ฤกษ์สะดวก “เต๊ะ ศตวรรษ” ควงภรรยา “แจ็คกี้” จดทะเบียนสมรส ก่อนแต่ง 22 ต.ค. นี้ หลังคบหากันได้10 เดือน พระเจ้าอวยพร ส่งมาให้เจอกัน

วันที่ 22 ตุลาคมที่จะถึงนี้ ดาราหนุ่ม “เต๊ะ ศตวรรษ เศรษฐกร” ก็กำลังจะจูงมือแฟนสาว “แจ็คกี้ แพรวไพลิน บูชานันท์” พี่สาวน้อง นิกี้ BNK48 เข้าพิธีแต่งงาน ที่คริสตจักรที่2 สามย่าน หลังคบหากันมา10 เดือน

ล่าสุดเมื่อเช้าวันนี้ (10 ต.ค.65) ทั้งคู่ได้จูงมือกันไปจดทะเบียนสมรสเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งได้ฤกษ์สะดวกเป็น วันที่10 เดือน10 เวลา10 โมง 10 นาที ที่สำนักงานเขตวังทองหลาง กทม.
โดยมี “ขจร ธนังกูรวิโรจน์” ศิษยาภิบาล คริสตจักรไท มาเซ็นเป็นพยาน พร้อมด้วยครอบครัวทั้งสองฝ่าย ได้แก่คุณพ่อคุณแม่ของเต๊ะ และ คุณแม่กับคุณยายของแจ็คกี้ รวมทั้งเพื่อนสนิทในวงการ อย่าง หนุ่มจีสตาร์ ชิษณุพงศ์ ไตรรัตน์รังษี, อั้มแอบแซ่บ หรือ รัฐ ริมธีรกุล ร่วมเป็นสักขีพยานในการจดทะเบียนสมรส

ต่อมา คู่รัก เต๊ะ-แจ็คกี้ ได้เปิดใจหลังจดทะเบียนสมรส โดยเต๊ะเผยว่า “ขอบคุณพระเจ้าที่ทุกอย่างมันเป็นไปตามกำหนดของพระเจ้า จริงๆ คือเราจะแต่งงานกันวันที่ 22 ตุลาคมที่จะถึงนี้ ก็มานั่งคิดว่าวันไหนเราจะจดทะเบียนสมรสกันดี แล้วเป็นคนความจำสั้นกันทั้งคู่ก็เลยมาได้วันที่ 10 เดือน 10 เวลา 10.10 น.”

ตื่นเต้นไหม?
เต๊ะ: “ผมตื่นเต้น มือเย็น”
แจ็คกี้: “พี่เต้อ่ะมือเย็นมาก ส่วนแจ๊คกี้ก็คือรู้สึกมวนท้อง”

รู้สึกยังไงเป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์แบบ?
เต๊ะ: “ก็สมบูรณ์แบบในทางกฎหมาย แล้วก็ขอขอบคุณเขาด้วยที่เขาก็เลือกใช้สกุลขอทางฝั่งผม ก็เดี๋ยวจะไปเปลี่ยนนามสกุลในวันเดียวกันนี้หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ การสมรสของเราอันนี้ก็คือจะเป็นข้อกฎหมาย แต่วันที่ 22 ก็จะเป็นการสมรสต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า เป็นการทำสัญญาร่วมกับพระเจ้า คือข้อกฎหมายนี้ก็สำคัญ แต่สำหรับผม วันที่ 22 สำคัญกว่า เพราะว่าการทำสัญญากับพระเจ้า ฉีกสัญญาไม่ได้”

เราเตรียมงานกันไปถึงไหนแล้ว?
เต๊ะ: “โห หลายคนเลยที่มาช่วย ต้องบอกว่าผมกับแจ๊คกี้ไม่ค่อยมีเวลาเลย แจ็คกี้ก็บินตลอด ซึ่งเป็นพระคุณของพระเจ้าจริงๆ ที่ส่งหลายๆ คนเข้ามาช่วย มาคอยซัพพอร์ต ก็สัก 90% แล้ว”








Advertisement

เจ้าสาวบินตลอด วันที่ 22 ว่างไหม?
แจ็คกี้: “(หัวเราะ) ต้องว่างนะคะ”
เต๊ะ: “ไม่ให้เหงาอยู่คนเดียวนะ วิดีโอคอลมาไม่เอานะ(หัวเราะ)”

ใกล้ถึงวันแล้วเป็นยังไงบ้าง?
แจ็คกี้: ก็มีคิดว่าอันนั้นจะได้หรือยังนะ อันนี้จะเสร็จหรือยังนะ ก็มีคิดเรื่องพวกนี้บ้าง แต่ก็ดีค่ะทีมงานช่วยเหลือทำให้เบาใจไป”
เต๊ะ: “จะต้องบอกว่าการแต่งงานผมไม่ได้จ้างออแกไนซ์นะ แต่จะเป็นพี่น้องคริสตจักร พี่ๆ น้องๆ คนในวงการหลายคน แล้วก็สื่อ ผมเลยคิดว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเป็นสามีต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า แต่ความรักของพระเจ้าที่ส่งผ่านผู้คนมันมาถึงเราจริงๆ”


เป็นยังไงบ้างจากแฟนมาเป็นสามีภรรยา?
แจ๊คกี้: “ก็ยังพูดไม่ถูกเหมือนกันค่ะ รู้แค่ว่าตอนนี้มันตื่นเต้นตอนจะเซ็นก็มือสั่น”
เต๊ะ: “ผมเองก็ตื่นเต้น ก็เชื่อว่าหลายๆ คนก็รู้ว่าผมกับแจ๊คกี้อ่ะไม่ได้รู้จักกันมานานหลายปี ก็รู้จักกันเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่พระเจ้าก็ส่งเข้ามาเติมเต็มในชีวิตของเรา แต่มากกว่านั้นคือ ผมก็รู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่เขาเองก็พูดประโยคเดียวกันว่า ผมเองก็เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของเขาที่ไปเติมเต็มเช่นกัน”

10 เดือนที่ผ่านมาพิสูจน์อะไรบ้าง?
แจ๊คกี้: “ก็รู้สึกว่าเราได้เจอคนที่รักพระเจ้าเหมือนกับเรา แล้วทุกวันอาทิตย์เราก็มีคนไปโบสถ์ด้วย เขาก็เหมือนเป็น พี่เลี้ยงในด้านจิตวิญญาณของเราด้วย ก็เป็นคู่ที่ช่วยกันเสริมสร้างอะไรหลายด้าน รวมถึงความรักที่พี่เต๊ะมีให้เราแล้วมีให้ครอบครัวเรา เขาก็เป็นคนหนึ่งที่เราสามารถฝากชีวิตเอาไว้ด้วยได้ ก็ขอบคุณพระเจ้าที่ส่งผู้ชายคนนี้มาให้เรา

แต่ผมก็ขอบคุณพระเจ้าครับ เพราะว่าผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยหมดหวังกับเรื่องความรักเพราะว่าในอดีตผมก็ยังไม่พร้อมและผมก็ไม่ค่อยน่ารักสักเท่าไหร่ แต่พระเจ้าเปลี่ยนผมในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา ผมก็มีความหวังทีละนิดทีละนิดขึ้นมา แล้วพระเจ้าผู้ส่งความรู้สึกนี้มาแตะใจเป็นพักๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วคนที่จะเป็นคู่พระพรมันต้องสเปเชียลจริงๆ สุดท้ายพระเจ้าก็ส่งเขาเข้ามาในช่วงที่เหมาะสม

คือการที่ผมได้เจอแจ๊คกี้ก็เหมือนพระคัมภีร์ที่บอกว่า คู่พระพร คือซี่โครงของเรา เพราะตอนที่พระเจ้าสร้างชายหญิง เขาจะสร้างผู้ชายขึ้นมาก่อน แล้วก็เอาซี่โครงออกมาปั้นเป็นผู้หญิง ผมก็เลยคิดว่านี่แหละคือซี่โครงของผมที่หายไป ฟังดูอาจจะงงๆ นะครับ แต่ผมแค่จะบอกว่า คำว่าคู่พระพรมันมากกว่าแฟนกัน มันเหมือนเนื้อเดียวกัน ที่วันเนี่ยเราได้กลับมาพบกันอีกครั้งนึง”

อย่างเราบอกว่าเป็นคนที่เคยทำไม่ดีมาก่อน แล้วเราให้คำมั่นสัญญาอะไรให้ฝ่ายหญิงเชื่อใจ?
เต๊ะ: “ก็จริงๆ คำมั่นสัญญาจะต้องไปพูดในวันที่ 22 ตุลาคม แต่ผมก็บอกกับเขาเสมอว่า ขอบคุณที่ให้โอกาสผม แต่ผมก็จะบอกกับเขาว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เราจะให้พระเจ้าเป็นคนนำทางชีวิตของเรา เพราะว่าไม่ว่าคนเราจะดีแค่ไหนแต่คุณก็ยังเป็นคนที่บกพร่องได้ ถ้าเราไม่มีศูนย์รวมคำตอบที่จะเผชิญปัญหา ก็อาจจะเกิดปัญหาได้ แต่เราขอบคุณพระเจ้าที่เรามีพระเจ้าและมีพระคัมภีร์ เป็นเครื่องมือ เป็นอุปกรณ์ เป็นกฎหมาย เป็นบัญญัติในชีวิตของเราให้เราผ่านวิกฤตไปได้”

ทำไมถึงเลือกผู้ชายคนนี้?
แจ็คกี้: “อย่างแรกเลย เราก็เป็นคนที่มีชีวิตแบ็กกราวด์คล้ายๆ พี่เต๊ะเหมือนกัน แล้วเราก็เป็นคนที่ค่อนข้างหมดหวังในเรื่องของความรัก มีเรื่องผิดหวังมากมายในชีวิตที่เราประสบพบเจอมา แต่พอเราได้รู้จักกับพระเจ้า เราก็รู้สึกมีความหวังอีกครั้งหนึ่งที่คิดว่าพระเจ้าก็คงจะมอบคนที่เหมาะสมและดีที่สุดให้กับเรา คือหนูก็ขอพรพระเจ้านะว่าหนูไม่อยากเลือกเอง ถ้าหนูจะมีคู่พระพรก็ขอแค่อย่างเดียว ให้เป็นคนที่รักพระเจ้าเหมือนกับเรา ซึ่งก็เป็นเขา ตรงตามที่พระเจ้าส่งมาเลย ก็ขอบคุณพระเจ้าเหมือนกันค่ะ”

เห็นว่าแต่งปุ๊บจะมีลูกเลย?
เต๊ะ: “ก็คาดว่าจะมีปีหน้า อยากให้พระเจ้าอวยพรเรา ปีนี้ผมก็ 40 แล้ว แล้วอีกอย่างสายตาของครอบครัวคุณพ่อคุณแม่ ก็บอกว่ารออยู่นะ แล้วในช่วงวัยของผม หน้าที่การงาน ผมรู้สึกว่าตั้งแต่เตรียมงานแต่งพระเจ้าก็อวยพร งานในวงการผมก็เริ่มกลับมา งานของแจ๊คกี้ก็บินมากขึ้น บินจนแทบไม่มีเวลาจะเจอกันแล้ว แล้วก็มีหลายอย่างในการเตรียมชีวิตของเขา และพระเจ้าก็กำลังเตรียมชีวิตของเราให้พร้อมการมีบุตรได้ในอนาคต โดยพระเจ้าก็พร้อมที่จะซัพพอร์ต ในการเลี้ยงดูผ่านหน้าที่การงานที่เราจะทำได้อย่างดีเยี่ยม”

คือผู้ใหญ่เร่งแล้ว?
แจ็คกี้: “คือถ้าพระเจ้าอวยพรให้เราอยากมีลูก เราก็มีได้ค่ะ”
เต๊ะ: “คือไม่ถึงกับบังคับนะครับ แต่ผมเข้าใจว่าในมุมผู้ใหญ่เขาก็อยากจะเห็นหลาน เขาก็พูดเปรยๆ พูดลอยๆ ขึ้นมา”

ถ้ามีลูกแล้วจะเบางานลงไหม?
แจ็คกี้: “ด้วยอาชีพของแจ๊คกี้อ่ะ ถ้าเกิดตั้งครรภ์ก็ไม่สามารถบินได้ก็จะต้องรอจนกว่าคลอดเสร็จถึงจะกลับไปได้”
เต๊ะ: “อย่างผม ก็ต้องวางแผนเหมือนกัน เพราะอย่างปีหน้า ผมจะมีไปถ่ายละครที่ใต้หวัน ถ้าสมมติว่าพระเจ้าอวยพรให้เรามีลูกกันต้นปี ก็แสดงว่าปีหน้าผมจะถ่ายละครได้แค่เรื่องเดียว แล้วก็เตรียมตัวกลับมาดูแลเขา เพราะว่ามันก็เป็นโมเมนต์สำคัญของชีวิตคู่

ต่างคนต่างงานเยอะ จะแบ่งเวลาให้กันยังไง?
เต๊ะ: “วัยผม 40 ปี เป็นช่วงที่ยังทำงานได้อยู่สบายๆ เขาก็เป็นช่วงที่เจริญเติบโตในหน้าที่การงาน ผมเขื่อว่ามันยังบริหารได้ ผมเห็นหลายคู่ที่เขามีลูกก็ยังสามารถบริหารเรื่องการทำงานได้ เรายังสามารถใช้สติไปกับพระเจ้าในการจัดสรรเวลาได้ แล้วการที่เขาบินไปทำงาน มันเป็นสิ่งที่เรารับได้อยู่แล้วตั้งแต่เริ่มต้นเรามีข้อตกลงกันคือ เราจะไม่เปลี่ยนงานกัน เพราะเราต่างรู้อยู่แล้วว่าเราทำงานอะไร”

10เดือนที่ผ่านมาหวานสม่ำเสมอไหม?
แจ็คกี้: “หวานค่ะ”
เต๊ะ: “หวานไม่หวานคิดดูน้ำหนักขึ้นมา10โลใน 10 เดือน ต้องขอบคุณพระเจ้า คือวันอาทิตย์เราได้เจอกันเป็นปกติ และวันที่เขาไม่ได้บินก็จะได้เจอกันอีก คือ10 เดือนที่ผ่านมา เรารักษาวันอาทิตย์ได้ดีทีเดียว ไม่น้อยไปไม่มากไป”

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน