ไม่เคยปล่อยให้แฟนเพลงรอนาน นักร้องสาว ‘จอย บียอนด์’ ปล่อยเพลงใหม่รับวาเลนไทน์ “เตกีล่า” อาจจะเหมือนเพลงสไตล์หวานๆ รับช่วงเทศกาล แต่เจ้าตัวคอนเฟิร์มว่าทุกเพลงยังคอนเซ็ปต์เดิมของ ‘จอย บียอนด์’ ที่มีทั้งสนุกและแซ่บ
ปล่อยเพลงใหม่ช่วงวาเลนไทน์?
จอย – “ใช่ค่ะ ชื่อเพลง เตกีล่า เล่าถึงการไปเที่ยวกลางคืนเจอหนุ่มแล้วพอดื่มเตกีล่ากันปุ๊บก็ชนกัน ก็เลยกลายเป็นแฟนกัน แต่ไม่ใช่ฉันใจง่ายนะ เป็นเพราะดื่ม เตกีล่านะไม่ใช่ตัวเรา เพลงนี้ทำมาตอนปีที่แล้วแต่เราก็หาช่วงจังหวะว่ามันจะออกตอนไหน ก็เลยเป็นวาเลนไทน์ เพราะว่าเพลงเหล้าไม่มีวันตาย ฟังได้เรื่อยๆ คนร้องไปเรื่อยๆ เราจะปล่อยเรื่อยๆ 4-5 เดือนทีนึง ให้รู้ว่า จอย บียอนด์ ออกใหม่แบบนี้ให้เป็นสไตล์เรา เพลงช้าแบบนี้ เพลงเร็วแบบนี้ ก็ยังคงอยู่ในคอนเซ็ปต์ของ จอย บียอนด์ ก็มีความสนุกความแซ่บอยู่ในนั้น ซึ่งจริงๆ เพลงนี้ได้มาตอนวันเกิดมีโปรดิวเซอร์ให้ แล้วก็คนที่แต่งเพลงประจำเขาก็แต่งให้เป็นของขวัญวันเกิด ปรากฏว่าน่ารักดีเราก็เลยมาทำเอ็มวี”
ในแต่ละเพลงที่เราปล่อยออกมาเรามีไอเดียในการมีส่วนร่วมยังไงบ้าง?
จอย – “ตั้งแต่เราทำเพลงมาจนถึงวันนี้ จอยซื้อเองทุกชุด คิดเองหมดเลย ส่วนในเอ็มวี หลังจากฟังดนตรีแล้วจอยจะมีความคิด เช่น เพลงนี้อยากไปทะเลทราย เพลงนี้อยากอยู่ญี่ปุ่น พอฟังดนตรีแล้วจอยรู้สึกอยากจะทำแบบนั้น หรือเพลงนี้อยากจะอยู่ในไฟ อยู่ในน้ำ จะอยู่บนเตียง ก็คิดตามดนตรี แล้วก็ลงทุนเอง เรื่องชุดจอยก็จะชอบขายไอเดียมากกว่านะ”
“เตกีล่าเนื้อร้องทำนองเป็นวัยรุ่นสมัยใหม่นะ อาจจะไม่ค่อยมีกลิ่นอายลูกทุ่งมาก ก็คือจอยมาจากนักแสดงก็อยากจะให้มีความรู้สึกเป็นการแต่งตัว ความน่ารักเอามาร้องใส่เพลง เพราะว่าถ้าเกิดเรียกว่าเป็นลูกทุ่งมันจะต้องมีจินตะ”
แล้วตอนนี้ยังดูแลตัวเองไม่มีสังกัด?
จอย – “ใช่ค่ะ ก็คือทำไปเรื่อยๆ แล้วถ้าดีขึ้นคนฟังชอบ หรือถ้าคนฟังน้อยลงมันอาจจะไม่โดนใจเขาก็อาจจะเปลี่ยนแนวไปเรื่อยๆ หรือมันอาจจะมีเพลงที่สวรรค์ให้มาแป๊บเดียวโป๊ะเลย ทำไปเรื่อยๆ เลยถือว่าเราทำงาน แต่เพลงนี้ตั้งใจว่ามันจะมีความแปลก ส่วนใหญ่จะร้องเร็วอันนี้ก็จะเป็นมีเดียม โซล สบายๆ ก็ลองเปลี่ยนแนวดูว่าจะเป็นยังไง เพราะว่าเวลาไปเล่นคอนเสิร์ตมันก็จะมีช่วงเบรก อกหัก คนเมาก็ร้องไห้อกหัก หรือมีช่วงมีความรักชอบโต๊ะข้างๆ เต้นอะไรแบบนี้ มันก็จะคิดถึงการไปเที่ยวจริงๆ”
ก่อนหน้านี้เห็นบอกว่ามีค่ายเพลงมาจีบ เราไม่คิดเปลี่ยนใจเหรอ?
จอย – “คิดว่าถ้าเราสู้ไม่ไหวก็ว่าจะไปอยู่นะ แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาเป็นสิ่งที่ดีของเรานะ ถือว่าเราได้ทำผลงานเราให้คนอื่นเห็นและผู้ใหญ่เห็นแล้ว แฟนเพลงเห็นแล้วตอบรับเรายังไง คือจอยโฮลด์ไว้นะยังไม่ได้เซย์โน ถ้าเราไม่ไหวเราจะพึ่งค่าย ก็ยังคิดอยู่ว่าฉันจะต้องยังไงนะ แต่ทุกวันนี้ก็ถือว่าดีขึ้นเลยค่ะ”
จอย บียอนด์นี่คือทำหลายอย่างมาก?
จอย – “เอาจริงนะ ตั้งแต่เกิดโควิดทำให้รู้สึกว่าอะไรก็ได้ที่ได้ตังค์ อาจจะขายของ ขายที่ สร้างบ้านก็เป็นไอเดียของเราในการตกแต่งแล้วก็ขาย ขายเสื้อผ้ามือสอง ขายนาฬิกา ขายกระเป๋า อยากให้มันเป็นอะไรก็ได้ที่รู้สึกว่าทำแล้วได้เงิน เพราะตอนนี้ไม่มีอาชีพไหนที่ด้อยเลย อยู่ที่ว่าใครหาเงินได้เก่งกว่า ตอนนี้ก็คือเหนื่อยมากมีช่วงที่คุณพ่อป่วยก็หาตังค์ พอเริ่มจะเข้าที่ก็คุณแม่เป็น มันก็ล้มแล้วท้อ ก็มีเฮือกนึงนะที่มันเหนื่อยท้อ แต่มันก็ต้องสู้เท่าที่เราไหว”
มาจากสายการเป็นนักแสดงแล้วไปเป็นนักร้องได้ยังไง?
จอย – “จริงๆ เป็นนักแสดงมานานแล้ว พอเรากลับมาทำธุรกิจเราก็อยากให้มีตัวตน ไม่งั้นถ้าเราขายของแพงๆ เขาจะมาถามว่าเป็นใคร บริษัทอะไร ทำไมถึงขายมือสอง และอะไรการันตีว่ามันไม่ปลอม มันจะมีคำถามเยอะ เราก็อยากจะให้รู้ว่าฉันมีตัวตนนะ ฉันไม่ได้ขายของปลอม เพราะว่าเราขายของแพง เป็นพวกนาฬิกา ก็ต้องให้เชื่อใจ ทำให้เขารู้สึกว่าหาตัวตนเจอ ถามว่าประสบความสำเร็จไหม แค่รู้สึกว่าตอนนี้ดีขึ้นเราก็ดีใจแล้ว”
“การเป็นนักร้องมันก็อยู่ที่คนฟังว่าจะชอบเราไหม ชอบเพลง ชอบผลงาน แต่ถ้าเกิดผลตอบรับเองก็ยินดีค่ะ ไม่ว่าจะจากตรงไหนก็แล้วแต่ ก็ถือว่าเป็นการพัฒนา ที่มันเป็นการพัฒนาจากการที่เราร้องไม่ค่อยเป็นร้องไม่ค่อยเก่ง ดีขึ้น ตอนนี้ใช้ได้แล้วนะ มันก็เป็นสเต็ป เพราะว่าการเริ่มต้นไม่ได้มาจากว่าเราเริ่มต้นจากการร้องเพลง เพราะตอนเด็กเราไปเล่นหนังตั้งแต่เด็ก การร้องเพลงตอนนี้ก็เริ่มเข้าใจทิศทางแล้ว เรื่องพวกนี้มันใช้เวลา แต่ถ้าเป็นหนังละคร จอยดูบทคือได้เลย”
แล้วตลอด 7 ปีที่อยู่ในเส้นทางร้องเพลงมีคอมเมนต์ถึงเราในเชิงไหนบ้าง?
จอย – “จริงๆ แล้วเป็นเรื่องปกติแล้ว จอยก็ไม่อยากจะไปว่าเขา เพราะว่าทุกคนก็คือต้องโดนหมด มีคำชมแล้วก็มีคนไม่ชอบ เพราะฉะนั้นก็ปล่อยผ่านไป อะไรที่มันให้กำลังใจดีขึ้นก็น่ารัก ถ้าเราไปมองคอมเมนต์ไม่ดี จะทำให้เราท้อก็ไม่เป็นไรจะด่าก็ได้ก็ยินดี จะได้เอาตรงนั้นไปพัฒนา เพราะว่าถ้าเกิดจะต้องทะเลาะกับโซเชี่ยล ก็ไม่รู้ว่าจะไปด่าใคร ฟ้องใคร คอมเมนต์ที่เข้ามาแบบนั้นคือเขาไม่มีตัวตน แต่เรามี แล้วเราจะต้องไปทะเลาะกับสิ่งที่ไม่รู้เลยว่านักเลงคีย์บอร์ดเหล่านั้นคือใครก็ไม่ไหว ก็ไม่ได้ทำอะไรกันพอดี”
เป็นทั้งนักร้องนักแสดงแล้วก็นักธุรกิจ?
จอย – “ใช่มันหยุดฝั่งไหนไม่ได้เลย เพราะว่าทุกอย่างมันก็คือที่เราลงทุนไปแล้ว”
แล้วในส่วนของความรัก?
จอย – “โหยไม่มีเลย คือใครเข้ามาก็ได้ที่ทำให้เรามีความสุขที่ไม่ทำให้เราปวดสมองมากขึ้น เราโฟกัสพ่อกับแม่เยอะคือจริงๆ ตังค์ไม่ค่อยมีก็ไม่อยากคิดเรื่องอื่น คือใครที่เข้ามาทำให้เราชุ่มฉ่ำหัวใจนิดนึงอ่ะได้แต่ไม่ได้คิดเยอะมาก ก็มีบ้างเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ คือถ้าผู้ชายเข้ามาจริงจังก็จริง แต่ตอนนี้มันไม่สามารถกระดิกเพราะว่าทุกอย่างมันก็ต้องใช้เงิน คือถ้าเราชอบเรามีแฟน เราก็ต้องสร้างอนาคต คือจอยไม่สามารถเอาเงินส่วนตรงนี้ไปทำได้เลย ก็ได้แค่ฉันชอบเธอ เธอชอบฉัน ก็ดูๆ กันนะ ตอนนี้ก็มีแต่คนที่ไปเที่ยวไปกินแล้วก็มีอะไรโทร.หาก็สบายใจ คือถ้าพิเศษเลยอย่างงั้นไม่มี”
อชริญา บุญชู