วันที่ 1 พ.ย. ที่แอ็กซ์สตูดิโอ จ.ปทุมธานี อุ้ย-เกรียงไกร อุณหะนันทน์ นักแสดงมากฝีมือ ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมถ่ายทำละครแห่งปีเรื่อง “เราเกิดในรัชกาลที่ ๙ เดอะซีรีส์” ว่า เคยเล่นละครเทิดพระเกียรติหลายเรื่อง ประทับใจทุกเรื่อง เพราะเล่นด้วยความเต็มใจ อยากจะทดแทนพระคุณ ซึ่งความรู้สึกต่างจากเล่นเพื่อสตางค์ การเล่นละครเทิดพระเกียรติเราไม่ต้องเสแสร้ง ไม่ได้ถูกบังคับให้ทำอารมณ์ เป็นไปเองโดยธรรมชาติ
เกรียงไกร กล่าวว่า ตอนอายุ 9 ขวบ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ คือสมัยนั้นโรงเรียนจิตรลดาเปิดขึ้นมาเพื่อให้เจ้าฟ้าทั้ง 4 พระองค์ได้เรียนหนังสือ เมื่อ พ.ศ.2509 นักเรียนในชั้นของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สอบไม่ผ่าน 4 คน แต่แทนจะให้เด็กออกไปเรียนที่อื่น พระเจ้าอยู่หัวก็เลยเปิดชั้นเรียนใหม่ขึ้นอีกชั้น แต่จะมีนักเรียนแค่ 4 คนก็กระไรอยู่
“จำได้ว่าตอนนั้นผมอยู่ชั้น ป.5 ร.ร.พัทธศึกษา จู่ๆคุณพ่อก็มารับออกจากห้อง แล้วก็ขับรถพาเข้าไปในวังเพื่อไปทำข้อสอบ จากนั้นวันรุ่งขึ้นคุณพ่อก็พาไปลาออกจากโรงเรียนเก่า และเข้เรียนที่จิตรลดาเลย สมัยนั้นเราไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก เพราะยังไม่มีเครื่องแบบ ก็เข้าไปเรียนโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรทั้งสิ้น”
เกรียงไกรกล่าวต่อว่า เราเรียนจบถึงรู้ว่าการที่ได้ไปเรียนตรงนั้น โดยมีเจ้าฟ้าเรียนอยู่ถึง 4 ชั้น ขณะที่เราเป็นชั้นเดียวที่เป็นชั้นคนปกติ ไม่มีเจ้าฟ้าเลย แต่เราไม่ได้รับความเหลื่อมล้ำต่ำสูงเลยแม้แต่น้อย กินอาหารกลางวันเหมือนกัน เรียนครูคนเดียวกัน ทำกิจกรรมเหมือนกัน ไปทัศนศึกษาใช้รถคันเดียวกัน เข้าคิวหรือวิ่งเล่นต่างๆ เหมือนกัน ใช้ชีวิตเหมือนเด็กนักเรียนทั่วไป โตขึ้นถึงได้รับรู้ว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงความยุติธรรม
“เห็นไหมว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงดนตรีก็เก่ง ทรงกีฬาก็เก่ง ช่วยเหลือทำงานสังคมก็เก่ง นักเรียนจิตรลดาทุกคนต้องทำอย่างนั้นหมด ตอนนั้นไม่ได้คิดหรอก โตมาถึงคิดได้ว่าทำไมถูกบังคับให้เรียนดนตรี ทำไมต้องเรียนโขน ต้องไปช่วยสอนหนังสือเด็กกำพร้าที่สถานสงเคราะห์ รวมถึงนักเรียนที่เรียนลูกเสือทุกคนต้องไปโบกรถตรงหน้าวังทุกเช้า ก็เพราะท่านพระราชทานเลี้ยงอาหารเด็กตาบอด นักเรียนจิตรลดาทุกคนต้องมาเสิร์ฟอาหารให้เด็กตาบอด เราถูกอบรมสั่งสอนให้เป็นคนธรรมดาติดดิน ไม่ได้พิเศษกว่าเด็กที่อื่น”
นักแสดงรุ่นใหญ่กล่าวต่อว่า นักเรียนโรงเรียนจิตรลดาเวลาไหว้ครูจะถูกบอกเสมอว่า ห้ามซื้อดอกไม้ตามตลาดมาไหว้ครู คุณจะบูชาครู จะระลึกถึงพระคุณครู ต้องทำด้วยใจ ต้องเอาดอกไม้ที่บ้านมาทำ ไม่ใช่ไปซื้อดอกไม้มา และอีกอย่างคือในวังจะปลูกต้นไม้ดอกไม้เยอะมาก ก็ห้ามเก็บดอกไม้ที่โรงเรียนมาไหว้ครู เพราะว่าคุณไม่จริงใจในการไหว้ครู เราถูกฝึกมาโดยการกระทำจริงๆ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีความจริงใจในการกระทำ โรงเรียนจิตรลดาเป็นโรงเรียนตามแบบของพ่อเลย
ต่อข้อถามสมัยเรียนมีโอกาสได้รับเสด็จฯบ่อยไหม เกรียงไกรกล่าวว่า ท่านพระราชทานปริญญาบัตร และเสด็จมางานของโรงเรียนทุกปี มาประทับนั่งดูนักเรียนแสดงเพื่อให้เด็กๆ มีกำลังใจ และท่านไม่ได้พระราชทานรางวัลให้แค่เด็กที่เรียนดีที่สุดเท่านั้น ยังพระราชทานรางวัลให้เด็กที่ได้คะแนนดีขึ้นตลอดทั้งปีด้วย
“งานโรงเรียนที่ต้องแสดงต่อหน้าพระพักตร์ ผมเข้าไปปีแรกอยู่ชั้น ป.5 ชั้นของทูลกระหม่อมเล็ก ป.4 ผมต้องแสดงระบำไก่ ต้องใช้นักเรียนผู้หญิงเยอะ เพราะชั้นของทูลกระหม่อมเล็กมีผู้ชายน้อยกว่า เขาเลยเลือกผู้ชายชั้น ป.5 ไปรำคนนึง เราเป็นผู้ถูกเลือก อายจนร้องไห้เลย เพราะเป็นเด็กผู้ชายคนเดียวที่ถูกเลือกไปรำระบำไก่ (หัวเราะ) ตั้งแต่นั้นก็แสดงทุกปี ซึ่งนักเรียนทุกคนต้องแสดงหมด”
เมื่อถามว่าต้องแสดงต่อหน้าพระเจ้าแผ่นดินรู้สึกอย่างไร นักแสดงรุ่นลายครามกล่าวว่า ตอนนั้นยังเด็ก ไม่รู้สึกอะไร เหมือนได้เล่นสนุก แต่เราก็รับทราบว่าท่านเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ผมก็แสดงมาตลอดจนปีสุดท้ายก็ได้แสดงโขน เล่นเป็นทศกัณฐ์ งานของโรงเรียนจิตรลดาไม่ได้มีเฉพาะการแสดง นักเรียนทุกคนต้องทำงานฝีมือแล้วขายด้วย
“สอบเสร็จเรามีเวลา 1 เดือนที่จะทำงานฝีมือทั้งหมด แล้วตั้งโต๊ะเพื่อจะขายผู้ปกครอง พระเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระราชินี ท่านจะเสด็จทอดพระเนตรงานฝีมือของนักเรียนทุกซุ้ม บางปีเราก็ถวายสิ่งที่เราทำเอง จำไม่ผิดน่าจะเป็นหมอนอิง เราได้วาดรูปลงบนหมอนอิงด้วย เป็นความตื่นเต้นที่ได้ถวายของให้พระเจ้าอยู่หัว”
ต่อข้อถามคำสอนใดของพระองค์ท่านที่นักเรียนจิตรลดาต้องยึดมั่น เกรียงไกรกล่าวว่า ความสามัคคี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมี ความมีน้ำใจ การให้ ให้แบบถูกต้อง สอนคนไม่ให้ขอแต่สอนคนให้ ให้มีวิชาชีพของตัวเองเพื่อจะดำรงชีวิตได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง นี่คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าการให้
