ปิดทางรีเทิร์น ไบร์ท นรภัทร เผยเหตุเลิกน้องมิ้น แฟนนอกวงการ ลั่นรักอย่างเดียวไม่พอ

หลังออกมายอมรับว่าได้เลิกรากับ น้องมิ้น แฟนสาวนอกวงการแล้ว สำหรับพระเอกหนุ่ม ไบร์ท นรภัทร วิไลพันธุ์ ที่ตอนนี้ยังสภาพจิตใจยังไม่เต็มร้อย แต่ก็ประกาศชัดเจน เลิกกับใครแล้ว ไม่ขอย้อนกลับคืนไปอีก

ล่าสุดวันที่ 12 ส.ค. 2566 หนุ่มไบร์ท ที่มาร่วมงาน กิจกรรม ‘Empowering Women with LOVE’ ณ แฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ได้เผยสาเหตุที่ต้องจบความสัมพันธ์กับแฟนสาว ยอมรับเป้าหมาย ทัศนคติในชีวิตไม่ตรงกัน แม้จะพยายามปรับมาหลายรอบก็ตาม

สภาพจิตใจตอนนี้ดีขึ้นบ้างหรือยัง?
“ก็ดีอยู่ ได้อยู่ โอเค มันก็ต้องใช้เวลาแหละครับ มันเหมือนจะดีแต่ก็ไม่ดี มันมีทั้งช่วงที่ดีและไม่ดี บางวันมันก็ดี บางวันมันก็ไม่ดี เราไปเห็นอะไรมาเราก็รู้สึกไม่ดี พอเราไม่เห็นอะไรเราก็ดี”

ฮีลใจตัวเองยังไงไม่ให้ดิ่งลงไป?
“ทำงานครับ เวลามาทำงานเราก็ไม่ได้คิดหรอก แต่จะรู้สึกเวลาที่อยู่บ้าน”

ถามถึงสาเหตุที่ต้องจบความสัมพันธ์ ทั้งที่เราดูเหมือนยังรักกันดี?
“ความสัมพันธ์มันดี แต่ว่ามันไม่ใช่แค่นั้น ผมรู้สึกว่ามันไม่พอ มันไม่ใช่แค่เรื่องความรักอย่างเดียวหรอก คือความฝัน เป้าหมาย ทัศนคติมันไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดีนะ แต่หมายถึงว่าเป้าหมายที่เราเซ็ตมันคนละแบบกันไม่สามารถไปด้วยกันได้ ซึ่งถามว่าถ้าเราอยู่กับปัจจุบันชิลชิลแฮปปี้ไปเรื่อยๆ มันก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ผมเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ เวลามันเร็วมากนะ วันนั้นเราเพิ่งเข้ามาวงการอายุ 18 ตอนนี้เรา 25 แล้วนะ เราจะเล่นๆ เรื่อยๆ ไปอย่างนี้ไม่ได้ เราควรจะต้องคิดอะไรให้มันถี่ถ้วนและจริงจังมากกว่านี้แล้ว และผมก็รู้สึกว่า ถ้าโกลมันไปด้วยกันไม่ได้มันก็ไม่ได้”

เป้าหมายของเราในอนาคตที่มองไว้เป็นในรูปแบบไหน?
“เป้าหมายที่ว่ามันไม่ได้เป็นนามธรรมอะไรหรอก แต่ว่ามันคือทัศนคติของเรา เราเป็นคนมีความฝัน มีเป้าหมาย เราทะเยอทะยาน เราพยายามทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา แต่กับมายเซ็ตของเขามันอีกแบบหนึ่ง มันไม่ได้ผิดนะ มันแค่สโลว์ไลฟ์ชิลชิล จอยๆ มันก็เป็นแนวคิดของเด็กอีกยุคหนึ่งอีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งมันเป็นแอดติจูดของคนละเจเนอเรชั่น ซึ่งผมมองว่าถ้าเกิดผมเกิดมาเพียบพร้อม ผมอยู่คิดแบบนั้นผมก็แฮปปี้มากนะ ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องพยายามอะไร แต่ว่าเราไม่ได้โตมาแบบนั้น เราต้องไปอีก เราอยากจะอยู่ในสิ่งแวดล้อมกับคนที่อยู่กับเราตลอดเวลามันควรจะต้องเป็นคนที่เข้าใจเราว่าเราเหนื่อยขนาดนี้เพื่ออะไร เราทำมันเพื่อเป้าหมายความฝัน เราไม่ได้อยากมาเล่นๆ”








Advertisement

เป็นการพูดคุยตกลงกันทั้งสอง เป้าหมายไม่ตรงกันก็ต่างคนต่างแยกย้าย?
“จริงๆ ไม่ใช่รอบแรก มันหลายรอบแล้วที่คุยกัน เราพยายามปรับกันทั้งคู่มาหลายรอบ มันหลายรอบมากๆ แล้ว แต่ว่าเราใจอ่อนทุกรอบเลย ช่างมันเถอะ ไม่เป็นไร ก็ลองดู ลองแก้กันดูมาหลายรอบ จนกลืนน้ำลายตัวเอง กลืนแล้วกลืนอีก จนวันหนึ่งผมรู้สึกว่าต้องเอาจริงได้แล้ว ถ้าเรากลับไปเรื่อยๆ แบบนี้ เขาก็คงรู้ว่าเลิกแล้วเดี๋ยวเขาก็กลับมา แต่ว่ารอบนี้มันไม่ใช่แล้วไง”

ถึงขั้นกลัวความรักครั้งต่อไปเลยมั้ย?
“กลัวมั้ยเหรอ กลัว ไม่เคยกลัวเลย เนี่ยเพิ่งกลัว เพราะรู้สึกว่ากลัวตัวเอง ไม่ได้กลัวใครหรอก เราแค่กลัวตัวเอง คือผมเป็นคนชอบคนง่าย อยู่ด้วยกันมีเวลาด้วยกันหน่อย มีเรื่องราวสตอรี่ด้วยกันหน่อย เราก็จะรู้สึกว่าใช่แล้ว ซึ่งมันเป็นข้อเสียมาก เพราะว่ามันทำให้ผมไม่รู้จักคนๆ นั้นดีพอ เพราะว่าในแว้บแรกคนที่เข้ามาหาเรา หรือเราเข้าไปหาใคร มีสนทนากันแล้วต้องคุยต้องเข้าใจกัน มันไม่ใช่ความจริงเลย คือผมเป็นคนจริงมาก มีอะไรคิดอะไรผมก็แสดงออกไปอย่างนั้น ไม่ได้มีเลเยอร์อะไร แต่ว่ากับที่เราเจอ ทุกคนใส่หน้ากากเข้าหาเราหมดอ่ะ แล้วพอวันหนึ่งที่หน้ากากมันแตกออก เราถึงรู้ว่า อ้าว อย่างนี้เหรอวะ แต่กูรักไปแล้วไง”

หลังจากนี้คนจะเข้ามาต้องสกรีนหนัก?
“ผม Take Time ครับ ผมไม่ได้แบบว่าจะเลือกตั้งสเป๊กอะไร แต่ต้องใช้เวลากว่าเดิมสัก 10 เท่า 100 เท่าให้มันรู้จริงๆ ว่าอันนี้พยายามหรือเปล่าหรืออันนี้เป็นเขาจริงๆ อะไรยังไง ต้องใช้เวลาจริงๆ เพราะว่าแรกๆ อะไรมันก็ดีหมด”

กลัวการเปิดตัวมั้ยว่ามันจะมีผลต่อความสัมพันธ์?
“ถ้าเรารู้จักเขาจริงๆ ผมชัวร์ 1000% ว่าเขาเป็นแบบนี้จริงๆ ไม่ได้เฟกใส่เรา เขาไม่ได้ประดิษฐ์อะไรมาใส่เรา เขาเป็นคนอย่างนี้จริงๆ ผมก็ไม่ลังเลที่จะเปิดนะถ้าความสัมพันธ์มันดี”

หลายคนมองว่าพอมีชื่อเสียง ความดังของเรา มีส่วนทำให้ต้องเลิกแฟนมั้ย?
“ไม่ได้เกี่ยวครับ เพราะถ้าผมแคร์เรื่องนั้น ผมคงไม่เปิดแต่แรกครับ มันคนละเรื่องกัน เราแค่รู้สึกว่าเราต้องมาทำอะไรของตัวเองจริงๆ จังๆ แล้ว เรื่องมายเซ็ต ทัศนคติที่ผ่านมาเราก็พยายามเข็นเขา อันนี้คือปัญหาจริงๆ ผมพยายามเข็นเขาว่า ไม่ได้นะ ยูต้องตั้งใจหน่อย จะเล่นๆ แบบนี้ไม่ได้นะ เขายังเด็ก ผมเข้าใจ แต่ในมุมเราคิดไปว่าถ้าตอนเราอายุเท่านี้แล้วมีคนมาบอกเราแบบนี้ เราพุ่งไปเลยนะ มีทุกอย่าง อยากรู้อะไรก็ถามมา ถ้าเราไม่รู้จะไปถามคนรู้แล้วตอบให้ เราหาได้อยู่แล้ว แต่เรารู้สึกว่าพอมันผ่านไปนานๆ เข้า แล้วเขาไม่รับในสิ่งที่เราให้ไป เราก็รู้สึกว่าจะกดดันเขาไปทำไม นั่นก็คือชีวิตเขา เข้าใจว่าเราหวังดีแต่นั่นคือชีวิตเขา ไม่รับก็ไม่เป็นไร เราคิดได้ก็มาโฟกัสของตัวเองดีกว่ามั้ย ถ้าในเมื่อทัศนคติเขาไม่เหมือนกับเรา”

หลังจากนี้ต้องเลือกอายุมั้ย ไม่เด็กเกินไป?
“ไม่เกี่ยว ผมว่าอายุไม่เกี่ยวจริงๆ ผมไปคบคนที่โตกว่ามากๆ ไม่ต่างไปจากเด็กก็มี แต่เด็กคนนี้เขาเข้าใจผมยิ่งกว่าคนที่โตกว่ามากๆ ไม่ได้มางี่เง่างอแงหึงหวงโทรตามอยู่ไหน ไม่มีเลย ไม่มีจริงๆ แต่เรื่องความสัมพันธ์ชายหญิง เขาเข้าใจดี เราทำงานต้องอยู่กับคนนี้นะ เราไปกินข้าวกับคนนี้ ต้องรู้จักกับคนนี้ เขาไม่มีปัญหาอะไรเลย เขาดีมาก ดีแบบคาดไม่ถึงทั้งที่เขาเด็ก”

ดูลุกส์เราแบดบอยแต่กลับเซ้นสิทีฟมาก?
“ผมจริงจังมากนะเวลาจะคุยกับใคร สุดๆ เราอยากรู้อะไรเราก็ต้องคุยกันตรงประเด็น”

ขอพักหัวใจยาวๆ เลยมั้ย?
“ไม่รู้ ไม่อยากรับปากเลย เพราะที่ผ่านมารับปากทุกรอบ ก็ไม่เคยนานเลย จริงๆ ผมพร้อมเป็นเพื่อนกับทุกคนอยู่แล้วไม่ว่าจะใครอายุเท่าไหร่ ประเทศไหน ผมไม่สน ถ้ามาเป็นเพื่อนกันได้หมด แต่ถ้าวันหนึ่งมันบังเอิญมีอะไรสปาร์กขึ้นมา เราก็ไม่รู้อนาคต แต่เราไม่ได้ตั้งความหวังว่าฉันจะต้องหาแฟน หาคนที่เป็นอย่างนี้อย่างนั้น ”

ตอนนี้มูฟออนได้หรือยัง?
“มูฟได้นะ ผมก็ไม่ได้ติดอยู่กับเขา นอนฝันถึงทุกวันมันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว ผมเชื่อว่าสักวันหนึ่งสิ่งที่ผมพูดไปทั้งหมด เขาจะเข้าใจมันเอง ช้าเร็วมันก็ขึ้นอยู่แต่บุญแต่กรรมผมก็ไม่รู้”

ถ้าเขาปรับตัว มีโอกาสรีเทิร์นมั้ย?
“ผมไม่เอาแล้ว ผมเลิกใคร ผมไม่เคยกลับไปอีก”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน