เต ตะวัน ตัวตึงในทวิตเตอร์ ฟาดชาวเน็ตช่างแซะ สนิท ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก เกินหน้า นาย ณภัทร แฟนตัวจริง ลั่นนักแสดงก็คน มีมือปกป้องตัวเอง

เรียกว่าแรงไม่แผ่วเลยทีเดียว สำหรับนักแสดงหนุ่มชื่อดัง เต ตะวัน วิหครัตน์ ล่าสุดเจ้าตัวฟาดชาวเน็ตแบบนิ่มๆ ที่เข้ามาคอมเมนต์แซะว่าสนิทกับนางเอกสาว ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก เกินหน้า นาย ณภัทร ที่เป็นแฟน ล่าสุดได้เจอ หนุ่มเต ในงานแถลงข่าว GMMTV 2024 Up & Above Part 1 ที่ศูนย์การค้ายูเนี่ยนมอลล์ ผู้สื่อข่าวจึงขอสัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าว

เต ตะวัน ตัวตึงในทวิตเตอร์ ฟาดชาวเน็ตช่างแซะ

เต ตะวัน

ถามถึงเรื่องที่เราโต้กลับชาวเน็ตคอมเมนต์เรื่องเรากับใบเฟิร์น? “ผมแค่พูดว่าคือคำอธิบายบางที เหมือนคนที่ใช้อินเทอร์เน็ตจนชิน จนวู่วามอย่างเงี้ย บางทีเขาอาจจะคิดน้อยตอนเวลาพิมพ์ บางทีอยากให้เช็กก่อน ก่อนที่จะกดพิมพ์ส่งอะไรไปว่า บางทีสิ่งที่คุณพิมพ์มันก็กระทบกับคนอื่นเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริงเนี่ยลองดึงตัวเองถอยออกมาก่อน มองสักพักก่อนดีไหม แน่ใจแล้วค่อยพิมพ์ อันนี้คือมันค่อนข้างเป็นแบบเป็นตุเป็นตะไปนิดนึง ซึ่งมันทำให้บางทีคนอ่านเขาก็รู้สึกไม่ดีเนอะ

จริงๆ เราไปเห็นคอมเมนต์นั้นแล้วตกใจไหม? “เรียกว่าอะไรดีอะ เราอยู่ในธุรกิจนี้มาสักพัก ไม่เคสของเราก็เป็นเคสของเพื่อนที่ต้องเจอกัน เพราะฉะนั้นเราจะมีความชิน แต่ว่าในความชินนั้น เราไม่ได้อยากให้ทุกคนทำเป็นเรื่องปกติไง เราอยากให้ทุกคนใช้โซเชียลอย่างมีสติแล้วก็รอบคอบ ผมเชื่อว่าไม่มีใครชอบหรอกในการที่จะถูกพูดถึงในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง เพราะฉะนั้นก็ต้องใจเขาใจเราให้มากขึ้น

เต ตะวัน ตัวตึงในทวิตเตอร์ ฟาดชาวเน็ตช่างแซะ

แจงเหตุ สนิท ใบเฟิร์น

ถ้างั้นเล่าด้วยความจริงเป็นยังไง? “ความจริงก็คือผมไปทำงาน Loewe กับใบเฟิร์น แล้วผมเป็นคนชอบถ่ายรูปแล้วก็ถ่ายฟิล์ม แล้วก็รีบล้างฟิล์ม แล้วลงอินสตาแกรม ก่อนถ่ายยังบอกใบเฟิร์นเลยว่าทำหน้าดีๆ เพราะฟิล์มมันแพง ด้วยความที่เราชอบฟิล์มสีนี้มาก เราอยากจะลง มีรูปที่อยากจะลงอีกหลายรูปมาก แต่ที่เขาถ่ายให้เรา เขาถ่ายไม่ชัดไง เราเลยไม่ลงรูปตัวเอง”

กำลังจะถามเลยว่าเขาถ่ายให้เราไหม? “ถ่าย แต่ไม่ชัด”








Advertisement

เราน่าจะลงรูปสรรเสริญเขาบ้าง? “(หัวเราะ) แต่ดีใจที่เขาสู้ ผมว่านายน่าจะเทรนเขามาเยอะ ผมเคยเจอนายที่ร้านกล้อง คือน่าจะคนเล่นกล้องด้วยกันแหละ นายเขาน่าจะเคยแบบเหมือนดูรู้เลยว่าใบเฟิร์นน่าจะถูกเทรน เพราะว่ากล้องที่ผมเอาไปมันถ่ายยากพอเราถ่ายเขาเสร็จ เขาจะถ่ายให้เรา เราก็บอกไม่เป็นไรๆ แต่เขาเนี่ยดูรู้เลย อยากจะบอกว่าฉันทำได้ๆ เลยรู้ว่าน่าจะถูกเทรนมา ถามว่าถ่ายได้มั้ย ได้ (หัวเราะ) ก็ไม่ได้ลง ได้มั้ยล่ะ(ยิ้ม) อ่ะพูดจริงๆ ว่าได้ แต่เราดันลงรูปเดียวกันที่ถ่ายจากมือถือไปก่อน เลยไม่อยากลงรูปซ้ำ แต่ว่ารูปที่เขาถ่ายให้ ในความพยายามของเขาได้หลายรูปเลย เดี๋ยวไว้ลงในสตอรี่ให้ดู”

ได้คุยกับใบเฟิร์นถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไหม? “วันนั้นเขาโทรมา คือวันนั้นเป็นงานที่ผมออกกับนิว ออฟ กัน แล้วใบเฟิร์นเขาสนิทกับออฟอยู่แล้ว เขาโทรวิดีโอคอลมาหาผมแล้วก็คุยกัน ยังหัวเราะกันอยู่เลย เขาคงไม่ได้ตอบ เขาคงรู้สึกว่าเหมือนเขาน่าจะอยู่ในจุดที่ชินกว่าผม เขาก็เลยโทรมา มึง ตอบอย่างนี้เลยเหรออะไรอย่างเงี้ย ก็ตลกดี

ถ้าถามตามเนื้อข่าวก็ตลกมาก กลัวนายเข้าใจผิดไหม?พอดีเรารู้จักกันอยู่แล้ว เป็นเพื่อนกัน แล้วก็ต่างฝ่ายต่างรู้จักกันแล้วก็เข้าใจกันดีครับ จะมีแต่ชาวเน็ตที่ไม่เข้าใจครับ ไม่ต้องกังวลแทนด้วย

คิดว่าคำพูดจะดูรุนแรงไหม? “ไม่รุนแรงเลยนะ แต่ละคนมีจุดเด่นไม่เหมือนกัน เขาอาจจะพบตัวเองได้ว่าเหมาะกับทางนี้ เหมาะกับทางเว็บตูนหรือแบบเพชรพระอุมา”

เวลาเราต้องตอบคอมเมนต์แบบนี้ เราจะทำยังไง? “พอเราเริ่มชินกับสิ่งนี้ ผมจะไม่ตอบตอนที่ตัวเองรู้สึกไม่ดี เพราะถ้าเรารู้สึกไม่ดี เราอาจจะใช้อารมณ์นำได้ถูกไหม ถ้าวินาทีที่ข้อความที่ออกไป นั่นคือผมแบบกำลังอารมณ์ดีนะ ผมตอบด้วยความหมั่นเขี้ยวนิดหน่อย เพราะว่าถ้าเรารู้สึกว่าเราใช้อารมณ์ปุ๊บ เคยเป็นเหมือนกันคือมีอยู่แล้วแหละเวลาแบบมันอยากจะเพ้อ เพราะไม่ใช่ความจริง เราอยากจะพิมพ์ มันรู้สึกว่ามันเท่านั้นแหละ พอเรามีอารมณ์ เราใช้อารมณ์ปุ๊บ สุดท้ายพอเวลาผ่านไปเราจะรู้สึกไม่ชอบในสิ่งที่เราทำ”

ฉะนั้นเนี่ยสิ่งที่เราทำไปก็คือเรารู้สึกว่าเราคิดมาแล้วว่าอันนี้เราตอบด้วยอารมณ์ที่เราไม่ได้โกรธอะไร ก็คือตอบขำๆ เฉยๆ แต่ในความขำๆ นั้นก็คือมีเรื่องจริงที่อยากให้ตระหนักเหมือนกันว่าการใช้โซเชียลควรจะระวังนะ ที่ผมโพสต์ไปก็คือเรื่องจริงเหมือนกันที่ว่า เวลาเราหมกมุ่นกับอะไรมากๆ เราลองถอยกลับมามองห่างๆ บ้าง คือเราก็เคยเป็นนึกออกไหม เวลาเราจดจ่อกับอะไรมากๆ หรือจะทำให้บางทีทำไปด้วยไม่มีสติ แต่ถ้าเราพักเรื่องนี้ไว้ก่อน แล้วออกไปคุยกับครอบครัว อยู่กับเพื่อนบ้างให้เราสบาย เราอาจจะคิดอีกแบบหนึ่งก็ได้นะ เราอาจจะผ่อนคลายมากขึ้นแล้วก็ทำให้เราใช้สติ ใช้ความคิดได้ดีขึ้น”

คิดไหมว่าคำตอบของเราฮือฮาขนาดนี้? “ไม่รู้เหมือนกัน” (แต่ก็ฮือฮาหลายรอบมาก เราจะมีเกี่ยวกับเรื่องทวิตเตอร์ตลอด?) ผมเล่นสิ่งนี้มานานไง ก็เลยอาจจะเข้าใจ ผมเล่นตั้งแต่ประมาณ ม.3 จนเขาเปลี่ยนเป็น X เนี่ยรอเงินเข้าอยู่ไม่เข้าสักที (ยิ้ม)”

หลายๆ คนยกให้เราเป็นตัวตึง?จริงๆ ผมก็เป็นเนเจอร์ของผมอะ เป็นคนที่ตั้งแต่เด็กเลยก็คือไม่ได้ถนัดสังคมแต่ถนัดการเขียนมากกว่า เพราะฉะนั้นเราก็เลยชอบเล่นแอพฯนี้ อย่าง tiktok เราเลยจะไม่ถนัดเพราะว่ามันต้องเป็นคลิป เราไม่ค่อยถนัดอย่างนี้ แต่เราเป็นคนที่ชอบพิมพ์ชอบเขียน เพราะว่าเหมือนเราก็อยู่กับญาติที่มีความเป็นนักเขียน เพราะฉะนั้นผมก็เลยใช้แอพฯ นี้มานานมาก ก็เลยเหมือนมีความชิน ทำให้เรารู้เนเจอร์อย่างที่บอกอ่ะว่าแอพฯ มันก็มีข้อดีข้อเสียของมัน ข้อดีคืออาจทำให้เราตื่นรู้เรื่องบางอย่างเร็ว แต่ผมว่าความตื่นรู้ในยุคนี้มันต้องเป็นความตื่นรู้ที่มีความพอดีด้วย ถึงจะเป็นการตื่นรู้ที่มีเสน่ห์”

แต่เราเลือกที่จะไม่ฟ้องใช่ไหม ถ้าคนจะมาเมนต์ในแนวไม่เป็นความจริง? “ดูสถานะการเงินก่อนช่วงนั้น ถ้าช่วงนี้ทำบ้านแล้วเหล็กแพง ปูนแพง ก็อาจจะมีฟ้อง แต่ถ้าสมมติเราไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน เราไม่ฟ้อง (อะไรที่มันเกินไปสำหรับเรา รับไม่ได้?) ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็จะลงมือเอง แต่ถ้าสมมติถ้าเหลือบ่ากว่าแรงก็จะขอยืมมือกฎหมายช่วย(หัวเราะ)”

ทุกวันนี้ยังไม่เจอ? “จริงๆ มีบ้างแหละ แต่เราแค่รู้สึกว่าเราไม่ให้ค่าอะไรอย่างเนี้ย ก็อยากให้รู้ว่าจริงๆ นักแสดงเราก็เป็นคนเหมือนกัน ถ้าสมมติเราอาจจะเป็นแผลในใจได้ เหมือนตอนเด็กๆ ผมเคยโดนหมากัด หมาไล่ เราก็กลัวหมาไปเลย นักแสดงหลายๆ คนที่เป็นเพื่อนผมบางทีเจอคอมเมนต์พวกนี้ไปเหมือนแขยงไปเลยก็มี เพราะฉะนั้นบางทีที่ผมทำเนี่ยก็คือการปกป้องตัวเองอย่างหนึ่งเลย เพราะฉะนั้นก็มีมือเหมือนกัน

ส่วนตัวไม่ได้รู้จักกัน? “เหมือนผมก็เพิ่งเจอใบเฟิร์นครั้งแรกเหมือนกัน แต่รู้ว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทกับออฟ เพราะว่าเหมือนเขาเล่นซีรีส์ด้วยกัน แล้วผมเห็นเขาไปตีแบดด้วยกันบ่อยแล้วไม่ชวนเลย ออฟอะปกติไม่เคยชวนเลย ก่อนไปออฟยังพิมพ์มาบอกเลยว่า บอกใบเฟิร์นเลยว่าฝากเพื่อนด้วยนะ เพื่อนป้ำๆ เป๋อๆ ฝากใบเฟิร์นด้วย จริงๆ ผมเจอนายก่อนใบเฟิร์นอีก เจอนายที่ร้านกล้องครับ”.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน