นีโน่ – แน็คกี้ จากพระเอกลิเกสู่เวทีมวย ยืดอกรับได้ เอกชัย เป็นป๋าดันเข้าวงการ

จากพระเอกลิเก มาเป็นพระเอกสายบู๊ แถมยังต้องสวมบทบาทเป็นนักมวยอาชีพ ในภาพยนตร์เรื่อง “ลุมพินี” ล่าสุด 2 พระเอกลิเกชื่อดัง นีโน่ กฤษฎิ์สพล และ แน็คกี้ ธเนศพิพัฒ มาร่วมงานบวงสรวงภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวที่ สกายวอล์ค มาบุญครอง หลังจากเสร็จพิธีทั้งสองหนุ่มได้เปิดใจจากพระเอกลิเกมาเป็นพระเอกหนัง

นีโน่ กฤษฎิ์สพล และ แน็คกี้ ธเนศพิพัฒ

นีโน่ กฤษฎิ์สพล และ แน็คกี้ ธเนศพิพัฒ

จากพระเอกลิเกมาเป็นนักมวยเป็นยังไงบ้าง?
นีโน่ “เรียกว่าพลิกวงการเลยครับ โน่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้มาเป็นนักแสดงแต่ว่ามันเป็นความฝัน เป็นบทภาพยนตร์ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตเราอยากเล่น โน่จะพูดกับน้องอยู่เสมอ เป็นความเชื่อส่วนบุคคลคือโน่จะเคารพแล้วก็นับถือพ่อแก่แล้วก็จะบอกว่าอยากเล่นสักครั้งหนึ่งในชีวิตแต่ว่ามันเป็นอะไรที่ยากมาก”

“เพราะคำว่าลิเกแล้วเป็นนักบู๊มันต่างกันโดยสิ้นเชิงมากๆ ครับ แล้วพอครูดำ (ธนาวุฒิ เกสโร) โทรมาว่าครูมีโปรเจ็กต์เกี่ยวกับนักมวยบอกว่าจะให้โน่เป็นพระเอกแล้วโน่ตกใจเลยนะแล้วก็รับปากครูเลยว่าทำได้แล้วก็ยกมือท่วมหัวเลย (ยิ้ม) ขอบคุณพ่อแก่ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์”

“เราก็เลยรู้สึกว่า โน่เคยผ่านบทภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับดราม่าโรแมนติกหนักๆ มาแล้ว แล้วเรื่องนี้โน่คิดว่ามันต้องเหนื่อยแต่ด้วยร่างกายของพระเอกลิเกไปเป็นนักมวยมันต้องฝึกฝนมีความแข็งแรง หักขา ฉีกแขน อะไรแบบนี้เลยรู้สึกว่าทุ่มเทเรื่องนี้สุดๆ ช่วงแรกๆ คือโน่จะเป็นลมทุกวันเพราะพักผ่อนน้อยด้วยมีงานแสดงลิเกแล้วต้องไปฝึกทุกวันเพื่อที่เราเป็นนักมวยให้ได้มากที่สุดเพราะภาพยนตร์มันต้องเป็นธรรมชาติเลยอยู่กับครูอยู่ในยิมไปอาบน้ำข้างยิมเหมือนไปเรียนรู้การเป็นนักมวยซึ่งมันเป็นสิ่งสำคัญของการที่เราจะแสดงเราต้องเชื่อว่าเราเป็นนักมวยจริงๆ แล้วก็ได้พลังจากครู ได้พลังจากพี่แอมมี่ (ณัฎฐา ชาญเลขา) โปรดิวเซอร์แล้วก็พี่ๆ ทีมงาน ที่ลงแรงลงใจ เพราะเขาตั้งใจกันมาก ทุ่มเทให้เราขนาดนี้แล้วเราจะไม่สู้ได้ยังไงมันเลยเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าในเมื่อเราได้รับโอกาสมาแล้วเราต้องทำให้เต็มที่แล้วก็อยากจะเห็นสักครั้งหนึ่งในชีวิตจากพระเอกลิเกไปเป็นนักมวยจะเป็นยังไง”

แน็คกี้ “ของผมคือซัพพอร์ตพี่ชายครับ เพราะบทของผมคือก็ต้องยอมรับว่าเราไม่ได้มีเยอะเท่ากับพี่ชายแล้วในคาแร็กเตอร์ความเป็นตัวตนของหนังเรื่องนี้ผมก็ไม่ได้ยากนัก ก็เป็นห่วงพี่เพราะเรารู้ว่าร่างกายของพี่ชายเราไม่ค่อยจะแข็งแรงเท่าไหร่ แต่เห็นเขาทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งครูที่เฝ้าฝึกฝนเราเห็นก็โอโหนี่ไม่ใช่โปรเจ็กต์เล็กๆ แล้วนะเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่มากอย่างที่พี่โน่บอกคือไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่เราตั้งใจทำกับโอกาสที่ได้มาเวลาและวารีไม่สามารถที่จะหวนคืนกลับมา โอกาสก็เช่นกัน พี่โน่ได้รับมาเขาก็ทำเต็มที่ก็เห็นในความตั้งใจของเขา”

มีเราอยู่ในซีนเยอะขนาดไหน?
แน็คกี้ “คืออยู่ในซีนก็เยอะครับแต่ถ้าถามว่าเยอะเท่าพี่โน่ไหมมันไม่เยอะเท่ากับพี่โน่ครับ คือในเรื่องมันก็สำคัญอยู่เหมือนกันสำคัญมากๆ ด้วยแหละ”








Advertisement

ทั้งงานลิเกทั้งงานนักแสดง ต้องแบ่งเวลายังไง?
นีโน่ “ด้วยความที่โน่แสดงลิเกมาตั้งแต่เด็กๆ มันก็จะมีเรื่องการทำงานแบบนี้อยู่แล้ว เรื่องการพักผ่อน การใช้ชีวิตตอนกลางคืน แล้วบางทีมีถ่ายละคร ภาพยนตร์ มันเป็นสิ่งที่เราทำมาก่อนแล้วมันเลยไม่ได้ยาก แต่เราแค่จะเหนื่อยมากขึ้นกว่าเดิมในการที่เราจะต้องลงแรงให้กับภาพยนตร์แล้วก็งานลิเกที่เป็นอาชีพของเรา”

แน็คกี้ “แต่พูดตรงๆ ว่ามันลงตัวครับ งานแสดงกับงานลิเกเพราะว่าด้วยความที่พี่แอมมี่ ผม และครูดำเขาจัดคิวงานแสดงลิเกให้ไว้เป็นหลัก สมมติเรามีคิวถ่ายตรงกันก็อาจจะปล่อยเราก่อนสัก 2 ทุ่มมันก็จะไม่มีผลต่อการแสดงลิเกหรือพี่โน่มีคิวถ่าย 4 ทุ่มก็อาจจะปล่อยผมออกมาก่อนอะไรแบบนี้แล้วในเรื่องเราไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด มันลงตัวจริงๆ ครับ เขาจัดสรรมา”


ไม่เหนื่อยเหรอไปถ่ายหนังแล้วก็ไปเล่นลิเกต่อเลย?
แน็คกี้ “มันก็มีบ้างครับ หนังมันเป็นอะไรที่ต้องสวมบทบาทและคาแร็กเตอร์ของตัวเอง ซึ่งโน่ต้องแบ่งแยก สมาธิว่าอันนี้ลิเกนะ อย่างล่าสุดเมื่อคืนพี่โน่เล่นลิเกการรำการร้องมันยังคงเดิมหมดทั้งๆ ที่เรายังกังวลเรื่องท่ามวยที่เราต่อยกันเมื่อกี้นี้อยู่เลย เพราะเราไม่ได้เป็นนักมวยมืออาชีพแล้วก็มีนักมวยมืออาชีพมาดูด้วย”

นีโน่ “เพราะเป็นหนังที่ครูดำบอกว่ามีทีมภาพยนตร์ของเมืองนอก โกอินเตอร์ด้วย เลยทำให้เรารู้สึกว่าเราเป็นตัวแทนของคนไทยนะอะไรแบบนี้เราต้องทำให้ได้”

มันกดดันไหม?
นีโน่ “กดดันครับแต่ด้วยความที่มันเป็นฝันของเรามันเป็นฝันที่สูงสุดอย่างหนึ่งของเรา เลยทำให้เรารู้สึกว่าถึงแม้ว่ามันจะเป็นแรงกดดันยังไงเราจะมีงานมากแค่ไหนมันก็ต้องสู้ เพราะว่าชีวิตนึงกว่าจะได้โอกาสมา”

เพราะชอบกีฬามวยอยู่ด้วยไหม เราถึงได้มารับบทเป็นนักมวย?
นีโน่ “ชอบดูภาพยนตร์บู๊มากกว่า ไม่เคยคิดว่าจะเป็นนักมวย แต่นี่เราได้เล่นทั้งบู๊ และยังได้เป็นนักมวยด้วย เราเป็นคนคิดบวกอยู่แล้ว ก็ถือว่าได้ไปฝึกฝนทำให้ร่างกายเราแข็งแรงด้วย หุ่นเราดีด้วย เคยคิดว่าสักครั้งในชีวิตอยากมีซิกซ์แพ็ก แต่ก็ไม่เคยทำได้ แต่ตอนนี้มีเฉยเลย เพราะคุณครูเขากำหนดว่าให้กินได้แค่มื้อเดียว นอกจากนั้นก็กินได้แค่ผักและผลไม้ เพื่อให้ร่างลีนที่สุด เขาไม่ให้เล่นเวต”

กลัวเรื่องของการพลาดไหม?
นีโน่ “ตอนที่โน่เล่นลิเกมันก็มีการพลาดอยู่แล้วครับ เรามีการพลาดได้อยู่แล้ว แต่เราก็ต้องรับมือให้ได้”

แน็คกี้ “การพลาดมันเป็นปัญหา ผมพูดตรงๆ ต่อให้โน่ โดนต่อยตาเขียว ตาแตก มันก็เอารองพื้นทับอยู่แล้ว ก็ลิเกมันต้องแต่งหน้าปิดอยู่แล้ว ไม่เป็นไรหรอก วันนี้จะลองต่อยสักทีก่อน (หัวเราะ)”


ทำงานหนักขนาดนี้มีผลต่อสุขภาพไหม?
นีโน่ “ผมรู้สึกว่าผมแข็งแรงขึ้น เพราะว่าเราได้ฝึกมวยทุกวัน แล้วฝึกหนักมาก เหนื่อยมาก ครูให้โน่วิดพื้น 500 ที ซิตอัพ 500 ซึ่งในชีวิตจริงไม่เคยทำได้ขนาดนี้ แต่ก็ต้องขอบคุณครูครับ ถ้าไม่มีครู แล้วครูไม่ให้โอกาสนี้ เราก็คงไม่ได้มายืนตรงนี้ เป็นพระเอกลิเกขึ้นมาเป็นนักมวยนะ”

คนก็แซวกันว่า เอกชัย ดันเราจนเข้าวงการได้?
นีโน่ “อันนี้ปฏิเสธไม่ได้ ใช่ครับ”

แน็คกี้ “เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวอะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวกับเรื่องการแสดง ศิลปะวัฒนธรรม อะไรที่ดันให้กับลูกได้มีชื่อเสียง และได้มีอนาคต พ่อเอกเขาจะทำทุกๆ ทางให้ลูก แต่ต้องบอกว่าพ่อไม่ได้ยัดนะ ไม่ได้ดันแบบดันทุรัง เขาก็เห็นตามความเหมาะสม”

นีโน่ “ทุกงานผมจะบอกพ่อเอก หรือบางคนเขาจะโทรหาพ่อก่อนเลย ว่าจะให้โน่กับแน็กมาเล่นนะ พ่อก็ตกลง แล้วพ่อเอกก็มีโปรเจ็กต์ทำหนังบู๊ด้วย พอดีเลยโน่ก็ได้มาฝึกที่เรื่องนี้ก่อน มาเรียนรู้กับคุณครู เป็นผู้กำกับฯที่ไปทั่วโลก เราได้เรียนรู้ประสบการณ์จากคนทำหนังระดับโลก เลยรู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีในชีวิต เราสามารถเอามาปรับใช้กับการแสดงลิเกของเราด้วย แล้วก็อยากทำให้พ่อเอกสุขใจด้วยครับ”

ต่อไปถ้ามีงานแสดงเยอะๆ เราจะรับงานลิเกน้อยลงไหม?
นีโน่ “ไม่นะครับ เราแบ่งเวลาได้ เพราะว่ายังมีแน็กที่เป็นหลักในสายลิเก แต่ละเรื่องของลิเก บทของโน่มันก็มีแบบออกดึกๆ หรือบางเรื่องก็ออกก่อน แล้วดึกๆ แน็กก็ปล่อยให้โน่ไปถ่ายงานก่อน เรื่องแบบนี้แน็กเขาจะเป็นคนวางแผน”

ก่อนหน้านี้พ่อเอกชัย ประกาศชัดว่ายังไม่ให้ลูกๆมีแฟน?
นีโน่ “ตอนนี้พ่อไฟเขียวแล้ว บอกว่าลูกโตแล้ว แกอยากมีหลาน”

แน็คกี้ “ฝากบอกถึงสาวๆ ทั่วประเทศด้วยนะครับ ว่าเวลานี้พ่อเอกให้ผมมีเมียได้แล้วครับ (หัวเราะ) เชิญกันมาเลยนะครับ”


ชอบสาวแบบไหน?
นีโน่ “ทั่วไปครับ ขอแค่เข้าใจในอาชีพของเรา เราเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเวลา แล้วเราเองก็ต้องเทคแคร์แฟนคลับ มีแม่ๆ พี่ๆ ที่เราต้องเทคแคร์เขา เวลาที่เขาเดินทางมาหาเรา แล้วเราไม่ค่อยมีเวลาให้มากเท่าไหร่ แต่ถึงพ่อจะบอกว่าไฟเขียว แต่แกก็บอกว่ายังไงก็ต้องมาให้พ่อเช็คนะลูก”

แน็คกี้ “เอาง่ายๆ เลิฟมีเลิฟมายแด๊ด”

พ่อเอกอนุญาตแล้ว แม่ๆ ของเราล่ะอนุญาตไหม?
แน็คกี้ “อันนี้สำคัญสุดแล้ว เราก็ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ แต่ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าอีก 2 ปีจะมีลูก คือผมไม่มีสเป๊ก แค่อยู่ด้วยแล้วสบายใจผมก็พอแล้วครับ”

นีโน่ “เพราะว่าเราทำงานกันเยอะ ทำงานกันมาตั้งแต่เด็กๆ เราคิดว่าเราก็ต้องทำตลอด เพราะเราก็ต้องดูคณะลิเกของเราด้วย มันก็จะต้องเป็นแบบนี้ไปตลอด ดังนั้นคนที่เข้ามาก็ต้องเข้าใจตรงนี้ด้วยครับ”

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน