เอกชัย ศรีวิชัย ลั่นฟ้องแน่ แฟนนางงามด่าแรง ไม่อยากดูโชว์คั่นเวลา บนเวทีประกวด ลั่นคอนเสิร์ตกู นางงามแค่มาแจม
ทำเอานักร้องขุนพลแดนใต้ เอกชัย ศรีวิชัย เดือดจัด หลังเจอแฟนนางงามคอมเมนต์ด่าแรง ไม่อยากดูโชว์ของวงเอกชัย ที่มาเล่นบนเวทีประกวดนางงามสมิหลา
ล่าสุดวันนี้ (11ก.ค.66) เอกชัย ศรีวิชัย ได้เปิดใจหลังมาร่วมงาน งานบวงสรวงละคร “ไมค์ม่วนป่วนรัก” ณ แอ็กซ์ สตูดิโอ จ.ปทุมธานี ชี้แจงถึงประเด็นดราม่าแฟนนางงามด่า ไม่อยากดูโชว์วงคั่นเวลา แต่ความจริงเจ้าตัวบอกเป็นงานคอนเสิร์ตของวง แต่การประกวดนางงามมาร่วมในคอนเสิร์ตด้วยเท่านั้น ซึ่งแคปไว้หมดสำหรับแฟนนางงามที่พิมพ์มาด่าตนเสียหาย ทั้งหมด 10 กว่าราย เตรียมดำเนินคดีทางกฎหมาย
ดราม่าวันประกวดนางงามสมิหลา? “จริงๆ มันเป็นเรื่องของคนที่เขาอยู่ที่บ้าน ต้องเล่าให้ฟังว่าการประกวดนางงาม ประกวดวันที่ 9 ก.ค. คอนเสิร์ตผมวันที่ 4 ก.ค. แล้วคนที่จัดประกวดนางงาม เป็นลูกบุญธรรมของเรา เขาก็เลยบอกว่าขอมาจัดวันที่ป๊ามาได้ไหม คนจะได้เยอะ คือปกติการประกวดหน้าเวที มันก็ไม่ได้มีคนดูเยอะ ทีนี้ถ้าเป็นคอนเสิร์ตเราคนจะเยอะ เราก็เลยบอกว่าได้ไม่มีปัญหาอะไร เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ก็ปรากฏว่ามาอยู่ในวันคอนเสิร์ต แต่นางงามเขาประกวดกัน 2 รอบ ประกวดรอบแรกก่อนและเว้นเป็นคอนเสิร์ตเราตรงกลาง แล้วก็มาตัดสิน ซึ่งคอนเสิร์ตเรารับงานไว้ก็ต้องเล่นชั่วโมงครึ่งของเราอยู่แล้ว คนดูมารอตั้งแต่บ่าย 3 โมงหน้าเวที เราก็เล่นไป แต่ของเขามีการไลฟ์สด ก็จะมีไม่ถูกใจพวกหัวกะโหลกโปกไขว้ต่างๆ พวกขวัญใจนางงามเขาก็ไม่ชอบใจ บอกว่าช้าไป ควรจะดูนางงามได้แล้ว ก็มีพิมพ์มาด่า”
แสดงว่าคนอาจจะเข้าใจว่าคอนเสิร์ตเราเป็นโชว์คั่นนางงาม? “ก็น่าจะ เขาอาจจะเข้าใจว่าเป็นโชว์คั่น แต่จริงๆ แล้วเป็นคอนเสิร์ตของเรา นางงามมาบวกกับเรา แต่เอาเถอะจะอะไรก็แล้วแต่ คนที่อยู่ทางบ้านเวลาจะคอมเมนต์อะไรมาต้องดูบ้าง คนนึงมีเป็น 100 คอมเม้นต์ พวกนี้โดนฟ้องหมดนะ ผมแคปไว้หมด คนที่คอมเม้นต์ด่าไม่มีเหตุผล ด่าไปทั่ว ด่าเหมือนกูไปขี้ใส่หม้อข้าวบ้านมึง อะไรกันนักกันหนา เราไม่อ่านเลยให้ผู้จัดการเขาอ่าน มาด่าแดนเซอร์ ด่าการแสดง ด่าทุกอย่าง แม้กระทั่งวัลลภ อัตถานัย คนที่เราปั้นมา เขายังด่าเลย บอกว่าจะตัดสินตอนเช้ากันเลยหรือไง ร้องกันอยู่นั่นแหละอะไรแบบนี้ ซึ่งมันเป็นคอนเสิร์ตในสัญญาที่เราต้องเล่นชั่วโมงครึ่งอยู่แล้ว เป็นสัญญาที่ทำมาก่อน นางงามมาบวกกับเราเอง คือจริงๆ เราคุยกับผู้จัดการตั้งแต่แรก ตั้งแต่ลูกชายเราจัดงานบอกว่าให้ประกวดให้เสร็จไปก่อนเลย เดี๋ยวเราค่อยขึ้น แต่เขาช้าไง เราก็ไม่รู้ว่ามันไปช้าอะไรตรงไหน ถ้าแฟนคลับที่บ้านรอไม่ได้ชั่วโมงครึ่ง แล้วแฟนคลับของเราที่มารอตั้งแต่บ่าย 3 โมงล่ะ ทำไมเขาไม่บ่น ฉะนั้นต่อไปการจัดงานนางงามกับวงดนตรีก็ต้องแยกออกจากการให้ขาดเลย เพราะคนที่เขาชอบนางงามก็อาจจะไม่ชอบเราก็ได้ แต่คนที่เขาชอบเราก็ไม่ได้ชอบนางงาม แต่เราก็หวังว่ามันควรจะไปด้วยกัน ดูนางงามแล้วก็ดูคอนเสิร์ตไปก็น่าจะสนุก แต่คนที่เป็นปัญหามันไม่ได้อยู่หน้าเวที ปัญหาคือคนที่ไม่ได้ลงทุนเยอะไรเลย นั่งอยู่บ้านเฉยๆ พูดตรงๆ เถอะ”
ที่ลิสต์รายชื่อไว้มีกี่คน? “มีประมาณ 10 กว่าคนที่เราฟ้อง”
Advertisement
จะมีไกล่เกลี่ยไหม? “อย่าไกล่เกลี่ยเลย มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น ซึ่งเราก็ทำหน้าที่ของเรา คนที่ดูอยู่หน้าเวทีเขาก็แฮปปี้ แต่พอวงกลับเป็นยังไงล่ะ คนก็หมดเลย ตอนที่ตัดสินมีอยู่กี่คน มีแค่เฉพาะพี่เลี้ยงนางงามที่ดูอยู่”
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกใช่ไหมที่แสดงนางงามและมีดนตรีด้วย? “คิดว่าน่าจะเป็นครั้งแรกมั้ง เพราะเราก็ไม่เคยไปร้องกับนางงาม จำไม่ได้นะ แต่ว่าครั้งอื่นๆ อาจจะเราไปแจม แต่ถ้าเราไปแจม เราก็ต้องรู้เวลา แต่นี่เราไม่ได้แจม นี่คอนเสิร์ตกู”
หลังจากนี้จะไม่ให้นางงามมาร่วมในคอนเสิร์ตแล้วไหม? “จริงๆ ผมได้หมดครับ รับหมด ไปหมด คนที่ด่ามีอยู่แค่ 3-4-5 คน ด่าอยู่ที่บ้าน แต่คนที่เขามารออยู่ตั้งเยอะ ก็ไม่ได้ไปสนใจ ใครด่ามาก็ฟ้องกลับเท่านั้นเอง”
คนมองว่าชาวโซเชียลเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีเหตุผล เรามองว่ายังไง? “เราไปคิดแทนเขาไม่ได้หรอกครับ เอาเป็นว่าขอให้ทุกคนมีสติ แล้วคุณนั่งดูอยู่ที่บ้าน คุณไม่ได้ลงทุนอะไรเลย ขัดใจนิดหน่อยก็ไม่เก็บ อย่างนั้นก็โดนฟ้อง เพราะเวลาคุณคอมเมนต์ลงไปมีเพื่อนๆ เชียร์นะ แต่เวลาขึ้นศาลคุณอยู่คนเดียวนะ คุณเดียวดายนะ”
เจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยไหม? “ไม่เลย นี่ครั้งแรก”
จะเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่? “จริงๆ เรื่องฟ้องไม่ได้อยู่ในสมองเลย ขอพูดตรงๆ ว่าถ้าเอาตามความเป็นจริง ซึ่งเราทำไม่ได้หรอกนะ ก็คือตบเลย มึงหัดดูเรื่องราวอะไรเขาบ้าง มึงอย่าเยอะ และส่วนมากก็เป็นลูกสาวทั้งนั้นแหละ อยากจะบอกอะไรไหมเหรอ ไม่บอกดีกว่า ช่างมัน คุณอยากทำอะไร คุณทำเลย เป็นสิทธิ์ของคุณ แต่คุณทำแล้วคุณก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่คุณทำ ผมว่าเรื่องพวกนี้ไม่จำเป็นต้องบอกต้องกล่าว คนเราอ่านหนังสือออกเหมือนกันหมดทุกคน ก็ให้มีสติหน่อยสิ จะด่าจะว่าใครมันก็ควรจะดูบ้าง ว่าไอ้คนนั้นเขาทำอะไรขนาดไหน เขาก็ทำในสิ่งที่เป็นหน้าที่ของเขา และเป็นงานของเขา เป็นวันของเขาก็เท่านั้นเอง”.
