ก้อย รัชวิน แจงดราม่างานวิ่ง หลังถูกบิดเบือนปมค่าสมัครบัตรการกุศล

ก้อย รัชวิน แจงดราม่างานวิ่ง หลังถูกบิดเบือนปมค่าสมัครบัตรการกุศล ลั่นไม่คิดฟ้องร้อง – พี่ตูน ให้กำลังใจ

ก้อย รัชวิน แจงดราม่างานวิ่ง หลังถูกบิดเบือนปมค่าสมัครบัตรแชริตี้ ย้ำ! ไม่ใช่งานวิ่งการกุศล รับไม่สบายใจแต่ไม่คิดฟ้องร้อง เชื่อมั่นในเจตนาดี – พี่ตูน ให้กำลังใจ

จากกรณีเพจเฟซบุ๊กแชร์เรื่องราวงานวิ่ง “Esther Bunny Women’s run presented by ATiRA” ที่ดาราสาว ก้อย รัชวิน วงศ์วิริยะ เป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดงาน พร้อมอ้างว่าเก็บค่าสมัครสูงถึง 3,500 บาท แต่กลับบริจาคให้มูลนิธิเพียงแค่ 100 บาท จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเชียล

ล่าสุดวันที่ 2 ก.ย.2565 ที่ ชั้น 3 โรงแรมเดอะสแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร ก้อย รัชวิน นักแสดงชื่อดัง ให้สัมภาษณ์ในงานเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ถึงประเด็นดราม่าดังกล่าว

โดย ก้อย เผยว่า “งานวิ่งครั้งนี้มันเป็นงานวิ่งปกติทั่วๆ ไป มีการรับสมัคร มีการวิ่ง 5k 10 k 21k แล้วก็มีการแข่งขัน ซึ่งทางผู้จัดงานได้มาคุยโปรเจ็กต์กับก้อย แล้วก็อยากให้ก้อยมาเป็นผู้สนับสนุนหลักและในฐานะพรีเซ็นเตอร์ของงานวิ่งในครั้งนี้ด้วย คือทางผู้จัดงานเขาอยากจัดงานวิ่งสำหรับผู้หญิงซึ่งตัวก้อยเคยจัดงานวิ่งสำหรับผู้หญิงมาแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน เราก็รู้สึกว่ามันเป็นโอกาสที่ดีเพราะเหมือนเราก็ห่างหายจากการจัดงานวิ่งไปนานเลยอยากจะกลับมาจัดให้ผู้หญิงอีกสักครั้งหนึ่ง ซึ่งงานนี้ก็จัดที่ภูเก็ตด้วย ตัวก้อยก็ย้ายไปอยู่ที่ภูเก็ตพอดีเลย”

“คือมันเป็นงานวิ่งปกติทั่วๆ ไปเลย แล้วความตั้งใจดีของผู้จัดงานในครั้งนี้ คือเขาอยากจะนำรายได้ส่วนหนึ่งจากค่าสมัครมอบให้กับองค์กรการกุศลซึ่งก็คือมูลนิธิรามาธิบดี เหมือนกับว่านอกจากจะชวนนักวิ่งผู้หญิงมาวิ่งด้วยกันแล้วยังจะได้ส่งต่อกับผู้หญิงด้วยกัน ซึ่งอันนี้ก้อยก็เห็นว่ามันเป็นอะไรดีๆ ที่เราก็อยากจะสนับสนุน ทั้งนี้ในส่วนของการจัดงานก็จะมีส่วนหนึ่งที่เป็นบัตรแชริตี้(บัตรการกุศล) หมายถึงว่าค่าสมัครทั้งหมด 100% จะนำไปมอบให้กับมูลนิธิรามาธิบดี ในโครงการผู้ป่วยยากไร้มะเร็งเต้านม โดยที่ไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ในโซเชียลตอนนี้อาจจะเข้าใจผิด แล้วก็มีการบิดเบือนข้อมูลทำให้หลายๆ คนเข้าใจผิดกัน”

ตอนที่เห็นข้อมูลบิดเบือนอันนี้ออกมาตกใจไหม? “ก้อยตกใจอยู่แล้วค่ะ ตอนเห็นข่าวก็แบบเกิดอะไรขึ้น (ดราม่ามาลงที่เราเต็มๆ?) ใช่ค่ะ ก็เครียดแหละ แต่อย่างที่บอกเรารู้ว่าความจริงคืออะไร เราก็ชี้แจงข้อมูลที่เป็นความจริงออกไป ซึ่งหลายๆ คนก็เข้าใจ ส่วนคนที่สมัครวิ่งมาแล้วเขาเข้าใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วเพราะว่ารายละเอียดทุกอย่างมีใส่ไว้ในข้อมูลทั้งหมด เพียงแต่ว่าบางท่านอาจจะเข้ามาแล้วไม่ได้อ่านครบ อันนี้ก้อยก็ไม่ทราบจุดประสงค์เนอะ คือมีการนำไปลงในอีกแบบหนึ่งไปเลยซึ่งทำให้เกิดการเข้าใจผิดไปในหลากหลายประเด็น ถามว่าเราเครียดมั้ย เราก็เครียด แต่ว่าสุดท้ายแล้วเราก็อยากจะชี้แจงในความเป็นจริงที่สุดเท่านั้นเอง”

เห็นคอมเมนต์ที่เข้ามาถล่มไหม? “เห็นค่ะ เราเห็นแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจเนาะ มันก็ทุกข์แหละ แต่ว่าการจะดับทุกข์ได้ดีที่สุดเนี่ยมันคือต้องดับที่ตัวเราเอง ถามว่าก้อยจะจัดการยังไง เรารู้สึกว่าจัดการกับความรู้สึกของตัวเองดีกว่า แล้วเราก็เอาเวลาไปโฟกัสการจัดงานให้ดีที่สุด ให้คนที่เขามาสมัครวิ่งกับเราได้ไปวิ่งในงานที่ดี วิ่งแล้วมีความสุขมีรอยยิ้มกลับบ้านไป”

ได้พูดคุยกับทางเพจที่ลงข้อมูลบิดเบือนไหม? “ก้อยเองชี้แจงในเพจส่วนตัวของก้อยไปเรียบร้อยแล้ว แต่หลังบ้านก้อยไม่ทราบเหมือนกัน อย่างที่บอกว่าทางออร์แกไนเซอร์ซึ่งเป็นผู้จัดงานเขาก็ค่อนข้างที่จะซีเรียสเนอะ เพราะว่ามันก็มีการบิดเบือนไปแบบที่ไม่ใช่ความจริง”

มีส่วนไหนที่อยากจะเคลียร์ให้ชัดเจนอีกไหม? “คือคนอาจจะคิดว่างานวิ่งนี้เป็นงานวิ่งการกุศล สำหรับก้อยคำว่างานวิ่งการกุศลคือ 100% ทั้งหมดจะต้องเข้าองค์กรการกุศลที่งานวิ่งนั้นสนับสนุน แต่ว่าสำหรับงานวิ่งครั้งนี้เป็นงานวิ่งปกติทั่วๆ ไป มีการแข่งขัน มีคนได้รางวัล มีของที่ระลึกกลับบ้านไป แต่ว่าตัวผู้จัดงานเขามีความตั้งใจอันดีที่อยากจะส่งต่อให้กับผู้หญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม ซึ่งอันนี้ก้อยว่ามันก็เป็นเรื่องที่ดี ไม่มากก็น้อยเราได้ร่วมกันส่งต่อ แล้วก็ในส่วนของบัตรแชริตี้มันเป็นส่วนหนึ่งที่จัดทำขึ้นมาสำหรับนักวิ่งที่อยากจะบริจาคให้ 100% ซึ่งจริงๆ บัตรอันนี้ปิดรับสมัครไปตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.แล้ว”

ส่วนตัวคิดว่าเพจที่เอาข้อมูลนี้ไปลงตั้งใจบิดเบือนหรือว่าเขาเข้าใจผิดจริงๆ? “ก้อยไม่ทราบจริงๆ ค่ะ แล้วก็คงจะไม่หาเหตุผลด้วย ถามว่าคิดจะจัดการหรือว่าฟ้องร้องอะไรมั้ย สำหรับก้อยการฟ้องร้องไม่ได้ทำให้ก้อยมีความสุขไปมากกว่านี้ ตอนเราเห็นข่าวแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจแหละ แต่ว่าการฟ้องไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นหรือสบายใจมากขึ้น ในทางกลับกันอาจจะรู้สึกเป็นทุกข์มากขึ้นด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นแล้วก็ดับทุกข์ที่ตัวเองก่อน”

พี่ตูนให้กำลังใจยังไงบ้าง? “พี่ตูนบอกว่าเราได้พูดความจริงออกไปแล้ว อยากให้เราไปโฟกัสสิ่งที่อยู่ข้างหน้า คนที่เขารักและสนับสนุนเรา แล้วก็อยากจะมาวิ่งในงานของเรา เราก็ตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดเพราะเรารู้ว่าการจัดงานวิ่งครั้งหนึ่งมันไม่ง่าย แต่เราอยากจะให้คนที่มาวิ่งมีความสุขที่สุด”

เสียกำลังใจไหมที่เจตนาเราดีแต่กลับมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น? “อืม…จริงๆ ตัวก้อยก็เจออะไรแบบนี้มันค่อนข้างเยอะ เราก็ค่อนข้างมีภูมิต้านทานพอสมควร แต่เราก็ไม่ค่อยสบายใจถ้ามันจะถูกพาดพิงไปในด้านอื่นๆ ที่มันไม่เกี่ยวกับเรื่องของงานวิ่งของเรา หรือว่าพาดพิงไปถึงลูกอะไรแบบนี้ ถ้ามองในความเป็นแม่เรารู้สึกว่าคงไม่อยากให้ลูกโตขึ้นมาในสังคมที่มีการไซเบอร์บูลลี่แบบนี้”

คำไหนที่แรงสุดที่คนโจมตี? “ก้อยจำไม่ได้หรอกค่ะมันเยอะ(หัวเราะ) เอาจริงๆ นะคะก็อยากจะข้ามไปเลย ไม่อยากโฟกัสแล้วก็ไม่อยากจะเอาพลังลบๆ นั้นมาทำให้เราไม่มีแรงเดินหน้าต่อ เราอยากจะเดินหน้าต่ออย่างมีความสุข แต่ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นที่มันเกี่ยวข้องกับลูกเราในอนาคต บางทีในฐานะของคนเป็นพ่อเป็นแม่เราก็ต้องปกป้องลูกเราเหมือนกัน”

ตอนนี้มีคนมาพาดพิงถึงลูกเยอะไหม? “อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เคยเห็นมาบ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่เป็นแม่ต้องเข้มแข็งค่ะ แล้วเราต้องปกป้องลูกเรา”

อยากจะฝากอะไรถึงคนที่วิพากษ์วิจารณ์? “ไม่พูดดีกว่าค่ะ พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง วันนี้ตัวก้อยได้ชี้แจงในเรื่องข้อมูลของงานวิ่ง ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ก้อยไม่อยากให้คนที่เขาไม่ได้ติดตาม เหมือนแค่เปิดอินเตอร์เน็ตมาแล้วเจอข่าว แล้วก็เข้าไปอ่านคอมเมนต์แบบที่ไม่รู้ว่าที่มาที่ไปคืออะไร เราก็ชี้แจงในส่วนที่มันเป็นประเด็นให้ตรงจุดแค่นั้นพอ เรื่องอื่นก็ช่างมันค่ะ”

“ก้อยว่าเหรียญมันมีสองด้าน เราตั้งใจทำความดี แต่คนก็มองได้สองด้านเสมออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเรารู้ตัวเองว่าเรากำลังทำอะไรอยู่และเรามีความตั้งใจที่ดีก็จงทำต่อไป แล้วก้อยก็สนับสนุนให้คนที่เป็นแบบเรา คนที่คิดดีแล้วก็อยากจะทำอะไรดีๆ ให้สังคมก็จงทำต่อไป ก้อยไม่ได้บอกว่าก้อยเป็นคนดีนะคะ ก้อยแค่รู้สึกว่าก้อยมาอยู่ตรงนี้ในฐานะของคนของประชาชน แล้วการที่วันนี้เรามาอยู่ตรงนี้ได้ เราก็อยากที่จะคืนให้กับสังคมบ้าง ส่วนการจัดงานวิ่งมันก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ที่เราอยากจะชวนผู้หญิงมาวิ่ง อยากให้คนมีความสุขแค่นั้นเองค่ะ”

ขอบคุณรูปจากไอจี rachwinwong