ทั้งที่มันยากดีกว่า

“ชีวิตที่ดิ่งที่สุดคือเรื่องทัวร์ลง สองปีที่ผ่านมา อะไรก็ไม่ทรหดเท่าช่วงนั้น กลัวการทัวร์ลงมากจนหลอนไปเลย จำได้ว่าเห็นทวิตเตอร์เหมือนผีโดนน้ำมนต์ กลัวมาก ปูเชื่อว่ามันเป็นบททดสอบชีวิตที่สำคัญที่สุด เพราะปูยึดติดมากเกินไปว่าคนต้องชอบเรา แล้วเมื่อไหร่กำแพงนั้นถูกทำลาย เหมือนโซ่ที่ล่ามเราอยู่ว่าเรามีอีโก้มันพังไปเลย

ทัวร์ลงสอนอะไรเราเยอะ มันโดนทุกสองสามอาทิตย์แล้วเราไม่สามารถพูดได้ด้วยตำแหน่งด้วย คุยกับองค์กรแล้วว่าพูดได้ไหม เขาบอกว่าไม่ได้เพราะกระทบองค์กร เราก็โอเค ต้องเป็นกลาง เหมือนคนเอามีดมาแทงเรื่อยๆ จนเกือบเป็นซึมเศร้าแล้วเพราะเครียดมาก แต่คิดในใจว่าเราจะเสียใจเพราะคำพูดของคนได้ แต่เราจะเสียคนเพราะคำพูดไม่ได้ อันนี้สำคัญมากเพราะเขาไม่รู้จักเราดีพอ เขาไม่รู้ว่าลึกๆ มันคือยังไง บางเรื่องมันเกินตัวเรา เราแค่ต้องมีความเมตตาและเข้าใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนั้น”

“หยุดเล่นไอจีไป 5 เดือน ไม่เล่นเลย โฆษณาหายหมด จนไม่มีใครจ้าง ทั้งคนด่า ทั้งหยุดเล่นโซเชียล ทั้งเขว ลงรูปไม่ได้ เขาก็เลยไม่จ้างแล้ว ลงรูปแล้วโดนด่าทันที บางคนรูปในไอจีทำความดี แต่เข้ามาด่าเรา เราก็อ่านและแคร์ด้วย แต่เป็นบทเรียนชีวิต อย่าแคร์เลย เปลี่ยนมุมมองชีวิตไปเลย ตอนนี้ถ้ามีงานก็ดี ไม่มีก็โอเค เมื่อก่อนมีตำแหน่งก็ภูมิใจ พอมันหายไป ก็ไม่มีอะไรจีรังจริงๆ สิ่งเดียวที่แน่นอนในชีวิตคือการเปลี่ยนแปลง ดูโควิดสิ บางคนมีธุรกิจ มีความฝันยังล้มได้เลย บางคนมีพ่อแม่ลูกที่รักยังเสียได้เลย ฉะนั้นเกิดมาเป็นมนุษย์มันไม่มีอะไรแน่นอนอยู่แล้ว จงรับให้ได้กับมัน”

“ช่วงที่ไม่มีคนจ้าง เพราะลงรูปแล้วคนก็ว่าเยอะ เราก็เข้าใจเขาแหละ มันชุลมุนมาก ทุกอย่างมันเกิดขึ้นช่วงเดือน 6 แล้วจริงๆ งานแต่งปูก็เดือน 6 มันเลยเจอสองเด้งที่ถอนหมั้น โควิดมาพอดีแล้วไม่ได้กลับไทยยาวเลย ตอนนั้นนอยด์มากมันมีขู่ฆ่าด้วยนะ ตอนนั้นจะติดต่อ DSI นั่งอยู่ในอพาร์ตเมนต์คิดในใจ ไปสยามเราจะโดนตบโดนตีไหม เพราะมีคนบอกว่าจะเอารองเท้าฟาดหน้าเรา ก็เครียดมาก เอาไงดีวะ พูดอะไรก็ไม่ได้ แฟนก็ทิ้งแล้ว

ตอนนั้นพระก็เอาไม่อยู่ อาคมก็สู้ทัวร์ลงไม่ได้ (หัวเราะ) หนูโทร.ไปทุกสำนัก กราบล่ะ สวดให้หนูเถอะ มันเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ คนบอกว่าเรางมงาย แต่มันบางทีเราเจอเรื่องเยอะ เวลาเราไป เราได้กำลังใจ เหมือนมีใครฟังว่าสิ่งที่เราปรารถนา อย่างน้อยเรามีความหวัง จะไปปฏิบัติธรรมแล้วกลับไปอเมริกา เราไม่ได้ทำเพื่อเสริมสร้างบารมีอะไรหรอก แต่เราอยู่ในยุคนี้ ปูจะทำอะไรเร็วมาก แล้วการที่ได้ปิดโทรศัพท์นั่งแล้วถามใจตัวเอง ว่าทำไมรู้สึกเศร้าแบบนี้ โกรธแบบนี้ อิจฉาริษยา เราอยู่กับมันยังไงโดยมีสติและไม่ทำร้ายคนอื่น ไม่ทำร้ายตัวเอง”

ตอนนั้นถ้าย้อนกลับไป 2 ปีที่ผ่านมา แค่รู้ว่าต้องมาตอบคำถาม ปูมือสั่น มือเย็น แพนิก ปูกลัวมาก แต่วันนี้ปูรู้สึกว่าที่ผ่านมาโดนแทงมาเยอะแล้ว แต่วันนี้ปูหยิบมีดมาแทงตัวเองก่อนแล้วจบ พรุ่งนี้ทัวร์ลงทีเดียวก็จบแล้ว แต่ก็ขอเถอะ สภาพจิตฉันก็อยู่บนเส้นด้ายบางๆ แล้ว”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน