พ่อเอ๊ะ ภักดี สุดภูมิใจ ต้าวหยอง ระเบียบวาทะศิลป์ จากเด็กไม่มีพรสวรรค์ กลายเป็นแดนซ์เซอร์ซุปตาร์ ขวัญใจแม่ยกเอฟซี ซื้อบ้านด้วยเงินสด 4.6 ล้าน
60 ปี ระเบียบวาทะศิลป์ วงหมอลำที่ครองใจแฟนๆ มาอย่างยาวนาน หัวเรือใหญ่อย่าง พ่อเอ๊ะ ภักดี พลล้ำ การันตีความม่วนซื่นในฤดูกาลหน้า ล่าสุด พ่อเอ๊ะ มาร่วมงานเปิดตัวรายการ “หมอลำไอดอล” ที่เวิร์คพอยท์ สตูดิโอ ได้เปิดใจถึงความสำเร็จของวงหมอลำระเบียบวาทะศิลป์ ที่สามารถนำร่องในหลายมิติ จัดแสดงในฮอลล์ ออกรายการทีวี รวมทั้งได้ไปโชว์ที่บิ๊กเมาท์เท่น ทั้งยังภาคภูมิใจที่ได้เป็นผู้สร้างชื่อให้กับพระเอกหมอลำหลายคน ได้ไปต่อยอดทำวงหมอลำของตนเอง พร้อมกันนี้ยังแจ้งเกิด ต้าวหยอง แดนซ์เซอร์หนุ่มสุดฮอต กลายเป็นขวัญใจแม่ยกเอฟซีได้มาลัยคืนหนึ่งหลักล้าน สามารถซื้อบ้านด้วยเงินสดจากน้ำพักน้ำแรง มูลค่า 4.6 ล้านบาท ในวัยเพียง 18 ปี
พ่อเอ๊ะ ภักดี หัวหน้าวงระเบียบวาทะศิลป์
ต้าวหยอง เอวเด้ง อีกหนึ่งจุดขายของระเบียบวาทะศิลป์? “อันนี้ยุคใหม่ พ่อไม่อยากอวยมาก แต่มันเป็นคำที่เอฟซีเขาเรียก น้องยิ้มหวาน เต้นดี เต้นแล้วทำให้มีความสุข มันเลยกลายเป็นจุดขายสำหรับคนที่ชอบสไตล์นี้ แต่จริงๆ แล้วจุดขายของเรามีทั้งพระเอก นางเอก หลายๆ คนสามารถขายได้หมด”
ฤดูกาลนี้ได้เห็นน้องเต้นเหมือนเดิมมั้ย? “เห็นแน่นอนครับ ถึงเขาจะเป็นดารา ถึงเขาจะไม่มีเวลา แต่เขาก็พยายามที่จะตามพวกพี่ๆ เพื่อทำในสิ่งที่เขารักนั่นคือการเต้น เขาก็บอกตลอดว่าจะได้เต้นน้อยเต้นมากก็ขึ้นอยู่กับบทบาท ถ้าเรามอบบทบาทให้เขาเยอะ เขาก็จะได้เต้นเยอะ เพราะปีที่แล้วเขาอาจจะได้เต้นน้อย เขายังบ่นอยู่นะ บางคนอาจจะชอบได้เต้นน้อยสบาย แต่ต้าวหยองได้ออกน้อย เขาไม่ชอบ แต่ด้วยความจำเป็นที่ได้ออกน้อยเพราะว่าต้องร้อง และต้องได้ออกลำฉากแรก ช่วงหลังๆ ก็อาจจะไม่ได้เห็นเขา แต่เรื่องใหม่ปีนี้เขาอาจจะได้ออกช่วงกลางๆ เขาน่าจะได้เต้นจนจบคอนเสิร์ตครับ ยังมีร้องมีเต้นเหมือนเดิม แต่จะมีพิเศษเข้ามาในการนำพวกพี่ๆ กลุ่มเขาเข้ามาร่วมแจมสร้างสีสันในผลงานเพลงโชว์นั้น”
รอยยิ้มน่ารักของต้าวหยอง
มองเห็นอะไรในตัวต้าวหยอง ผลักดันจนเขามีชื่อเสียงเป็นที่ชื่นชอบของแม่ๆ เอฟซี? “อันดับแรกคือรอยยิ้มเขา คำว่ารอยยิ้มไม่ใช่ว่ามายิ้มให้พ่อแล้วพ่อจะเอ็นดูเลย แต่เป็นรอยยิ้มของเขา เวลาเขาทำงาน คนอื่นจะแสดงอาการสีหน้าเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า วันไหนเหนื่อยก็เต้นเหมือนม้าป่วยก็มี แต่ต้าวหยองแม้แต่เขาป่วยอยู่ เขาก็ขอขึ้นไปทำงาน มองเห็นความตั้งอกตั้งใจและความใส่ใจของเขา เขารู้ว่าแฟนคลับเอฟซีมารอ เขาไม่อยากให้พลาด เขาสงสารคนมาไกล เขาก็ขอขึ้นไปทำงาน เราก็ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนคิดอย่างนั้น ตัวแค่นี้จะไปใส่ใจคนดูว่าเขามาไกล เขามารอ ไม่คิดว่าเขาจะใส่ใจขนาดนั้น เพราะว่าเขาเป็นคนไม่ค่อยพูด พอเห็นเขาคิดได้อย่างนั้น เราก็ดีใจ เราก็คิดว่าเขาน่าจะสอนได้ ก็เลยเอามาอบรมชี้ทางให้เขาดู ก็รู้ว่าเขาเป็นคนใฝ่ดีเชื่อฟังเรา อันไหนเขาคิดน้อยคิดไม่ถึงเขาทำไปเราก็มาอบรมสั่งสอน เขาก็ปรับเปลี่ยนแล้วก็ทำตามในเจตนาความปรารถนาดีของเรา”
ชื่นใจ ต้าวหยอง ใฝ่ดี เชื่อฟังคำพ่อเอ๊ะสอน
ภูมิใจกับลูกชายคนนี้ขนาดไหน? “ภูมิใจมาก เพราะจากที่เขาไม่มีความสามารถอะไรเลย ไม่มีพรสวรรค์อะไร ร้องไม่เป็น ลำไม่เป็น เต้นไม่เป็น ทุกอย่างเขาไม่เป็นอะไรเลย เล่นเกมเป็นอย่างเดียว พอเราเอามาอบรมสั่งสอนให้เขาพัฒนา เขาก็เริ่มพัฒนาที่เราอยากให้เป็น แล้วเราก็ชี้ข้อดีข้อเสียให้เขาว่า ถ้าลูกไปอย่างนี้ลูกจะเป็นอย่างนี้นะ เขาก็เลือกใฝ่มาทางที่มันถูกต้อง ที่มันดี ที่จะสร้างอนาคตให้ตัวเอง สร้างความสุขให้กับตัวเองและครอบครัวได้ บางคนอาจจะคิดว่าไม่ต้องมาบอกหรอกไม่ใช่พ่อไม่ใช่แม่ บางคนก็คิดเอาแค่ความสุขไปวันๆ ไม่คิดถึงอนาคตข้างหน้า แต่ต้าวหยองเขาคิดถึงอนาคตถ้าวันข้างหน้าไม่มีใครเอ็นดู เขาจะอยู่ยังไงจะกินอะไร พอเขาคิดได้ในสิ่งที่เราบอกเราสอน เขาก็มีความอดทน เพราะสิ่งสำคัญเขามีความอดทนสูงมาก”
ต้าวหยอง ซื้อบ้านด้วยเงินสด 4.6 ล้าน
จนวันนี้ซื้อบ้านได้แล้ว อีกหนึ่งความสำเร็จที่ทำได้ทั้งที่อายุยังน้อย? “ภูมิใจมาก เพราะว่าถ้าเอาเงินซื้อบ้านแล้วเอาเงินสร้างบ้านที่กำลังสร้างอยู่ที่บ้านเกิดมารวมกันแล้วไปสร้างในที่ตัวเองจะอลังการแค่ไหน เขาสามารถซื้อเงินสดได้ แล้วก็ยังรับผิดชอบทางครอบครัว และยังจะสร้างให้พ่อแม่ให้น้องที่ต่างจังหวัดให้อยู่แบบมั่นคง สร้างความภาคภูมิใจ แม้แต่เราสมัยก่อนอยากทำแต่เราทำไม่ได้ แต่เขาทำได้ภายในไม่กี่ปี และเขาก็ใฝ่ดีเราก็เลยสนับสนุน มันเลยกลายเป็นว่าสร้างความภาคภูมิใจในวงการด้วย เพราะว่าเมื่อก่อนคนจะไม่โฟกัสแดนแซอร์เท่าไหร่ คนจะไปโฟกัสตัวพระตัวนางตัวรอง ตัวศิลปินมากกว่า แต่หลังจากต้าวหยองแจ้งเกิด หลายๆ วงก็เริ่มจะไปโฟกัสที่ตัวแดนเซอร์นักดนตรีแล้ว แม้จะเป็นแดนเซอร์เราก็สามารถโดดเด่นได้ สร้างจุดเด่น สร้างไวรัลให้กับคณะตัวเองได้ เพียงแต่ว่าคุณต้องรู้ทางว่าคุณจะทำอะไร”
ขึ้นบ้านใหม่
เป็นแดนเซอร์เงินล้าน แม่ๆ เอฟซีให้มาลัยคืนหนึ่งเป็นล้าน? “มีครั้งเดียวที่ได้ล้านกว่า เพราะว่าวันนั้นเป็นวันเกิดพิเศษของเขา ดีใจที่แม่ๆ เอฟซีไม่ทิ้งเขา เขาก็พยายามที่จะเข้าใจในตัวลูก เพราะน้องยังเด็กอยู่ บางครั้งอาจจะดื้อออกซ้ายบ้างออกขวาบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับเสียหาย แต่อาจจะขัดใจแม่ๆ บ้าง บางทีแม่ๆ ก็น้อยใจทำไมลูกบอกไม่เชื่อฟัง ทำไมลูกต้องไปอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เขาก็มานึกได้ว่าน้องยังเล็กอยู่(หัวเราะ)”
ต้าวหยอง แดนเซอร์อนาคตไกล
ตอนนี้วางอนาคตน้องบนเส้นทางหมอลำอย่างเดียวหรือเข้าวงการด้วย? “ก็มีผู้ใหญ่หลายท่าน ไม่ว่าจะเป็นทางละคร ภาพยนตร์ หรือทางด้านผลิตศิลปิน คอนเสิร์ต ทุกคนก็เอ็นดูน้อง เราก็อยากให้น้องเติบโตไปพร้อมๆ กัน แต่ก็พยายามทำความเข้าใจกับพี่ๆ แม่ๆ ด้วย เขาก็ให้ความสำคัญด้วย อันไหนที่ส่งเสริมให้น้องเจริญได้เขาก็ยินดี”
60 ปีระเบียบวาทะศิลป์การันตีความม่วนซื่น? “ม่วนซื่นแน่นอน เพราะเรารู้ว่าโจทย์ของเราคืออะไร ปีที่แล้วถือว่าเราทำการบ้านน้อย ไปXกับมิสแกรนด์ และไปขึ้นบิ๊กเมาน์เท่น มันไม่มีเวลาซ้อม แต่ปีนี้เราซ้อมและเผื่อเวลาในการที่จะไปขึ้นบิ๊กเมาน์เท่นด้วย ความม่วนซื่นความอลังการแน่นอนครับ”
เตรียมพร้อมแค่ไหนสำหรับ บิ๊กเมาน์เท่น ปีนี้? “ก็ถือว่าเตรียมพร้อมกว่าทุกๆ ปีนะ เรารู้แล้วว่าจะต้องได้ขึ้นแน่นอน เรารู้ว่าคนที่ไปเที่ยวบิ๊กเมาน์เท่นเขาต้องการอะไร เราก็เลยต้องทำการบ้านเอาจุดที่คนต้องการที่จะไปอยู่ในบิ๊กเมาน์เท่น เพราะปีที่แล้วเราพลาดตรงที่ว่าเราไม่นำเพลงคนที่ร้องได้ เพราะถ้าเขาร้องได้ เขาจะสนุกกว่านั้นอีก ขนาดเขาร้องไม่ได้เขายังตีลังกาม้วนตัวกันตามจังหวะได้ แต่ถ้าเพลงไหนที่เขาร้องได้ พ่อก็คิดว่ามันน่าจะสนุกกว่านั้น”
แดนเซอร์เงินล้าน
ระเบียบสร้างมิติใหม่หลายอย่าง ขึ้นบิ๊กเมาน์เท่น เข้ารายการทีวี? “รู้สึกว่าเป็นเกียรติกับคำว่าหมอลำ เพราะเมื่อก่อนเกิดความน้อยใจตลอดเวลาว่าเมื่อไหร่เราจะได้ไปรายการนั้นรายการนี้ เมื่อไหร่นักข่าวจะมาสัมภาษณ์เราบ้าง แต่ช่วง 2 ปีหลังนี้มันทำให้เรามีความรู้สึกว่า เราทำได้แล้ว เราประสบความสำเร็จแล้วนะ สื่อให้ความสำคัญกับอาชีพเราแล้วนะ เพราะว่าเขาเห็นคุณค่าคำว่าหมอลำ ถือว่าเราทำสำเร็จแล้ว เราพยายามที่จะนำร่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นขึ้นฮอล์ เข้าห้าง เข้าผับ เข้าบาร์ หรือออกรายการต่างๆ นำเสนอในมุมมองเป็นหมอลำให้สื่อได้ขยายวงกว้างออกไป สำหรับพ่อมันประสบความสำเร็จแล้ว(ยิ้ม)”
หมอลำไม่มีวันตาย? “เมื่อก่อนพ่อเคยคิดนะ หมอลำจะมีใครสืบทอดมั้ย ต่อไปจะมีคนดูหมอลำมั้ย พอมาถึงทุกวันนี้มันเกิดความรู้สึกว่าหมอลำไม่มีวันตายแน่นอน ตราบใดที่วัยรุ่นยังชอบสนุกอยู่ คนที่ไปดูตามผับตามร้านอาหารหรือตามคอนเสิร์ตต่างๆ ถ้ามีจังหวะรำเซิ้งขึ้นมา ทุกคนไม่มีใครนั่งเลย แล้วเรามาปรับเอาความทันสมัยยุคใหม่มาผสมผสานกับคำว่าหมอลำ ยิ่งจะทำให้คนเข้าถึงง่าย ก็เลยคิดว่าหมอลำไม่มีวันตายครับ”
เป็นผู้สร้างพระเอกหมอลำ ให้มีชื่อเสียง ไปต่อยอดทำวงหมอลำของตัวเองได้? “ถือว่าเราภาคภูมิใจในสิ่งที่เราพยายามจะทำ แล้วทีนี้ลูกๆ ออกไปต่อยอดเป็นผู้นำ แล้วก็สร้างเงินสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับอีกหลายๆ ครอบครัว ผลผลิตมาจากเรามันทำให้ทุกคนยอมรับในอาชีพในสังคมเรามากขึ้น เราก็ภาคภูมิใจในสิ่งที่ลูกทำที่เราสร้างมาประสบความสำเร็จ แล้วไปสืบสานต่อยอด ไปเติบโตด้านการร้องการลำด้านการแสดง หรือไปเป็นนักธุรกิจ เป็นผลผลิตจากการอบรมสั่งสอนในการชี้ผิดชี้ถูกให้เขา”.
