เข้าโรงฉายแล้ว “หลานม่า” ภาพยนตร์แฟมิลี่ดราม่าเรื่องใหม่จากค่าย GDH ที่หลายคนตั้งตารอดู ผลงานการกำกับฯ ของ ‘พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์’
นำแสดงโดย ‘บิวกิ้น’ พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล รับบท ‘เอ็ม’ หลานชายตัวห่วยของอาม่า ประกบคู่นักแสดงหน้าใหม่วัย 78 ‘ยายแต๋ว’ อุษา เสมคำ ที่สวมบทเด่น ‘อาม่าเหม้งจู’ แม่ค้าขายโจ๊ก ขี้บ่น เจ้าระเบียบ
ร่วมด้วยนักแสดงมากฝีมือ ‘ดู๋’ สัญญา คุณากร (อากู๋เคี้ยง), ‘เจีย’ สฤญรัตน์ โทมัส (หม่าม้าซิว), ‘เผือก’ พงศธร จงวิลาส (อากู๋โส่ย), ‘ตู’ ต้นตะวัน ตันติเวชกุล (มุ่ย), ‘มด’ ดวงพร โออภิรัตน์ (อากิ๋มปิ่น) และ น้องฮิมาวาริ ทาจิริ (เรนโบว์)
ทั้งนี้ พัฒน์ ผู้กำกับฯ เผยเรื่องราว “หลานม่า” ว่า “เป็นเรื่องของหลานที่ไม่ได้สนิทกับอาม่า รู้สึกว่าเป็นแค่แม่ของแม่ หนังเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของคนสามเจนเนเรชั่น รุ่นอาม่า รุ่นพ่อแม่ และรุ่นหลาน เป็นความสัมพันธ์ที่จริงๆ แล้วคำว่าครอบครัว เราผูกพันกันด้วยอะไรกันแน่”
การคัดเลือกนักแสดง ผู้กำกับฯ ไล่เรียงว่า “บท อาม่า เราลองแคสต์หลายคนมากๆ พอดียายแต๋วเคยเล่นเอ็มวี แล้วเพื่อนผมเปิดเอ็มวีให้ดูว่ามีคุณยายคนนี้ ลองมั้ย ปรากฏคนนี้ธรรมชาติมาก เลยเอาบิวกิ้นเข้าไปเจอ พอสองคนนี้ลองอิมโพรไวส์ทำตัวเป็นหลานอาม่ากัน เคมีมันได้ เขาอาจจะใหม่มากๆ แต่มีเคมีที่ซัพพอร์ตกับบทที่มีโครงสร้างแบบนี้ได้ ซึ่งก็เป็นความตั้งใจของเราที่อยากได้ความใหม่ของนักแสดง ข้อดีคือทำให้คนคิดว่าเขาเป็นอาม่าของตัวเอง”
Advertisement
“แล้วจริงๆ ยายแต๋วเป็นขั้วตรงข้ามกับอาม่าในเรื่องเลย ตัวจริงยายแต๋วเป็นคนสวย แต่งตัวสวย อายุ 78 เฟี้ยวมาก เวลาว่างเขียนกลอน เป็นศิลปินร้องเพลง เลี้ยงต้นไม้ แต่อาม่าในเรื่องไม่ใช่เลย เป็นคนแข็ง ต้องต่อสู้กับเงื่อนไขในชีวิตที่ได้รับมอบหมายมาตลอด เขาอาจจะเป็นศิลปินก็ได้แต่ไม่เคยได้ใช้ด้านนั้น สภาพสังคมและค่านิยมในช่วงที่เขาเติบโตมันห่อให้เขาต้องแสดงออกแบบนั้น บอกรักไม่เป็น อะไรคือรัก ไม่เข้าใจ”
“มาที่บทเอ็ม บิวกิ้นเป็นคนที่ผมร่วมงานด้วยแล้วประทับใจมาก เป็นคนครบเครื่อง เขาฉลาดพอที่จะดูแลผู้อื่นที่อยู่รอบตัวได้อย่างเป็นธรรมชาติ เป็นโปรเฟสชั่นนอลมาก เรื่องนี้บิวกิ้นไปตัดผม ลดน้ำหนัก 10 กิโล พออ่านบทปุ๊บ บทมันฟ้องว่าเขาไม่สามารถมีผมหล่อเป็นบิวกิ้นได้ คนจะไม่เชื่อ เขาก็บอกผมต้องปรับลุกส์ ต้องลดน้ำหนัก ตั้งแต่อ่านบทบิวกิ้นอินมาก เขาช่วยคิด ดีไซน์บุคลิกท่าทาง สลัดตัวตนความเป็นบิ้วกิ้นออกไป”
“พี่ดู๋ สัญญา เป็นลูกชายคนโตของอาม่า บทมันอยู่มือเขาอยู่แล้ว แต่ผมเพิ่งไปฟังสัมภาษณ์เขา เขาบอกมันยากกว่าที่เขาคิดไว้ ผมก็มาคิด อาจจะจริง (หัวเราะ) ผมอาจจะเรียกร้องมากกว่าที่เขาคิดไว้ วิธีที่ผมทำงานกับทุกคน เรามาแชร์ว่าเห็นตัวละครยังไง จำได้จะมีซีนโต๊ะกินข้าว เราคุยๆ แล้วเห็นไม่ตรงกัน ก็หายไปวันหนึ่ง ผมกลับไปนอนคิด พอผมเข้าใจแล้วก็มาบอกเขาว่าเป็นอย่างนี้ พอเขากลับมาปุ๊บก็บอกว่าเป็นแบบนี้ พูดคำเดียวกันออกมา ผมเป็นผู้กำกับฯกลับไปนอนคิดไม่แปลก ขณะที่เขาเป็นนักแสดงเขายังกลับไปนอนคิด ผมรู้สึกประทับใจ”
“ส่วนพี่เผือก เป็นนักแสดงที่เก่งมาก รับบทลูกชายคนเล็กของอาม่า ผมปล่อยจอยสุดเลย เขาทำทุกอย่างที่ผมต้องการเป๊ะ แล้วคาแร็กเตอร์เขาน่ารัก เป็นสีสันของเรื่อง แต่ตัวตนเขาจริงๆ ไม่ใช่อย่างนั้นเลย เขาเป็นคนนิ่ง คือเขาเป็นตัวละครที่มีผลต่อเรื่องสุดๆ แต่เขาไม่ได้โผล่มาตลอดเวลา จะมีช่วงแก๊บที่ไม่มีเขาอยู่บ้าง แต่ตลอดช่วงแก๊บที่มีเขา รีแอ๊กกับทุกอย่างที่ทุกคนเล่น เขาตั้งใจมากๆ สมาธิเขาอยู่ตรงนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์ ปลื้มใจดีใจภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับเขาครับ”
“น้องตู ต้นตะวัน สิ่งที่ประทับใจ ตูเล่นเป็นมุ่ย บทมุ่ยคนแคสต์เยอะมาก วันที่เห็นตูในเทปแคสต์ ผมและโปรดิวเซอร์พูดเลยว่าต้องคนนี้ เขาจะมาแค่ในบางจุดของเรื่องที่สำคัญ เอาจริงๆ เสียดายนิดหน่อยอยากร่วมงานมากกว่านี้ เขาเก่งและตั้งใจมาก เขาต้องไปเรียนดูแลผู้สูงอายุ มันจะมีซีนดูแลอากง ผมก็ไม่อยากให้มาแบบทำไม่เป็น อยากให้คนเชื่อ เขาโผล่มาแค่ซีนเดียวคนต้องเชื่อเลยว่าคนนี้เปลี่ยนผ้าอ้อมมาทุกวัน เลยส่งไปเรียนไปซ้อม จนมาถึงวันนั้นเห็นเหงื่อที่มันไหล ท่าทางของเขามันเกิดจากการที่เขาทำซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเขาทำเป็นจริงๆ เขาทุ่มเทมาก”
สุดท้ายผู้กำกับฯเผยว่า “ผมทำหนังเรื่องนี้ตั้งใจให้เป็นหนังที่อยากให้คนดูหลายๆ รอบ ดูแล้วดูอีกเกิดความรู้สึกที่เขาปิติกับมัน อยากให้เป็นหนังที่อยู่ในความทรงจำ เป็นหนึ่งในพาร์ตของชีวิต และหวังว่าทุกคนจะได้อะไรดีๆ จากหนังเรื่องนี้ครับ”
วีรนุช จันทำ
