ยังอยู่ในกระแสดราม่าระหว่างอดีตคู่รักหมอลำ ‘บิ๊ก’ ธิติวุฒิ วารุณ หรือ ‘ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์’ กับหมอลำซิ่ง ‘แพรวพราว แสงทอง’ ที่ชีวิตครอบครัวมาถึงทางแยก ยุติสถานะสามี-ภรรยาเหลือแค่พ่อ-แม่ของลูกทั้ง 2 คน ‘น้องนาริตะ’ และ ‘น้องโตเกียว’

จับกระแสลูกทุ่ง

ต่างฝ่ายต่างก็แยกกันทำงาน ซึ่ง ‘ผู้ใหญ่ฟินแลนด์’ ดูแลค่ายโตเกียวมิวสิค ทางด้าน ‘แพรวพราว’ ดูแลวงหมอลำ “แพรวพราว แสงทอง” แม้ชีวิตครอบครัวจะแยกเดินกันคนละทาง แต่ในสายงานทั้งคู่ก็ยังมีเกื้อกูลกันอยู่บ้าง

จับกระแสลูกทุ่ง

วันนี้มีโอกาสได้พูดคุยกับ ผู้ใหญ่บ้านฯ และ แพรวพราว ที่กำลังก้าวใหม่ตามเส้นทางของตัวเอง

‘บิ๊ก ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์’ ยังเดินหน้าขายสินค้าออนไลน์ และดูแลค่ายโตเกียวมิวสิค ปั้นศิลปินใหม่ ล่าสุดยังเนื้อหอม มีแบรนด์สินค้าติดต่องานเข้ามามากมาย

มีติดต่องานเข้ามาอีกเยอะมั้ย?
บิ๊ก – “มีติดต่องานเข้ามายาวอยู่ครับ ไปถึงสิ้นปีเลย คิวคอนเสิร์ตเข้ามาเรื่อยๆ เราเปิดตัวค่ายเพลงใหม่ คนเพิ่งเห็น อยากจ้าง ที่บอกว่าโกยเงินไป 10-20 ล้านแล้ว ถามว่ามันถึงมั้ย มันก็อาจจะถึง แต่ว่าค่าใช้จ่ายเราก็เยอะ อาจจะไม่ถึงขนาดนั้น เขาแค่พูดมาเฉยๆ”

จับกระแสลูกทุ่ง

รู้สึกอย่างไรที่มีส่วนหนึ่งคนมองว่าเราได้งานมาจากกระแสดราม่าด้วย?
บิ๊ก – “มันก็อาจจะมีส่วนตรงนี้ด้วย แต่ว่าถ้าเขาไม่ติดตามเรา เขาก็คงไม่จ้างเรามั้ง ต่อให้เราดราม่าแค่ไหน ถ้าเขาไม่ชอบก็คงไม่จ้าง เขาอาจจะเป็นแฟนคลับอยู่แล้วครับ ถามว่าปังขึ้นมั้ย ก็ยังไม่กล้าใช้คำนี้แต่ว่าน่าจะดีขึ้น ถือว่าดีขึ้นในระดับนึงครับ”

ไปดูดวง หมอดูทักแรงดวงจะไม่ได้อยู่กับคนรัก?
บิ๊ก – “ทำไมเขาแม่นจัง ใครๆ ก็รู้แหละ เขาก็จะทักไปตามหน้าที่ เราไปด้วยความสบายใจ หน้าที่บทบาทเราต้องไป บางอย่างเอฟซียูก็ต้องเข้าใจว่าเราไปทำอะไร เราไปอยู่กับความเป็นจริงด้วย ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละคน เชื่อใครเชื่อมันเรื่องพวกนี้”

แล้วส่วนตัวเราเชื่อมั้ย ก่อนหน้านี้ก็เคยมีดราม่ากับแม่ แล้วตอนนี้ก็กับภรรยา?
บิ๊ก – “แต่ตอนนี้กับคุณแม่ก็กลับมาคืนดีกันแล้วนะ เพราะคุณแม่ก็น่าจะเข้าใจเรามากขึ้น ความรู้สึกแรกที่ได้คุยกับแม่ เราก็ดีใจแหละ อย่างที่ทุกคนรู้ เป็นเรื่องจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่วันหนึ่งมันถึงเวลา อะไรที่แน่นอนก็ไม่แน่นอน พายุสงบแล้ว อาจจะได้อย่างเสียอย่าง เสียอันนั้นไปได้อันนี้คืนมา ผมเชื่ออาจจะเป็นอย่างนี้ ไม่มีใครร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว ไม่มีอะไรแน่นอน แต่เรารู้ตัวเราดีที่สุด ทำดี คิดดี ไม่ได้คดโกงใคร ช่วยเหลือคน ให้โอกาสคน”

จับกระแสลูกทุ่ง

แล้วที่หมอดูทักเรื่องเนื้อคู่ของเราล่ะ?
บิ๊ก – “เนื้อคู่ตอนนี้ไม่ได้คิดเลย ตอนนี้คิดแต่หาเวลานอนจริงๆ แค่เวลากินข้าวยังไม่ได้กินเพราะว่าหน้าที่เรามันเยอะมาก เรามีโอกาส ทางเจ้าของแบรนด์ CEO ทางเจ้าภาพให้โอกาสเรา เราก็รับไว้ครับ”

เนื้อหอมทั้งเรื่องงาน และยังมีสาวๆ ทักมาจีบ?
บิ๊ก – “ไม่กล้าพูดคำว่าเนื้อหอม พูดว่าเรามีโอกาสที่จะรับสิ่งใหม่ๆ ดีกว่า เรื่องความรักไม่มีเวลาคิดเรื่องนั้นเลย กินข้าว นอนให้หลับ ทำงานให้คุ้มค่ากับที่เขาจ้างเรา อาจจะมีคนจีบ ก็มี แต่ไม่ได้มีเวลาอ่านเลย เพราะอยู่กับน้องในแต่ละวัน น้องเขากันซีนนะเวลาคนเข้ามาจีบ”

ทางด้าน ‘แพรวพราว แสงทอง’ ที่ยืนหนึ่งดูแลวงหมอลำ ที่ทำเป็นปกติอยู่แล้ว ก็ยังคงเดินหน้าทำวงต่อไป ท่ามกลางกระแสดราม่ามากมาย

จับกระแสลูกทุ่ง

กระแสดราม่าค่อนข้างเยอะ
แพรวพราว – “ดราม่าส่งผลกระทบทุกอย่าง แรกๆ เจ้าภาพลังเลใจ มียกเลิกไปงานเดียว มันก็การันตีจากการทำงานคุณภาพของเรา เวลาไปแสดง เอฟซีก็ยังเยอะอยู่ ตอนแรกก็คิดว่าออกหน้าเวที มันต้องมีคนชี้หน้าด่าฉันแน่นอนเลย หรือว่าโยนของขึ้นมา เพราะว่าสังคมทุกวันนี้เป็นยุคของโซเชียลค่อนข้างจะรุนแรง บางคนเขาไม่รู้ว่าเรื่องของคนสองคนเป็นมายังไง แต่ในเมื่อได้ยินข่าวออกไปแบบนั้น เขาก็ตีความหมายไปว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่จริงๆ แล้วเราก็รู้อยู่แก่ใจ ไม่มีใครจะดีสมบูรณ์แบบไปร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน”

เราจัดการกับสิ่งที่เข้ามายังไง?
แพรวพราว – “ถ้าคนที่เขาไม่ชอบเรา ต่อให้เราอธิบายยังไง เขาก็ไม่ชอบเรา ก็ไม่ต้องไปอธิบาย ทำชีวิตตัวเองให้ดีก็แล้วกัน คนที่ชอบเมนต์ด่าใครแรงๆ ก็อยากให้มีสตินิดนึง ถ้าเขาสติแตก เขาอาจจะฆ่าตัวตาย แต่เราไม่ได้คิดอย่างนั้น เรายังมีครอบครัว มีลูกสองคนที่ต้องดูแล แล้วก็ทีมงานอีก”

จับกระแสลูกทุ่ง

ปิดตำนาน แสงทองฟินแลนด์ เปลี่ยนป้ายวงใหม่แล้ว?
แพรวพราว – “มันก็ต้องเปลี่ยนเพราะว่าบิ๊กเขาก็ไม่ได้มาขึ้นแล้ว จริงๆ เราใช้ชื่อ แพรวพราว แสงทอง มาตลอด ต่อมาใช้ ท็อปไลน์เด่นชัย แพรวพราว แล้วพอพี่เด่นออก ก็กลับมาใช้ แพรวพราว แสงทอง พอบิ๊กเข้ามา ก็เลยเปลี่ยนเป็น แสงทองฟินแลนด์ ตอนนี้เหลือเราบริหารคนเดียว เอาเป็นชื่อเราดีกว่า ก่อนที่จะเปลี่ยนเราก็ถามเขาแล้วว่า เธอมั่นใจแล้วใช่มั้ย เราก็เลยคิดว่าเขามั่นใจแล้วที่เขาตัดสินใจแบบนั้น เราก็ตัดสินใจเปลี่ยนป้าย”

เสียดายไหม เราเคยสร้างอะไรร่วมกันมา?
แพรวพราว – “การที่เราร่วมสร้างกันมา มันเป็นครอบครัวที่เราร่วมสร้างกันมา แต่คำว่าวง คือแพรวสร้างมาตั้งนานอยู่แล้ว ถามว่าเสียดายไหม มันก็ต้องเสียดายที่เราเคยร่วมชีวิตกัน 4-5 ปี เสียดายสิ่งที่เราร่วมชีวิตกันมา ความดีที่เราเคยมีให้กัน แต่มันก็ไปแก้ไขไม่ได้ เราจะมานั่งเสียดาย เสียใจ มันก็เปล่าประโยชน์ เพราะฉะนั้นเราเดินหน้าดีกว่า เขาไปได้ดี เราโอเค”

ไม่มีโอกาสรีเทิร์นเป็นสามีภรรยากันเหมือนเดิมแล้ว?
แพรวพราว – “เรามองไม่เห็นอนาคต ตัวแปรมันคือลูก เรามีลูกด้วยกันสองคน แต่คำว่าลูกมันยังมีความผูกพัน ให้เป็นเรื่องของอนาคตดีกว่า มันไม่มีอะไรมาการันตีได้ เราก็ไม่เคยคิดว่าจะเลิกกัน แต่มันก็เป็นแบบนี้ ตอนนี้คุยแต่เรื่องลูก เรื่องงาน เสียใจ เครียดได้เป็นบางเวลา ต้องเอาใจมาทำงาน ตอนนี้มูฟออนเต็มที่แล้ว โสด”

จับกระแสลูกทุ่ง

จิตใจตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
แพรวพราว – “ตอนนี้ถือว่าโอเคขึ้นเยอะมากแล้ว ได้กำลังใจจากแฟนคลับที่ยังติดตาม ยังรัก ยังศรัทธาในความเป็นแพรวพราวอยู่ ส่วนมากเราจะโทรหาลูก ดูหน้าลูก เพื่อเป็นกำลังใจสู้งานต่อ มันไม่ค่อยมีเวลาที่จะไปจมอยู่กับความเสียใจ หรือดราม่าอะไร ซึ่งจริงๆ มันหนักมาก แต่มันต้องสู้ เพราะเรามีงานทุกวัน เราเลยต้องจัดการกับตัวเองก่อน ต้องตั้งสติก่อน แล้วจะทำยังไงให้ครอบครัว องค์กร ถ้าเราไม่ทำงานเราจะเอาเงินที่ไหนเลี้ยงลูก เลี้ยงครอบครัว”

แม้จะเดินกันคนละทาง แต่ยังความสัมพันธ์ของความเป็น พ่อ-แม่ ที่ตัดยังไงก็ไม่ขาด

วีรนุช จันทำ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน