พระเอกตี๋ ‘อาเล็ก’ ธีรเดช เมธาวรายุทธ ท้าฝีมือ กับการเป็นสามีและพ่อครั้งแรกในละคร “ลมเล่นไฟ” ทางช่อง 3 งัดสกิลปะทะอารมณ์และสาดเลิฟซีน 2 ตัวแม่ ‘เชอรี่’ เข็มอัปสร สิริสุขะ และ ‘อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม’ ที่รับบท ‘หมอพระพาย’ และ ‘เฟลม’

บทในเรื่องต้องเป็นคนมีโลก 2 ใบ?

อาเล็ก – “ใช่ครับ บทดินหรือธราดลที่ผมได้รับ เหมือนเป็นคนเจ้าชู้สองใจ มีโลก 2 ใบ ดูละครไม่ใช่ว่าหลายคนจะเข้าใจในการกระทำและความคิดของดินมากขึ้น สิ่งที่พ่อแม่เลี้ยงดูมา สิ่งที่เขาต้องเจอ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ของดินกับพระพายก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ดินพลั้งพลาดทำผิดศีลธรรม ง่ายๆ คือมีเมียน้อย”

เคยคิดไหมว่าถ้าเป็นอาเล็ก เจอเหตุการณ์แบบนี้จะเป็นแบบดินไหม?

อาเล็ก – “ตอนนี้เรามองในฐานะบุคคลที่สาม มองยังไงก็ผิด เราไม่ทำหรอก เพราะทุกคนรู้ดี บรรทัดฐานของสังคมเรื่องไหนถูกเรื่องไหนผิด ตราบใดที่ไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ เพราะฉะนั้นละครเรื่องนี้ จะทำให้คนดูเห็นเหตุผลความเป็นมนุษย์ของแต่ละคนที่เขาประสบเหตุนั้นอยู่ เขาตัดสินใจทำอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่เขาทำมันถูกหรือผิด แต่การตัดสินใจแก้ปัญหาต่างๆ ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน”








Advertisement

“เล็กไม่เห็นด้วยกับการนอกใจ การมีชู้ การมีเมียน้อย การมีแฟนหลายคน แม้กระทั่งยังไม่มีแฟนแต่คุย 2 คนเล็กยังไม่ชอบเลย ไม่เคยทำ ย้อนกลับมาละคร ลมเล่นไฟ ตอนเล็กอ่านเล็กก็ด่าตัวดิน ตัวที่เล็กเล่น แต่นั่นคือตัวเราด่าคนอื่น แต่ตัวดินเขาก็คิดว่าสิ่งที่เขาทำมันมีเหตุผลของเขา”

ทำไมถึงอยากเล่นบทนี้ ทั้งที่บทขัดแย้งกับตัวเอง?

อาเล็ก – “ละครที่เคยเล่นๆ มา บทมีความเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้เคยแอนตี้ ไม่อยากเล่นละครผัวเมีย ฟีลตบตีแย่งชิง ไม่ชอบ ถ้าเลือกได้จะไม่เล่น แต่พออ่านบทเรื่องนี้แล้ว รู้สึกไม่ใช่การ แย่งชิง แต่เป็นเรื่องของสิ่งที่เป็นไปบนโลกนี้จริงๆ ทุกตัวละครมีเหตุผล คนดูจะได้มุมมองเข้าใจคนอื่นมากขึ้น เหมือนเวลาเพื่อนมีปัญหา มันตัดสินใจแก้ปัญหาแบบนี้แล้วเรามองว่าทำไม่ถูก แต่เพื่อนเราก็มีเหตุผลของมัน เป็นเรื่องความจำเป็นที่ต้องตัดสินใจทำแบบนั้นทั้งที่รู้ว่าผิด ละครไทยส่วนใหญ่ทำออกมาให้เห็นว่าสิ่งเหล่านี้คือ เรื่องไม่ถูก แต่เล็กอ่านบทแล้วรู้สึกว่ามันลึกกว่านั้น เพราะเห็นเหตุผล เห็นถึงความเป็นมนุษย์ ทุกคนมีขาวมีดำ เรื่องที่เกิดขึ้นในสังคม บางครั้งเรื่องบุคลิกภายนอก เรื่องหน้าที่อาชีพการงานก็มีผลกับการที่คนจะตัดสินเขา”

เคยเจอประสบการณ์เหมือนในละคร เรื่องการที่มีคนมาแย่งเราหรือเราไปแย่งของใคร?

อาเล็ก – “ไม่เคย (หัวเราะ) อาจจะมีที่เป็นเพื่อนของเพื่อน เป็นแก๊งในโรงเรียน แต่ไม่เคยเกิดขึ้นกับคนที่ใกล้ตัวเรามากๆ การที่เราไม่เคยเจอแล้วรู้สึกไม่ชอบ มันเป็นแค่ความไม่ชอบ แต่ในแง่การแสดง หรือการรับละคร เมื่อก่อนจะรู้สึกแค่แอนตี้เฉยๆ ตอนนี้เล็กมองใหม่ ถ้าได้มองบทดีๆ มันอาจจะมีเรื่องดีๆ เหมือนกัน เราอ่านบทแล้วรู้สึกลึกซึ้ง มันลึกกว่าที่เราคิด”

การตีโจทย์ของบทนี้ เรามองที่อะไร?

อาเล็ก – “ดูว่าคนด่าเราเยอะแค่ไหน เตรียมตัวมาตั้งแต่แรกว่ายังไงก็ต้องโดนด่า ถ้าโดนด่าแปลว่าใช้ได้ ตอนอ่านบทเรายังด่าตัวละครนี้เลย แม้แต่เราที่แสดงยังไม่อยู่พวกดินเลย ซึ่งการเล่นให้คนเกลียดมันง่ายมาก เพราะด้วยตัวบทคนจะเกลียดอยู่แล้ว แต่เล่นยังไงให้คนเข้าใจว่าทำไมดินต้องทำแบบนี้มันยากกว่า จะบอก ว่าดินมีมุมน่าสงสารเยอะ”

มีตอนไหนในใจไหมว่าที่โบว์ไม่สามารถดูได้?

อาเล็ก – “ไม่มี เลิฟซีนเรื่องนี้ไม่ใช่จุดขาย แต่ด้วยละครยุคนี้ค่อยๆ เติบโตพัฒนามาเรื่อยๆ พวกซีนต่างๆ ไม่ใช่แค่เลิฟซีน ต้องมีความสมจริงมากขึ้น หรือทำให้คนดูอินไปกับเรื่องมากขึ้น เลิฟซีนเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทำให้คนอินกับเรื่องราว ซึ่งเลิฟซีนจะมี 2 แบบ เลิฟซีนดินกับพระพายจะแบบหนึ่ง เลิฟซีนดินกับเฟลมจะอีกแบบหนึ่ง มีความแตกต่าง”

เวลามีฉากเลิฟซีน ทั้งเล็กและโบว์กล้าดูไหม?

อาเล็ก – “กล้าดู เพราะเรารู้กระบวนการการถ่ายทำ ความเป็นนักแสดงมันคืออะไร หากมีเลิฟซีนของโบว์เล็กก็กล้าดู แต่คงไม่ได้ไปดูด้วยความจดจ้อง เราก็ดูว่ามันคือซีนนึงของละคร”

อชริญา บุญชู

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน