สมรักษ์ แฉเดือด ตงตง เลิก เบสท์ จับได้นอกใจเห็นคาตา ไม่สปอร์ตไม่แมน-หล่ออย่างเดียว

จากกรณีที่ เบสท์ รักษ์วนีย์ คำสิงห์ ออกมาโพสต์ประกาศโสดแล้ว เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2566 หลังถูกจับตาเลิกกับ ตงตง กฤษกร เนื่องจากเธอได้ลบรูปคู่และอันฟอลโลว์ฝ่ายชาย

ล่าสุด ข่าวสดออนไลน์ ได้คุยกับ สมรักษ์ คำสิงห์ หลังจากที่ลูกสาวประกาศโสด ซึ่งผู้เป็นพ่อได้เปิดหมดเปลือกถึงปมเลิก และแฉสนั่นฝ่ายชาย ว่ามีทั้งเรื่องผู้หญิง เรื่องความไม่แมน

เขามีปัญหานานหรือยัง?
“เรื่องผู้หญิงซ้ำซาก แล้วก็ความเกรงใจ ความเป็นลูกผู้ชาย มาอยู่บ้านเบสท์ 2 ปี ค่าน้ำค่าไฟ หรือค่าอะไรไม่ออก เรื่องนี้เบสท์ก็คิดน้อย แต่สำหรับผู้หญิงก็เป็นเรื่องใหญ่ สำหรับเบสท์อะ ยืมทีละ 5 ล้าน 2 ล้านไม่เป็นไร แต่จะเป็นไปได้ไหม สำหรับคนที่จะมาเป็นพ่อของลูกในอนาคตเป็นเรื่องความแมน ความเป็นลูกผู้ชาย บางทีเป็นสะสม”

ได้เตือนลูกสาวไหม?
“ก็เขาเข้ามาตอนแรก เราไม่รู้นิสัยเขา แล้วลูกสาวเราคบตอนแรก 3 วันดี 4 วันไข้ เราก็ปลอบประโลมทั้งผู้หญิงผู้ชาย ไม่ได้อยากให้เลิกหรอก เมื่อคืนตงตงก็มาร้องห่มร้องไห้กับผมจะให้ช่วย จะให้ช่วยยังไง ทุกอย่างเวลาพูดเวลาปรึกษาพ่อ พ่อก็บอกหลายครั้งแล้วเคยทำตามไหม ก็ไม่เคยทำตาม จนเขาหมดความอดทน แล้วอีกอย่างหนึ่งการคบกันแบบสามวันดีสี่วันไข้ ก็ตอนที่เล่นละครดังๆ ก็เปลี่ยนไป ตงตงก็บอกว่าโดนบีบ คือเหตุและผลไม่เพียงพอ คือเป็นเขาทำอะไรมีหลักฐาน จับไม่ได้เบสท์เขาไม่พูดหรอก แฟนคลับเขาเยอะ อย่างผู้หญิงอะเขาถ่ายรูปไปโชว์เพื่อน แล้วเขาก็ส่งมาให้เบสท์ต่อ มันก็ส่งหลายครั้งหลายครั้ง ก็มีเรื่องผู้หญิง มีเรื่องไม่สปอร์ตด้วย แล้วทีนี้จะมีข้อดีตรงไหน ก็มีแต่ความหล่ออย่างเดียว

เราก็ไม่อยากพูด บางทีตงตงมาร้องห่มร้องไห้กับเรา คือเบสท์เขาก็ไม่ได้ไปวุ่นวายอะไร เขาก็นักเลงอยู่แล้ว เวลาเบสท์โดนแฟนคลับด่า ตงตงก็ไม่เคยออกมาปกป้องเลย กรณีคบกันแล้วมีข่าวกลัวพ่อ คือผมไม่เคยไปด่าเลย มีแต่ป้องกัน ทีเรื่องอย่างนี้นะตงตงเขายังมาบอกว่าพ่อช่วยหน่อย จะไปช่วยยังไงหัวใจคนบังคับกันไม่ได้ ถือว่าทำบุญมาร่วมกัน อนาคตข้างหน้าถ้าไปเจอคนใหม่ ไปเจอครอบครัวใหม่ ก็ต้องเอาข้อที่พ่อเตือนไปปรับปรุงตัวเอง คบผู้หญิงต้องมีความรับผิดชอบในเรื่องของค่าใช้จ่าย แล้วกับพ่อแม่ผู้หญิง ยังไงก็อย่าไปเถียงเขา อย่าไปทะเลาะกับแม่กับพ่อเขา

แล้ววันสำคัญต่างๆ อย่างวันครอบครัวต้องให้เขา ที่ผ่านมาก็สอนก็เตือน คุยกันแบบลูกผู้ชายมาโดยตลอด เขาก็ครับๆ แต่ไม่เคยปฏิบัติ ไม่เชื่อ หลังๆ ก็เปลี่ยนเยอะ เขาก็จะอ้างอย่างงั้นอย่างนี้ ไม่ให้ลงรูปคู่ ก็คือพยายามตัดเบสท์ออก เบสท์ก็เริ่มทำใจ ไม่อยากลงก็ไม่ต้องลง ก็ในที่สุดก็จนถึงที่สุด น้ำตาสักหยดน้ำก็ไม่มี เพราะสามวันดีสี่วันไข้ ถามว่าทุกคนแฮปปี้ไหมที่เลิก ทุกคนแฮปปี้ แฟนคลับก็แฮปปี้ เพราะว่าทุกคนเขารู้หมด

เอาง่ายๆ อย่างกรณีไปโรงแรมไหน เบสท์แฟนคลับเขาเยอะ อย่างล่าสุดตงตงบอกไปเที่ยวมหาสารคาม ก็มีคนถ่ายมาให้ดูเยอะแยะไปหมด ถึงเวลาต้องพูดก็ต้องพูด ดาราอย่ามาปั้นหน้าใส่กัน”

จริงๆเบสท์มาปรึกษาไหม ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะต้องไปในทิศทางไหน?
“คือไม่ปรึกษา เขาโตแล้ว ผมก็ปล่อยให้เขาตัดสินใจ คือตอนแรกผมก็ไม่รู้เรื่อง เบสท์เขาบินมาหาผมที่ขอนแก่น ผมก็ถามว่าตงตงไม่มาเหรอ เขาก็บอกไปมหาสารคามแล้ว ก็ติดต่อไม่ได้เลย ถามว่าทะเลาะกันเหรอ ก็ไม่ได้ทะเลาะอะไร เขาก็บอกทนมานานแล้วพ่อ ไอ้เราก็ไม่ถามต่อ คือผมก็รู้อยู่สามวันดีสี่วันไข้ ที่ผ่านมาผมก็เป็นคนประสานให้บอกให้ใจเย็นๆ

อย่างเหตุการณ์เวลาไปเมืองนอก ซื้อตั๋วเครื่องบินกันเสร็จแล้ว ตงตงไม่พอใจ ก็ไม่อยากไป บอกว่าผมไม่ไปแล้ว แฟนคลับรอที่สนามบิน มันก็ต้องไป ไม่ไปทำไมไม่บอกตั้งแต่ทีแรก ไปแต่ละครั้งจะมีงอแงถึงเวลาไม่พอใจปุ๊บบอกไม่ไป ก็คือไม่รู้โดนใครเขาบีบมา คือเป็นใคร ครอบครัวเรามีแต่ความอบอุ่นคึกคัก เข้ามาแล้วแบบ.. คือเข้าใจนะครอบครัวเขาไม่ได้มีความอบอุ่นเหมือนเรา แล้วเวลาเข้ามาแล้วผมก็พยายามสอนให้ความรักเขา ก็ไม่มีอะไรจะให้ แต่ว่าเป็นยังงั้นก็ถือว่าทำบุญร่วมกันมาแค่นั้น เพราะผมก็รู้อยู่แล้วว่าเบสท์พยายามอดทนให้ถึงที่สุด”

แสดงว่าที่ผ่านมาเห็นน้องเบสท์ร้องไห้บ่อย?
“ใช่ คือเป็นลูกผู้ชายก็ต้องรับผิดชอบผู้หญิงจะมีมากมีน้อย ต่อให้ผู้หญิงเขามีมากกว่า แต่ถ้าได้รับการดูแลจากผู้ชายมันก็จะรู้สึกดี กินข้าวก็มีแต่เบสท์จ่าย แล้วเรื่องรถ Alphard ที่ออกมา แรกๆ มีแต่ตงตงใช้ ไม่ใช่เบสท์ใช้ ไม่ได้ผมใช้ มีคนขับรถแล้วก็มีเงินเดือนคนขับรถพร้อม คือเป็นรถครอบครัวก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะว่าเราทุกคนก็มีรถคนละคันอยู่แล้ว ที่ไม่ได้ใช้รถ เพราะอะไรรู้ไหมล่ะ ตีสี่ตีห้ารถตู้คันนี้ไปวิ่งอยู่รีสอร์ต

ข่าวชอบออกมาบอกว่าเขากลัวพ่อ แต่อย่างเมื่อคืนผมกลับจากขอนแก่น เขาโทรหาพ่ออยู่ไหนครับ พ่อช่วยผมหน่อยครับ ตงตงบอกว่าเขากลับจากมหาสารคามมาถึงกรุงเทพฯ พอดี เขาก็ขับรถมาหาผม แต่ไม่ได้เข้าบ้านหรอกนั่งอยู่หน้าบ้าน มาร้องไห้กับผม ก็คือเบสท์ไม่ได้เข้า เพราะตอนแรกบอกว่าจะพาเข้าไปคุย เบสท์บอกว่าถ้าพ่อพาเข้ามา เบสท์จะออกจากบ้านด้วย ก็คือเราก็กลัวว่าลูกเราจะเสียใจ แต่เบสท์ทำใจได้ พวกเราทุกคนก็แฮปปี้ ส่วนของที่บ้านจะเอาก็บอกมา เดี๋ยวให้คนขนไปให้ ก็หลังจากนี้เขาจะตามง้ออะไรกัน ก็ไม่ว่าเราตัดสินใจแล้ว แต่ว่าถามว่าเบสท์มีคนอื่นหรือยัง ไม่มี เขาไม่ใช่เป็นคนเที่ยวผับเที่ยวอะไรแบบนี้”

โกรธไหมที่เขาทำกับลูกเราอย่างนี้?
“คือมันเป็นธรรมชาติไม่โกรธ แต่ถ้ามาทำลูกเราอ่ะดิ

มันมีตอนนึงตอนตีสาม มีภาพรถ Alphard ไปรีสอร์ต เบสท์เขาก็ไปสอบสวนคนขับรถ โดยคนขับรถก็สารภาพหมด เพราะเขากลัวตกงาน พอถามมีใครบ้าง เขาก็บอกว่ามีผู้หญิง ทำอะไรไม่รู้ เพราะว่าเขานอนรออยู่ในรถ มีผู้หญิงด้วยมีอะไรด้วยเหรอ เบสท์เขาไม่มีหลักฐาน แบบตงตงก็บอกว่าไปปาร์ตี้กับเพื่อนนักแสดงช่องวัน ไม่มีเรื่องผู้หญิง แล้วทำไมไปตอนตีสามตีสี่ พอตงตงไปถ่ายละคร เบสท์ก็ดูกระเป๋าก็ไปเจอหลักฐานในกระเป๋า ผมไปก็ดู”

มันอันตรายเหมือนกันนะ เหมือนเป็นการโยงไปโยงมา?
“คือบางอย่างเราก็ไม่อยากพูดไม่อยากให้เป็นข่าวนะ คือลูกของเรา เขามีความสุข หมดเคราะห์หมดโศกหมดเวรหมดกรรมแล้ว (สวยขึ้นด้วย?) ใช่อมทุกข์มานาน ตอนนี้จะไปไหนก็ได้แต่งตัวยังไงก็ได้ แม่เตรียมชุดให้ดูแลทำแบบนี้มาตลอด เมื่อก่อนบางชุดนะ โป๊ไปตงตงก็ห้ามใส่ บางทีทะเลาะกันผมก็ต้องเคลียร์ให้ แม่เขาบอกว่าจะโป๊ตรงไหน แม่ก็ไปงานด้วยอยู่ แม่เขาดูแลมาตั้งแต่เด็ก ตงตงก็มีปัญหากับแม่อีก

จริงๆ ถ้าสำนึกได้ ถ้าเป็นผม ผมอยู่มหาสารคาม ถ้าเป็นผม ผมจะรีบตีรถมาหาเบสท์ที่ขอนแก่นเลย เพราะก็รู้อยู่ว่าตอนนั้นเบสท์อยู่ขอนแก่น มหาสารคามห่างกับขอนแก่นห่างกันไม่เกินชั่วโมงเดียว เพราะก่อนไปเบสท์ก็ถามว่าไปหาแม่กลับวันไหนจะเล่นน้ำกับเบสท์หรือเปล่า ถามกระจ่างแจ้งแล้วนะ รอคำตอบนิ่งเฉย คือไม่มีความแมน ค่าข้าวค่าไฟ คือลูกสาวทำงานมา เป็นยังงั้นจริงๆ สั่งของสั่งข้าวสั่งชาบูก็มีแต่เบสท์ออก สบู่ยาสีฟันเบสท์ออกหมด ถือเป็นบทเรียนชีวิตของเขาไม่เป็นไรหรอก เราก็บอกตงตงว่าถ้าไปคบคนอื่นก็ทำตัวเป็นลูกผู้ชายรับผิดชอบต่อครอบครัวหน่อย แล้วอย่างที่สองเวลาไปอยู่บ้านใคร อย่าไปทะเลาะกับพ่อแม่ผู้หญิงเขา”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน