ละครจบดราม่าไม่จบ! รอมแพง น้อมรับความผิดพลาด ปม “พรหมลิขิต ” โดนวิจารณ์ยับ ลั่นทำได้ดีที่สุดเท่านี้ อาจยังไม่ดีพอที่จะทำละคร

ถือเป็นที่ตั้งตารอของแฟน ๆ อย่างมาก สำหรับละครเรื่อง “พรหมลิขิต” ซึ่งเป็นภาคต่อของ “บุพเพสันนิวาส” ที่โด่งดังโกยเรตติ้งถล่มทลาย อย่างไรก็ตาม พรหมลิขิตกลับโดนวิจารณ์อย่างหนักจากผู้ชมบางส่วนว่า “นี่เป็นภาคต่อที่ไม่ดีเท่าภาคแรก โดยเฉพาะตอนจบที่ดูเหมือนรวบรัดเกินไป”

โดยทางด้าน “ศัลยา” ผู้เขียนบทละครบุพเพสันนิวาสและพรหมลิขิต ได้โพสต์ตอบกลับคำถามจากคนดู พร้อมชี้แจงในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

พรหมลิขิตตอนจบรวบรัดเกินไป นิยายเขียนคำว่า “จบบริบูรณ์” หลังจากฉากแต่งงานของพ่อริดเและพุดตาน ต่อจากนั้นนิยายเขียนว่า “ตอนพิเศษ” ความยาว 4 หน้าหนังสือ ในเมื่อเป็นตอนพิเศษ จึงไม่เพิ่มไม่ลดไม่เปลี่ยนแปลงใด ๆ บทละครจึงเหมือนนิยายทุกประการ คำว่ารวบรัดเกินไปจึงขอมอบให้ตอนพิเศษของนิยายเรื่องนี้

ยังมียกต่อ ๆ ไป

1 คาแรคเตอร์ของพ่อริด : เรื่องนี้ต้องพูดกันยาว

2 คาแรคเตอร์คนอื่นๆ : ไม่เหมือนนิยายแน่หรือ

3 ตัวละครหาย : คนเขียนบทหรือนิยายกันแน่ที่ทิ้งตัวละคร

4 เหตุการณ์พุดตานถวายตัวที่ไม่มีในนิยาย : ทำไม

5 บทอาฆาตแค้นของจันทราวดีต่ออทิตยาที่หายไป : เพราะอะไร

6 ศรีปราชญ์ : ตัวละครเจ้ากรรมตั้งแต่บุพเพสันนิวาส : มีและไม่มีเพราะอะไร

7 การเคารพบทประพันธ์และการเคารพวิถีการเขียนบทละคร: ศาสตร์ที่แตกต่างกัน

8 บทละครเหมือนนิยาย หรือต่อยอดจากนิยาย เป็นสัดส่วนเท่าไหร่ : ต้องคำนวณ

9 การวิพากษ์วิจารณ์รวบยอดที่รุนแรงและไม่เป็นวัตถุวิสัย ฯลฯ

จากนั้นไม่นาน ทางด้าน รอมแพง ซึ่งเป็นผู้ประพันธ์นิยายเรื่องบุพเพสันนิวาสและพรหมลิขิตได้โพสต์เฟซบุ๊กเช่นกัน โดยขอน้อมรับข้อผิดพลาดของนิยายพรหมลิขิตที่ทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านี้ จนส่งผลให้ทางทีมละครโดนวิจารณ์อย่างหนัก

“ขอน้อมรับความผิดพลาดของนิยายพรหมลิขิต ที่ทำได้ดีที่สุดเท่านี้ และน่าจะไม่ดีพอที่จะทำเป็นละคร จึงทำให้ทีมละครโดนวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก รวมไปถึงความอ่อนด้อยในการตอบคำถามของพิธีกรและนักข่าวก็ยิ่งสร้างลำบากใจให้กับผู้เขียนบทและทีมละครที่ทำดีที่สุดแล้ว เป็นความผิดของดิฉันเองค่ะ

หลายท่านอาจจะไม่พอใจที่ทีมทำละครโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยที่ดิฉันเหมือนลอยตัวจากการวิพากษ์นั้น จากการที่ดิฉันพิมพ์และพูดอยู่เสมอว่า หลังขายเป็นละครแล้วแทบจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการทำงานของทีมละครเลย นอกจากจะมีการขอคำปรึกษาจากทีมงาน และต้องให้เกียรติคนทำงาน เพราะศิลปะการนำเสนอของละครกับนิยายแตกต่างกัน

ซึ่งประโยคเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดิฉันพูดมาเป็น 10 ปีในการไปเป็นวิทยากรทุกแห่ง จากการที่นิยายได้ทำเป็นละครมาหลายเรื่อง แน่นอนว่าดิฉันไม่มีปัญหากับการดัดแปลงเพราะเข้าใจเป็นอย่างดีในศาสตร์ที่ต่างกัน แต่อาจจะมีความเสียดายในเนื้อหาหรือคาแร็คเตอร์ที่เปลี่ยนไปบ้างแต่ก็ไม่ใช่ความเสียใจที่ขายเป็นละครอย่างแน่นอน

ดังนั้นแบ่งความคิดเห็นที่ตำหนิจากความผิดหวังในสิ่งที่คาดหวังจากละครมาทางดิฉันได้เลยค่ะ เพราะถ้าไม่โดนตำหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์เสียบ้าง ก็จะไม่ทำให้เกิดการพัฒนา ขอบคุณมากนะคะ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน