วันที่ 28 ต.ค. ที่เต็นท์สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ กลุ่มศิลปินแกรมมี่ นำโดย เนม-ปราการ ไรวา , หนุ่ม-ณพสิน แสงสุวรรณ และ พลอยชมพู ญาณนีน ภารวี ไวเกล ร่วมแจกอาหารและขนมให้กับประชาชนที่มาร่วมแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
โดย เนม เผยว่า ตนมาเป็นครั้งที่สอง วันนี้ภูมิใจและตื้นตันใจเหมือนครั้งแรก มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ผมมาในตัวแทนของศิลปินแกรมมี่ มาแจกในเต็นท์ของสภาสังคมสงเคราะห์ฯ อาหารหลากหลายครับ พี่น้องก็เรียบร้อยต่อแถวกันเป็นระเบียบ วันแรกที่ผมมา คือ แตกต่างกันเลย เพราะตอนนั้นฝนตก จะเห็นคนวิ่งไปมาใส่ชุดกันฝน แต่วันนี้อากาศร้อนก็จะต้องการอะไรเย็นๆ ขนม น้ำเย็น”
นักร้องหนุ่มเผยว่า “ส่วนที่คิดมาเป็นจิตอาสาเพราะเราได้เห็นภาพจากสื่อต่างๆ ทุกวันว่าคนทุกคนมาด้วยใจ มาจากทั่วประเทศจริงๆ บางคนไม่มีที่นอน เดินทางมายากลำบาก เราเห็นก็อยากจะช่วย ตอนนี้คนไทยทุกคนควรจะรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกัน ผมดีใจนะมาที่นี่ มาช่วยเป็นจิตอาสา เราได้เพื่อนใหม่โดยอัตโนมัติเลย อย่างคนที่เรายืนแจกของข้างๆ เขารู้ว่าเรามาด้วยหน้าที่เดียวกัน สร้างมิตรภาพใหม่ๆ”
ถามถึงเพลง “ยิ้มสู้” ประกอบหนังสั้นเรื่อง “อมยิ้ม” ในโปรเจ็กต์คีตราชนิพนธ์บทเพลงในดวงใจราษฎร์ และได้นำมาทำใหม่ในอีกอารมณ์หนึ่ง “ครับ เราเก็ตสึโนวาได้มีโอกาส arrange ใหม่อีกครั้ง เพลงนี้เป็นเพลงที่ในหลวงทรงเยี่ยมเด็กตาบอด ท่านอยากจะแต่งเพลงเพื่อให้กำลังใจกับน้องๆ ก็มีเพลงยิ้มสู้ออกมา ไม่ว่าจะเจออุปสรรคขนาดไหนให้เรายิ้มสู้เผชิญกับมันก็จะผ่านไปได้ เป็นเพลงที่เหมาะมากกับสถานการณ์ตอนนี้”
เพลงนี้ทำตั้งแต่เมื่อไหร่ “ทำเมื่อต้นปีที่แล้วประกอบหนังสั้นเรื่อง อมยิ้ม และพวกเราก็เพิ่งนำมาอัดใหม่อีกเวอร์ชั่นเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว น่าจะปล่อยให้ได้ฟังและเห็นกันเร็วๆ นี้”
ความรู้สึกที่ได้ร้องมันแตกต่างจากปีที่แล้วไหม “ปีที่แล้วที่ร้อง มันเป็นความรู้สึกมีความสุขที่ได้เผชิญหน้า แต่กลับมาครั้งนี้ผมยอมรับเลยร้องลำบากกว่าครั้งแรก เพราะมีความสะเทือนใจ ระหว่างที่อัดเพลงก็มีเสียงสั่น เพราะเรานึกถึงหน้าท่านตลอดเวลาขับร้องเพลงนี้ และยากตอนที่ต้องอัดวิดีโอเพราะเราไม่รู้ว่ามันจะเหมาะสมไหมที่จะยิ้ม เพราะเพลงมันชื้อยิ้มสู้ เป็นเพลงให้กำลังใจ เราต้องสื่อสารให้ดีที่สุดในฐานะผู้ถ่ายทอดเพลง”
ความรู้สึกที่ได้ร้องเพลงของพ่อ “เป็นเกียรติอันสูงสุดอันหนึ่งของการเป็นนักดนตรี ที่ได้ร้องเพลงพระราชนิพนธ์ ท่านมีความสามารถมากๆ ในด้านดนตรี ท่านเป่าแซกโซโฟน ขออนุญาตใช้ศัพท์ธรรมดา คือท่านเป่าแบบขั้นเทพเลย ได้ไปร่วมงานกับศิลปินนานาชาติ”
เอาท่านเป็นแบบอย่างไหมเพราะท่านเป็นอัจฉริยภาพทางด้านดนตรี “แน่นอนครับ ไม่ใช่แค่ด้านดนตรี เราเห็นท่านทรงเล่นกีฬา ทรงงาน ทุกอย่างเป็นสิ่งที่สอนให้เราทุกคนหันมามองตัวเอง เพราะพระองค์ท่านเหนื่อยขนาดนี้ทั้งที่เป็นพระราชาของประเทศ แต่ยังมีเวลาศึกษาในหลายเรื่อง ทำไมอย่างเราถึงทำไม่ได้ ท่านเป็นแบบอย่างดีที่ครับ”
ด้านนักร้องนำ หนุ่ม วงกะลา เผยว่า “เมื่อ 17 ปีที่แล้วได้ทำเพลงเพื่อพ่อ เป็นโปรเจ็กต์ของแกรมมี่ที่จะทำเพลงเทิดพระเกียรติครบรอบครองราชย์ 50 ปี ชื่อเพลงพ่อบอกเนื้อหาพูดถึงคนไทยไม่ว่าจะเกิดในสังคมไหนก็ตาม ท่านอยากเห็นพวกเรารักกัน การร้องเพลงเป็นเรื่องใกล้ตัวของผม ความคิดในตอนเด็กวันนั้น คือ การเป็นคนดีและอยากเห็นทุกคนรักกัน ตอนนั้นเป็นบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง มีการจุดพลุ ประดับไฟสวยงามมาก ผมเป็นคนหนึ่งที่มาเดินดูบรรยากาศที่ท้องสนามหลวง ส่วนตัวรู้สึกดีมาก หัวใจพองโต แต่ผมไม่เห็นบรรยากาศนั้นในหลายปีมาแล้วเหมือนกัน”
ความรู้สึกวันนั้นกับวันนี้ต่างกันมากไหม “วันนั้นเราเฉลิมฉลองด้วยความดีใจ แต่วันนี้อาจจะมีความโศกเศร้า เราทุกคนมาด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แบ่งปันน้ำและอาหารให้กัน แต่รู้สึกว่าเราได้ทำเพลงเพื่อพ่อ เป็นเกียรติต่อตัวเองและครอบครัว”
ส่วนหลักคำสอนที่ยึด นักร้องชื่อดังเผยว่า “พยายามทำให้มากกว่าพูด ถ้าสังเกตดีๆ พ่อไม่เคยบอกรักเรา แต่ทรงทำให้เราเห็นมากกว่า ผมหยึดหลักนั้นมาใช้คือพูดให้น้อยและทำให้มาก ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดจะช่วยทำให้ประเทศเราเดินหน้าต่อไปได้”
ด้านนักร้องสาว พลอยชมพู เผยว่า ตนได้มีโอกาสเล่นหนังสั้นเพลงพระราชนิพนธ์เรื่อง อมยิ้ม รู้สึกดีใจและภูมิใจที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งโปรเจ็กต์ รับบทเป็น ดาว เป็นเด็กหญิงสดใสโลกสวย ซึ่งพระเอกชื่อ ก้อง เขาเป็นคนที่แสดงอารมณ์ออกมาไม่ได้ เรากับเขาเป็นเพื่อนกัน ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงแสดงความรู้สึกออกมาไม่ได้แต่ข้างในเขาก็รู้สึกอยู่ค่ะ เป็นผลงานชิ้นหนึ่งที่ภูมิใจมากที่เราได้เป็นส่วนหนึ่ง มันเป็นเหมือนความทรงจำและความภาคภูมิใจที่เราได้ทำอะไรเพื่อท่านด้วยค่ะ”
ตอนที่เราเป็นเด็ก อาจจะไม่ได้ดูพระราชกรณียกิจของท่าน พอมาเห็นตอนนี้รู้สึกยังไง นักร้องสาว เผยว่า “ตอนเด็กๆ แม่ก็เคยเล่าเรื่องในหลวงท่านให้ฟัง คือ หนูอาจจะไม่ได้ทราบเท่าที่คนที่เกิดที่เมืองไทย อาจจะรู้แค่บางเรื่อง แต่รู้สึกประทับใจที่ในหลวงท่านทำอะไรให้กับประชาชนและกับประเทศไทยให้อยู่อย่างมีความสุข เลยเข้าใจว่าทำไมคนไทยถึงรักในหลวงมากขนาดนี้ คำสอนอาจจะจำไม่ได้ แต่หนูเห็นจากที่ท่านทรงทำมาก่อนคือ หนูก็อยากจะตั้งใจทำหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุด อยากจะทำด้วยความรัก”
ในหลวงท่านทรงมีพระอัจฉริยภาพทางดนตรี ในฐานะที่เราเป็นนักร้อง เราได้นำสิ่งใดของท่านมาเป็นแบบอย่างบ้าง “ตอนนี้มีสองโปรเจ็กต์ที่จะทำ อันแรกคือ เพลง ต้นไม้ของพ่อ ที่ทำร่วมกับรวมศิลปินก็เพิ่งอัดไป และอีกหนึ่งที่จะทำกับทางค่าย MBO ด้วย เป็นเพลงชื่อ Oh I Say ได้มาร้องอีกครั้ง รู้สึกดีใจที่ได้ทำเพื่อท่าน ก็อยากให้กำลังใจประชาชนสู้ต่อไปค่ะ อยากจะให้คนไทยนำพระราชดำรัสของพระองค์ท่านเอามาใช้ในชีวิตประจำวันด้วย เดินตามรอยพระยุคลบาทค่ะ”
