แป้ง อรจิรา เล่าประสบการณ์เป็นคุณแม่ ลูกสาวเจอวิกฤตมีภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์ หากรู้ตัวช้าเสี่ยงสมองไม่พัฒนา

นักแสดงสาว แป้ง อรจิรา ที่จะมาเปิดบทบาทใหม่กับการเป็นคุณแม่ที่บอกเลยว่าทำชีวิตของเธอเปลี่ยนไปมาก พร้อมหอบลูกสาว “น้องเลอา” วัยขวบครึ่งมาออกรายการครั้งแรก รวมถึงคุณแม่แป้ง ได้ย้อนเล่าอาการป่วยของลูกสาวภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์

พัฒนาการน้องเป็นยังไงบ้าง? “คุณหมอบอกว่าอยู่ตามเกณฑ์ เราไม่เคยมีลูก เราก็ไม่รู้ว่าตามเกณฑ์ของคนอื่นมันเป็นยังไง แต่เขาก็พูดตามอายุที่เขาจะพูด เขาไม่ได้เป็นเด็กงอแงที่จะร้องไห้ไม่มีเหตุผล”

ทะเลาะกับสามีเรื่องการเลี้ยงลูกไหม? “มีบ้าง เพราะส่วนใหญ่เราเป็นคนใช้เวลากับลูก เขาจะออกไปทำงานนอกบ้าน พอกลับมาจะมีบ้างเห็นลูกไม่ทำอะไรอย่างนี้ ทำไมไม่สอน ทำไมไม่บอกให้ลูกทำแบบนี้ๆ”

อย่างบ้านแป้งสามีเป็นคนสิงคโปร์ เขาใช้ภาษาจีนเป็นหลัก? “เขาใช้ภาษาอังกฤษ (แล้วสื่อสารยังไงกับลูกเพื่อไม่ให้สับสน?) เวลาแป้งคุยกับสามีแป้งจะพูดภาษาอังกฤษ แต่ถ้าแป้งคุยกับลูก แป้งจะพูดภาษาไทย ถ้าเขาคุยกับลูก เขาจะพูดภาษาอังกฤษ”

เห็นว่าตอนนี้มีเสริม นอกจากภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ตอนนี้ให้ครูมาสอนภาษาจีน? “ตอนนี้ทุกวันพุธกับศุกร์ช่วงเช้าก็จะมีครูสอนภาษาจีนมาเล่น มาคุย”

ไม่ค่อยได้ยินคนให้ลูกเรียนตั้งแต่ขวบนิดๆ เลย? “คือคุณสามีเป็นคนสิงคโปร์ พอ 6 ขวบต้องย้ายกลับไปเรียนที่สิงคโปร์ เพราะว่าการศึกษาที่สิงคโปร์ค่อนข้างแน่น ไปช้ากว่านั้นกลัวว่าเรียนไม่ทันแล้วจะเครียด ถ้าส่งไปตั้งแต่เด็ก อย่างน้อยมันทำความเครียดให้เป็นความธรรมดา แต่ถ้าเขาอยู่ชิลๆ ที่เมืองไทย แล้วไปเข้าโรงเรียนเครียดๆ เขาปรับตัวไม่ได้จะกลายเป็นเด็กเครียด ก็เลยคิดว่า พอ 6-7 ขวบจะย้ายให้ไปเรียนที่นู้น”

ด้วยความที่มันหลากหลายภาษาเหลือเกิน น้องสับสนบ้างไหม? “คิดว่าถ้าเรายัดให้เขาตั้งแต่เด็กๆ แบบนี้คิดว่าเขาน่าจะรู้ว่ามันมีความหลากหลายบนโลกใบนี้ (นอกจากเขาได้ภาษาจีนแล้ว คุณพ่อก็ได้ภาษาไทยด้วยในครูคนเดียวกัน?) ใช่ จริงๆ คุณพ่อเขาได้ภาษาไทยอยู่แล้ว แต่พอมาถึงที่บ้านเขาก็เลยถามครูคนที่สอนภาษาจีน ว่าสอนภาษาไทยได้หรือเปล่า ซึ่งครูก็สอนได้ ทุกวันนี้ครูมา คือเลอา 1 ชม. แม่ 1 ชม. พ่อ 1 ชม.”

แป้งเรียนอะไร? “จีน เพราะเรากลัวว่าเดี๋ยวเขาคุยกับคุณพ่อแล้วเราไม่รู้ ก็เลยคิดว่าศึกษาไว้บ้าง บางทีลูกเรียนเราจะได้สอนเขาได้”

ถ้าส่งลูกไปเรียนที่สิงคโปร์ตอน 6 ขวบ คุณแป้งไปด้วยไหม? “ไปค่ะ (แสดงว่าแพลนในอนาคตคือเตรียมย้ายจากเมืองไทยไปอยู่สิงคโปร์เลย?) อาจจะไม่ได้ยาว อาจจะย้ายไปช่วง 6-7 ปี ไฮสคูล แต่สิงคโปร์มันใกล้บินกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้”

ช่วงหนึ่งเราเรียนรู้ไปอยู่มาแล้ว? ใช่ค่ะ สิงคโปร์สำหรับแป้ง แป้งรู้สึกว่ามันค่อนข้างเป๊ะ มันอาจจะเครียดนิดนึง คืออยู่ได้ แต่ถ้าอยู่ยาวๆ อาจจะขอ ไป-กลับ (ลูกไม่ติดพี่แป้งเลย มีช่วงหนึ่งไปต่างประเทศ แต่เราติดลูกมาก?) เราติดลูก เวลาเราไปเมืองนอกโทรหาลูกตลอด เวลาเขาเห็น เขาไม่สนใจ เขาจะเล่น”

นอยด์ไหม? “แป้ง : สงสัยเราคงไปบ่อยจริงๆ คงต้องให้เวลากับเขาเยอะขึ้น (เห็นว่ามีอย่างหนึ่งที่ไม่ให้ลูกทำเลยคืองานในวงการบันเทิง?) คือไม่ใช่ไม่อยากให้เขาทำนะ มันมีช่วงเวลาของมัน แล้วก็พูดจริงๆ เราก็เข้าวงการเร็ว มันมีช่วงที่เราเสียนิสัยก็มีเราอยากให้เขารับรู้ถึงความเป็นคนธรรมดาก่อน การใช้ชีวิตหาเงินไม่ได้ง่ายๆ

อยากให้เขามีความสามารถ ร้องเพลงได้ เต้นเป็น เพราะว่าแม่ชอบ แม่อยากดู แต่อยากให้เขาเอาเรื่องวิชาการป๋นหลักมากกว่า แต่ก็ไม่ได้กำหนด แต่ถ้าเลือกได้ อยากให้เขาใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา”

แล้วถ้าวันนึงน้องบอกว่าอยากเป็น? “ต้องดูก่อนว่าเขามีความสามารถทางด้านไหน ถ้าเขาเล่นละครเก่งก็ต้องเก่งจริงนะ หรือร้องเพลงได้ก็ต้องเพราะจริงนะ ไม่ได้เป็นแม่ที่แบบลูกร้องไม่ได้ แล้วบอกว่าร้องเพราะมากลูก ผลักดัน ต้องดูตามพื้นฐานความเป็นจริงว่ามันไปได้ไหม ถ้าลูกเราเก่ง เราก็ผลักดัน”

แล้วคุณพ่อล่ะ? “เขาอยากให้เป็นหมอ ถ้าลํกเป็นหมอได้เขาจะแฮปปี้มาก (แล้วลึกๆ อยากให้ลูกเป็นอะไร?) เป็นอะไรก็ได้ อยากให้เขาเป็นเด็กมีความสุข (เห็นว่าตอนคลอดมีวิกฤติเหมือนกัน?) ใช่ลูกเกิดมาตัวค่อนข้างเล็ก 2.2 โล ถือว่าเล็กมาก เราไม่เคยผ่านการมีลูกมาก่อน เราไม่รู้ว่าเด็กตอนเพิ่งเกิดจะนอนเยอะ นอนน้อย ตื่นหรือเล่นยังไง เราก็มีความพะวง แล้วตอนเขาเกิดมาเขามีความเหี่ยวๆ นิดนึงเพราะเขาเกิดก่อนกำหนด แล้วเขาไม่โตในท้อง”

แป้งไม่ได้คลอดที่เมืองไทย ไปคลอดที่สิงคโปร์? “ใช่ ตอนนั้นมันเป็นช่วงโควิด เราคบกัน 2-3 ปีโดยที่ไม่เคยเจอครอบครัวเขา เราอยากไปเห็นว่าคุณพ่อ คุณแม่เป็นยังไง อย่างน้อยตอนเขาเกิดมา เขาจะได้เห็นคุณปู่ คุณย่า แล้วเราไม่ได้เดินทางหลายปี เปลี่ยนบ้างก็ดี เลยไปคลอดที่สิงคโปร์”

แตกต่างจากบ้านเราไหม? “จริงๆ หมอที่นู้นอธิบายน้อย มีเวลาให้เราสั้น วัฒนธรรมการคลอดก็แปลก เราหาหมอที่นี่ แต่หมอจะไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาล หมอจะอยู่ตามห้าง คลินิกหมออยู่ห้าง ถ้าจะคลอดต้องไปคลอดที่โรงพยาบาล มันไม่วันสต็อปเซอร์วิชหมอคนนี้ออฟฟิศอยู่ที่นี่ ถ้าต้องใช้ห้องที่โรงพยาบาลก็ต้องไปใช้ที่โรงพยาบาลนี้ มันค่อนข้างลำบากเหมือนกัน”

คลอดก่อนกำหนด? “จริงๆ ต้องบังคับให้คลอดก่อน เพราะว่าน้องตัวไม่ค่อยโตในวีคหลังๆ คุณหมอเลยแนะนำให้ออกมาโตข้างนอกดีกว่า (เครียดไหม?) ร้องไห้ทุกวันเลย เพราะเราสังเกตและรู้ว่ามันมีอะไรไม่ปกติ แบบทำไมลูกเราตื่นน้อยกว่าชาวบ้าน ดูไม่อะเลิทเขานอนเยอะ ตื่นน้อย แล้วตอนให้นมมีอยู่ช่วงหนึ่งไม่ดูด

ทำไมมันผิดปกติ หลังจากนั้นเริ่มไม่ถ่าย ปกติเด็กต้องถ่ายทุกวันใช่ไหม นี่เริ่ม 5 วัน เริ่มเครียด เราก็พาไปหาหมอ ตัวก็เหลือง แต่เราคิดว่าเขาตัวคล้ำ ไม่รู้ว่าตัวเหลืองคืออะไรหมอเลยจับตรวจเลือด น้องมีภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งเราไปอ่านดูฮอร์โมนตัวนี้มันสำคัญมากๆ

ถ้าไม่มีตัวนี้สมองจะไม่พัฒนา ถ้าใครรู้หลัง 2 เดือน เด็กมีสิทธิ์เป็นเอ๋อ เลอารู้ตอนเดือนนึง เราร้องไห้ ซึ่งหมอที่นู้นไม่เหมือนเมืองไทย ไปหาต้องนัดล่วงหน้า แล้วระหว่างที่เรารอโดยไม่รู้อะไร แล้วเราเป็นคนนอยจะเสิชอ่านแต่ในกูเกิ้ล จะมีแบบนี้ อันนี้ทำไม่ได้ ก็ยิ่งนอยไปใหญ่

ปรึกษาสามีบ้างไหม? “ปรึกษา แต่สามีก็จะมองโลกในแง่บวก ไม่เป็นหรอก นู้นนี่นั่น พอเขาโตเริ่มบินได้ก็เอาเขากลับมาเมืองไทย พอมาหาหมอที่เมืองไทยเขาบอกไม่ต้องห่วง ตอนนั้นทำใจแล้วนะว่าลูกเราจะโตมาไม่ปกติ แต่ก็คิดว่าไม่เป็นไรอย่างน้อยก็ลูกเรา”

ผ่านวิกฤติช่วงนั้นมายังไง? “อยู่กับมัน อดทน ตอนแรกไม่คิดว่ามันมีผล คิดว่าแข็งแรง อยู่ที่ไหน เพื่อนโทรศัพท์คุยกันก็ได้ แต่เอาจริงๆ พอกลับมาเมืองไทยเรารู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย คุณแม่บอกโรงพยาบาลนี้ไหม ไปถามหมอโรงพยาบาลนี้ไหม ทุกคนช่วยกันดู ภาวะแบบนี้เป็นยังไง

คือตลกมาก แป้งทำคลิปเกี่ยวกับภาวะน้อง พอออกไปมีเพื่อนที่ลูกเขาก็เป็นเหมือนกัน คือเมืองไทยเขารู้เร็วกว่าเรา รู้ตั้งแต่คลอด เพราะฉะนั้นสามารถให้ฮอร์โมนทดแทนได้ตั้งแต่ตอนรู้ แต่ของเลอาอาจจะรู้ช้านิดนึง แต่ไม่เป็นไรยังทันอยู่”

ผ่านวิกฤติตรงนั้นมาแล้ว ขั้นตอนการรักษา ดูแล? “ต้องให้ฮอร์โมนทดแทน ทุกเช้าเขาจะต้องกินฮอร์โมนทุกวัน ถามว่าต้องกินนานไหม ก็กินไปตลอด ปัจจุบันก็ยังกินอยู่ ถ้าโชคดีตอน 3 ขวบ อยู่ดีๆ ต่อมไทรอยด์เขาเกิดผลิตขึ้นมาได้ก็ถือว่าโชคดี หยุดยาได้ แต่ตอนนี้หยุดไม่ได้เพราะว่า 1-3 ปี เป็นช่วงที่สมองกำลังพัฒนา”

ชาวเน็ตมาคอมเมนต์ไม่ดี? “มันมีรูปที่น้องใส่เสื้อแล้วไหล่หลุดนิดนึงแล้วเขาก็ยิ้ม อาจจะดูเย้ายวนใจ เขาพิมพ์ว่า แรดจังเลย แป้งเปิดเข้าไปดู เขาเที่ยวเมืองนอก ดูธรรมะ ธรรมโม ตอนแรกจะฟ้องแล้ว แต่เราดันใจเร็ว สตอรี่ไปแบบโกรธ เขาคงรู้ตัวทันแล้วลบไอจีเขาไป”

เจอแบบนี้เครียดไปกี่วัน? “ไม่ได้เครียดแต่โมโห พอเราเป็นแม่ เราไม่รู้หรอกนะว่าจะรักอะไรได้มากกว่าตัวเอง เพราะว่าทั้งชีวิตนี้ฉันรักแต่ตัวเอง พอมีลูกนี่คือสิ่งมีค่าที่สุดของฉัน”

จ่อจะฟ้อง แล้วเกิดอะไรขึ้น? “ปรึกษาทนายแล้วด้วย มันต้องแจ้งความแล้วมันต้องเอาชื่อจริง นามสกุลจริง อย่างที่บอกตอนแรกเราสตอรี่ไปก่อนแล้วเขาไหวตัวทัน เขาลบไอจีออกไปก่อน (สามีว่ายังไงบ้าง?) เขาจะซอฟๆ หน่อย ยูไม่ต้องฟ้องหรอก พิมพ์ไปให้เขาออกมาขอโทษ”

วันนี้ถ้าเขาดูอยู่อยากบอกอะไรเขาบ้าง? “ควรออกมาขอโทษนะคะ แล้วเท่าที่เห็นเป็นผู้หลัก ผู้ใหญ่แล้ว ก็จะรู้ว่าอะไรควร ไม่ควร”

ชีวิตแป้งตั้งแต่มีลูกเปลี่ยนไปเยอะมาก นิ่งขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้น ที่สำคัญสวยขึ้นด้วย? “ยิ่งเรามีอายุมากขึ้น เรารู้สึกว่าการที่คุณสามีกลับมาบ้านแล้วเจออะไรที่สวยๆ งามๆ ก็คือสิ่งที่ดี และที่สำคัญพอเรามีลูกแล้ว เราต้องดูแลตัวเอง เพื่อที่จะอยู่กับลูกได้นานมากขึ้นด้วย”

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน