หลุยส์ – นุ่น แพลนมีลูกให้ทันภายในปีนี้ เผยชีวิตหลังแต่ง 4 ปี เปิดคำต้องห้ามที่พูดเมื่อไหร่มีทะเลาะแน่นอน
นักร้องนักแสดงสุดฮอต หลุยส์ สก๊อต ควงภรรยาคนสวย นุ่น รมิดา มาอัปเดตชีวิตหลังแต่งงาน 4 ปี พร้อมเผยความหวังเรื่องลูกหลังแพลนอยากมีให้ทันภายในปีนี้ และเปิดคำพูดต้องห้ามที่พูดออกมาเมื่อไหร่มีทะเลาะกันแน่นอน ทุกประเด็นในรายการ คุยแซ่บShow Special ที่มี เป็กกี้ ศรีธัญญา และบูม สุภาพร เป็นพิธีกร
เส้นทางความรักของคู่นี้ บอกไม่รู้จะนับยังไงว่าคบกันตอนไหน คืออะไร? หลุยส์ : “เราไม่ได้เริ่มพื้นฐานจีบกันเป็นแฟนกันเลย เรารู้จักกันมาช่วงอาร์เอส เขาก็เคยเป็นนักร้องอาร์สยามเหมือนกัน ผมก็อยู่กับทางอาร์เอสเหมือนกัน เราเจอกันเวลาไปทำงานเหมือนเป็นเพื่อนกันมาก่อน”
นุ่น : “คือเราไม่รู้ว่าเราเริ่มกันเมื่อไหร่ด้วยซ้ำ วันไหนบูม(หัวเราะ)”
อยู่ในเหตุการณ์เหรอ? บูม : “มันเริ่มตั้งแต่ปี 2549 นักร้องคนละสายมันก็ไม่มีทางมาเจอกันอยู่แล้ว จะมาเจอกันได้ยังไง”
หลุยส์ : “ละครไง”
นุ่น : “เล่นรับเชิญซีรีส์ของเขาทั้ง 2 คน”
บูม : “วันที่ถ่ายอยู่ด้วย เขาดีใจมาก(ชี้ทางหลุยส์) เขาอยากให้คนนี้มาเป็นแขกรับเชิญ(ชี้ทางนุ่น) คือมันเป็นซิตคอมแล้วจะมีแขกรับเชิญวนมาเรื่อยๆ ช่วงเวลานั้นเขาก็เริ่มสานสัมพันธ์กัน เริ่มคุยกัน เราก็ดูแล้วว่ามันต้องมีซัมติงแน่ เพราะฉันถ่ายกับเธอมาตั้งหลายสัปดาห์แล้วนะไม่เห็นจะมีอาการแบบนี้เลย แล้วฉากที่ถ่ายคือคุณนุ่นเซ็กซี่ห่อผ้าขนหนูออกมา หลังจากนั้นสปาร์ค รักเกิดขึ้นในกองถ่าย”
นุ่น : “จริงๆ ก่อนหน้านั้นก็มีการคุยนอกรอบ แต่ไม่ได้เจอกัน เราคุยกันเป็นเพื่อนกันจริงๆ นะ แค่ไม่ได้พูดกูมึงกัน จนวันหนึ่งมันตลกตรงที่ว่า หลุยส์ นุ่นไปรับเชิญซิตคอมหลุยส์นะ พอเราไปเจอหน้ากัน คนที่คุยกันนานๆ แล้วไม่ได้เจอกัน แต่เรารู้ว่าคุยอะไรกันไปบ้างแล้วมาเจอหน้ากัน ทำหน้ากันไม่ถูก มันก็เขิน เพราะนั่นคือการเจอกันครั้งแรก เพราะนั่นคือครั้งแรกที่คุยกันแบบนานมาก เพิ่งได้เจอจากการทำงานจริงๆ ร่วมกัน”
ถามจริงๆ ตอนนั้นรู้สึกมั้ย? นุ่น : “ฉันว่าฉันมีใจ ฉันพูดเลย แต่ไม่กล้าฟันธงว่าเขาโทรมาจีบฉัน”
แล้วจุดไหนที่เปลี่ยนมาเป็นแฟน? นุ่น : “นักข่าวถาม ไม่รู้ไปได้ข่าวมาจากไหน มาถามนุ่นก่อนว่า ได้ข่าวว่าคุยกับหลุยส์เหรอ เราก็บอกว่าให้ไปถามหลุยส์แล้วกัน จริงๆ ก็รู้สึกดีนะที่นักข่าวมาถามเพราะมันคุยกันมานานแล้วแต่ยังไม่กล้าถามสถานะ”
หลุยส์ : “ก็ตอบไปตรงๆ ว่าคุยกัน”
นุ่น : “มันโล่งซะที พอนักข่าวรู้เรื่องการที่เราออกไปไหนด้วยกันมันง่ายขึ้น หลังจากนั้นมันก็เริ่มไปกินข้าวกันมั้ย มีการเจอกัน มันค่อยๆ ปรับจากการคุยเป็นเพื่อนจริงๆ”
เวลาเปิดตัวกระแสเป็นยังไง ณ ตอนนั้น ? นุ่น : “ก็โดนทุกอย่างนะตอนนั้น ไม่เหมาะสมไม่คู่ควร เวลาหลุยส์เล่นละครเหมาะกับคนนี้ ไม่ว่าใครก็ตามต้องไม่ใช่นุ่น”
คบกันมาเรื่อยๆ แต่ไม่คิดจะแต่งงาน ? หลุยส์ : “มันเป็นความรู้สึกไม่ได้เจาะจงว่าเราจะแต่งยังไงเมื่อไหร่ เหมือนเราอยู่ด้วยกันแล้วสบายใจไปเรื่อยๆ ทั้งคู่ไม่ได้โฟกัสหรือทักกันเองว่าจะแต่งมั้ย”
เดิมทีไม่มีแพลนว่าจะแต่งแล้วมาแต่ง เกิดอะไรขึ้น ? หลุยส์ : “มั่นใจ เพราะปกติแล้วคนจะบอกว่ามีอาถรรพ์ปีที่ 7 แต่ผมรู้สึกว่าจริงๆ แล้วอาถรรพ์ไม่ใช่ปีที่ 7 หรอก มันคือทุกคนจะเห็นธาตุแท้ของแต่ละคนเวลาอยู่ด้วยกันในคอนโดเดียวกัน บ้านหลังเดียวกัน เราก็จะเห็นพฤติกรรมอยู่เรื่อยๆ ใน 7 ปีนี้แหละที่เราจะเริ่มปล่อยตัวและเป็นตัวเองจริงๆ แล้วคนมันจะไม่ถูกใจกันแล้วยอมรับกันไม่ได้ แล้วมันก็จะเลิกกัน ผมเลยมีความรู้สึกว่ามันผ่านพ้นปีที่ 7 ไปแล้วเราก็ยังเหมือนเดิม เราเลยมั่นใจกับเขา รู้สึกว่าคนนี้แหละ ถึงมันจะใช้เวลานานแต่มันยืนยาวนะ”
นุ่น : “จนวันหนึ่งเสียคุณแม่ คือนุ่นก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องแต่งนะหลังจากคุณแม่เสีย อยู่มาวันหนึ่งเขาถามขึ้นมาว่า แต่งงานกันวันไหนดี อยากแต่งเดือนไหน อยากได้งานแบบไหน เราไปไม่ถูกเหมือนกัน ลึกๆ ในใจคือดีใจ ตอนขอก็ดีใจอยากจะเลี้ยง 5 วัน 7 วันเลยนะ เขาชี้มาว่าแต่งวันไหนดีใจกว่าอีก เพราะว่าความเป็นภรรยามันก็จะมากกว่าความเป็นแฟนอยู่แล้ว เราผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะแล้ว มาถึงงานแต่งก็ดีใจที่เขาขอแต่งงาน แล้วจัดงานแต่งให้ ถึงจะเป็นงานเล็กๆ เราก็แฮปปี้มาก เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เราตกผลึกแล้วว่างานแต่งของเราจะเป็นรูปแบบไหน”
แล้วหลุยส์ทำไมถึงถาม ? หลุยส์ : “หลุยส์ว่ามันถึงเวลา ถ้าเขาไม่ทักเรา เราก็จะรอเวลาแป๊บนึง ถ้ามันนานเกินไปเราก็จะเริ่มถามแล้ว มันก็ด้วยความพร้อมของเราด้วย”
แต่งงานกันมาแป๊บเดียว 4 ปี แล้ว ? หลุยส์ : “ดีครับ”
นุ่น : “มันมากเลยค่ะ (หัวเราะ) พอมาเป็นสามีภรรยามันมากเลยพี่ มันคิดอะไรนอกกรอบกว่าคำว่าเป็นแฟน มันทำอะไรได้มากกว่าเป็นแฟน เป็นสามีภรรยากันต้องวางแผน มีลูก แพลนเที่ยว มันมากกว่าคำว่าแฟน เขาเอาเรามาผูกไปแล้ว ชอบที่เขาเทคแคร์เรามากกว่าคำว่าแฟน เราเห็นภาพที่เขาเปลี่ยน เพราะเราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กหมายถึงว่าวัยรุ่น พอมาเป็นสามี เวลาเขาดูแลเขาก็จะฮาร์ดคอร์ขึ้น ทำอะไรเขาก็จะดูแลเยอะขึ้นกว่าเดิม
จากบางทีเมื่อก่อนนุ่นทำอาหารให้เขาทาน ตื่นมาเขาแอ๊กทีฟกว่าเดิม แอ๊กทีฟกว่าที่เราเป็น เราแต่งงานอาจจะเหี่ยวลง แบบขี้เกียจขึ้น แต่เขาแอ๊กทีฟขึ้น บางทีทำอาหารเช้ามาให้กินถึงบนเตียง แต่ทำแบบนี้บ่อยๆ ก็รู้สึกผิดไง เป็นหน้าที่ฉัน เขาเปลี่ยนไปหมดเลยตั้งแต่หลังแต่งงาน เป็นคนรับผิดชอบ เป็นคนเอาการเอางาน คิดเรื่องธุรกิจจะทำอะไร ซึ่งเมื่อก่อนไม่เป็น”
หลุยส์ : “ของหลุยส์เหนื่อยกว่าเดิมหลังจากแต่งงาน แต่เหตุผลที่เหนื่อยกว่าเดิมมันไม่ใช่เพราะตัวเขา มันเป็นเพราะตัวเราเองที่คิดว่าจากที่เป็นเด็กผู้ชายมาเป็นผู้ชายเต็มตัว ความรับผิดชอบมันอยู่ที่เราแล้ว สร้างความเครียดให้กับตัวเอง เราเป็นผู้นำเป็นเสาหลักแล้ว เราก็ต้องสร้างทุกอย่าง ทุกอย่างมันต้องพร้อม
ถ้าสมมติว่าต่อจากนี้คือการมีลูก การดูแลเขา ไม่อยากให้มีปัญหาที่จะมากระทบ คือวันนี้ไม่มีปัญหา หลุยส์จะเอาปัญหาของ 5 ปีมาเคลียร์ แต่ใน 5 ปีนี้มันจะเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ เราอายุมากขึ้นเราไม่อยากที่จะเป็นภาระนาง กีฬาที่มันผาดโผนผมก็ไม่เล่น ขี่มอเตอร์ไซค์ผมก็ขี่น้อยลง ขี่ข้ามประเทศก็ไม่แล้วเพราะเขาเองก็เตือนเหมือนกัน ก็เสียวเหมือนกันว่าจะเป็นอะไรไป”
นั่งรถกับคุณหลุยส์ สก๊อต มีคำต้องห้าม ทำไมมันถึงต้องเงียบ ? หลุยส์ : “มันก็ไม่ถึงต้องเงียบหรอก เราเป็นคนชอบขับรถไปต่างจังหวัดบ่อย วันหนึ่งบางครั้งก็ 10 ชั่วโมง 12 ชั่วโมง แต่มันก็มีหลายเหตุการณ์ที่เหมือนจะเกิดอุบัติเหตุ”
นุ่น : “เราคิดว่าเราอยู่ในจุดของเรา มันก็จะมีอะไรที่ตัดไปตัดมา หนูก็จะหันไปถามเขาว่า ยูไปกวนอะไรเขาหรือเปล่าเนี่ย เขาก็บอกว่าไอขับมาตรงๆ ของไอเลย บนถนนก็จะมีคำว่าเพี้ยนขึ้นมาเนอะ เหมือนเขาไม่ชอบว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมมาดุเขาก่อน บางทีต้องเบรกกะทันหัน บางทีเราก็ลืมตัวมัวแต่กดโทรศัพท์ เงยหน้าอีกทีมันใกล้เรา เฮ้ย !”
หลุยส์ : “ไอ้นี่ก็ตกใจไง”
นุ่น : “หรือบางอย่างเขากำลังขับอะไรสักอย่างแบบอันตรายหน่อย เราหันไปบอกว่า “เบ๊บใจเย็น” เขาก็บอก “ยูไม่พูดคำนี้กับไอได้ไหม มันไม่ช่วยอะไรเลย” แต่มันก็ไม่ได้ดุขนาดนั้นนะ”
ฉันบ่นก็โดน บอกให้ใจเย็นก็โดน ฉันเงียบดีสุด? นุ่น : “แต่การเงียบของนุ่นเขารู้ว่าคือการงอน เขาเป็นคนเรียนจิตวิทยาศาสตร์มนุษย์มา เขาจะรู้วิธีที่เราพูดมันทายถูกหมดเลย เหมือนเขารู้หมดเลยว่าเรารู้สึกอะไรหลังจากที่เราพูดออกไปหรือหลังจากที่เขาพูดตอกกลับเรามา นี่คือการเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกัน พยายามคิดในใจว่าอย่าไปสะกิดนาง ให้นางพูดไป”
คำว่า ใจเย็นๆ มีอะไรอีกที่ห้ามพูดอีก? นุ่น : “สู้ๆนะ เวลาขับรถเหนื่อยๆ สู้ๆนะ ไม่ช่วย(หัวเราะ) หรือแบบทำไมยูขับรถแบบนี้ ไม่ใช่ห้ามตำหนิ คือตำหนิได้ถ้าสถานการณ์นั้นผิดจริงๆ อันไหนที่เบรกแบบใกล้ชิดมากแล้วเขารู้ว่าเขาผิดจริง เขาจะหันมาบอกซอรี่”
หลุยส์ : “บางครั้งมอเตอร์ไซค์มันตัดหน้า เราอยู่บนถนนเยอะ 7-8 ชั่วโมง มันมีอะไรที่มันแปลกๆ มาค่อนข้างเยอะ แต่บางครั้งเขาก็ไม่ได้มอง เห็นมอเตอร์ไซค์จะตัดก็รีบเบรก แตะเบรกปุ๊บเขาตกใจ เขาบอกใจเย็นๆ ความจริงเราก็ใจเย็นอยู่แล้ว มันเหมือนกับเรายังไม่ได้ขึ้น มันทำให้เราขึ้นมากกว่า”
อันนี้เข้าใจได้ แต่คำว่าสู้ๆ นะ มันเป็นกำลังใจนะ ? หลุยส์ : “ไม่ได้มีปัญหากับคำนั้นหรอก เวลาบอกสู้ๆ เราสู้อยู่แล้วมันเป็นเหตุผลที่เราขับอยู่นี่ไง เป็นการให้กำลังใจมันก็ใช่ แต่ว่าถ้าผมเหนื่อยจริงๆ ผมก็ยังจะขับอยู่ดีหรือขอพัก เขาก็ถามตลอดไหวมั้ย สลับกันขับมั้ย”
นุ่น : “คำพวกนี้มันเป็นจิตวิทยาที่มันไม่ได้ช่วยจริงๆ เหมือนบางทีเราเหนื่อยอยู่แล้วบอกสู้ๆ นะ สู้อะไร สู้อยู่ไง แต่ถ้าเหนื่อยมั้ย เอาอะไรมั้ย”
หลุยส์ : “เออแบบนี้ เหมือนเป็นห่วงเรา”
นุ่น : “หลังๆ เวลาอยู่กับเขาจะต้องคิดก่อนพูด”
เป็นคู่ที่ตัวติดกันตลอดไหม ? หลุยส์ : “ติดตลอดครับ”
นุ่น : “ติด ถ้าเรารับละครทั้งคู่ก็จะตัวติดกันไม่ได้ แต่ถ้าช่วงไหนที่เราเบรก หลุยส์ถ่ายละคร นุ่นไม่ได้ถ่าย คนก็จะเจอนุ่นทุกวันตี 5 ก็จะเจอนุ่น รมิดา ไปกับหลุยส์ สก๊อต ตลอด”
ที่ไปคือไปคุมหรือเปล่า หึงมั้ย ? นุ่น : “ถ้าพูดว่าไม่หึงเลยมันเป็นไปไม่ได้ ช่วงแรกๆ นุ่นต้องปรับความเข้าใจกับตัวเองเยอะ เรา 2 คนโตมาจากรากฐานที่ไม่เหมือนกัน เขาโดนเลี้ยงแบบฝรั่ง เราไทย 100% พอมาอยู่กับเขา มันเป็นเรื่องของการทำงานด้วย นุ่นเคยถามด้วยนะว่าทำไมยูต้องเข้าไปคุยกับคนนี้บ่อยจัง เขาบอกว่า ไอแค่อยากให้เขารู้สึกว่าเวลาเล่นเข้าซีนกันไอไม่อยากให้เขาพูดแค่ประโยคเขา อยากให้เขารู้สึกสบายใจ คุยได้ทุกอย่าง มันก็เลยไม่ค่อยมีปัญหา พอเราจะคิดว่าหลุยส์คิดอะไรกับคนนี้ปะ ไม่ นี่คืองาน มันก็เลยไม่ค่อยมีปัญหา เวลาเขาเล่นเลิฟซีนเราก็มีความเข้าใจแค่ไม่ต้องไปดูตรงนั้นก็พอ”
แล้วพี่หลุยส์ หึงหรือหวงพี่นุ่นไหม ? หลุยส์ : “หึงอยู่แล้วนะ อาการจะนิ่งๆ เขาก็จะรู้ เพราะว่าเราเองก็รู้ว่ามันเป็นแค่ความคิดของเราเท่านั้นแหละ เราก็มั่นใจในตัวเขา”
นุ่น : “เราเป็นอากาศเวลาเขาหึง”
กรณีไหนที่จะทำให้คุณหลุยส์ สก๊อต หึงได้ ? นุ่น : “ไปเที่ยวในดงฝรั่งค่ะ เขาจะชะเง้อดูตลอด”
หลุยส์ : “ความจริงแล้วเราไว้ใจนุ่น แล้วฝรั่งหลุยส์รู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เข้ามาคุยแล้วมาเฟรนด์ลี่ มาคุยด้วยมันปกติ แต่ผู้หญิงจะต้องพูดว่า ฉันแต่งงานแล้วนะ แล้วหลุยส์อยากให้เขาเป็นอย่างนั้นไง ให้เขาตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ถ้าใกล้ไปก็ต้องลุกมาเคลียร์ว่าใกล้ไป”
นุ่น : “เราเป็นคนไทย เราไนซ์ไง เราก็อยากสปีคอิงลิช”
หลุยส์ : “แต่ถ้าคนไทยเขาก็จะเขินกว่าไง หรือถ้าเขารู้เขาก็จะไม่ยุ่ง”
ขี้หึงมั้ย ? นุ่น : “จริงๆ เท่ากัน แต่นี่จะหึงแล้วเก็บแล้วก็ค่อยๆ เปลี่ยนอารมณ์ตัวเอง แต่ถ้าเขาหึงเขาจะชัดเจนเลย เขาไม่ได้ตะคอกหรือชวนทะเลาะ แต่มองเราเป็นธาตุอากาศ แต่เราไม่เคยไปถึงขั้นที่ทะเลาะกันเพราะเรื่องคนอื่น”
เป็นคนกลัวเมียใช่ป่ะ ? นุ่น : “เขาเป็นคนเกรงใจ เขาไม่ได้กลัวหรอก”
หลุยส์ : “กลัวก็มีนะ”
นุ่น : “จริงๆ หลังบ้านเขาดุนะ ดุกว่านุ่น นุ่นกลัวเขามากกว่าที่คิดว่าเขากลัวนุ่นนะ เวลาเขาดุขึ้นมาเขาค่อนข้างดุ”
การใช้เงินใครที่สุรุ่ยสุร่าย ใครที่รอบคอบ? นุ่น : “ถ้าสุรุ่ยสุร่ายก็น่าจะเป็นนุ่นค่ะ หนักไปที่เสื้อผ้า ออเดอร์ออนไลน์ที่บ้าน แต่เราจะเป็นคนชอบซื้อของตกแต่งบ้านหรือทำความสะอาดบ้าน เพราะว่าชอบอยู่บ้าน อยากทำให้บ้านตัวเองสะอาด เราก็เลยเหมือนใช้เงินตลอดเวลา แต่ไม่ได้เป็นหลักหมื่นนะคะ ร้อยกว่าบาท แต่อย่างของเขา เขาเก็บเงินตั้งแต่เด็กแล้ว”
หลุยส์ : “ความจริงใช้เงินน่ะใช้ แต่ว่าจะซื้ออะไรที่เป็นกอบเป็นกำเป็นชิ้นเป็นอันเลย ตั้งแต่เด็กชอบเรื่องที่ดินก็จะเริ่มซื้อเก็บที่ดิน ขายตรงโน้นซื้อตรงนี้ไปเรื่อยๆ เป็นการใช้เงินเยอะแต่ว่ามีความมั่นคงของที่มันจะไม่เสี่ยงสูญเสีย หรือจะไม่ค่อยซื้ออะไรเล็กๆ น้อยๆ”
ของขวัญล่าสุดที่มอบให้กับนุ่น ? นุ่น : “ก่อนวันเกิดเขาบอกว่า ไอจะซื้อรถให้ยู เราดีใจมาก แต่ก็ไม่กล้าอะไรมาก แล้วเขาก็บอกว่าเดี๋ยวไอต้องไปต่างจังหวัด กลับมาอีกทีนึง ไอซื้อรถให้ยูแล้วนะ จริงเหรอ บ้า พอเอาให้ดู รถ 22 ปี รถมันผ่านมาแล้ว 22 ปี ซื้อให้หนูเป็นชื่อหนู ใช่เหรอหลุยส์ เขาก็เล่าแพลนให้ฟังว่า ไอจะเอามาทำใหม่ให้ยูหมดเลย ถอดรถทั้งคันหรือแค่คานข้างล่าง เราก็เชื่อใจเขาเนอะ พอเขาทำเสร็จก็นั่งสบาย เท่ห์ มันมีความเป็นเอกลักษณ์ ขับแล้วมีความเป็นสไตล์เราเลย แต่ก็จะมีคำนึง ยูขับนะ มันคันใหญ่แต่ว่านั่งสบายจริง ทุกวันนี้ก็ใช้รถคันนั้นประจำที่บ้านเลยนะ รถ 22 ปีของหนูอ่ะ”
จริงๆ เราอยากได้เป็นชื่อเราเอง แล้วเรากลัวโดนว่าหรือเปล่า ? หลุยส์ : “(หัวเราะ) เราเหมือนกับเราจะใช้ร่วมกันอยู่แล้ว อยากได้รถที่วิ่งออกต่างจังหวัดโดยตรง”
เราถามความต้องการเขามั้ย ? นุ่น : “หึ”
หลุยส์ : “แต่นางชอบสุดนะคันนี้”
เตรียมที่จะมีเบบี๋กัน ? นุ่น : “อยากมีภายในปีนี้ ลองปล่อยแป๊บนึงแล้วก็ไม่ติด ก็เลยรู้สึกว่าฉันมีปัญหาอะไรหรือเปล่าก็เริ่มเช็ก เริ่มเก็บไข่ตั้งแต่อายุ 38 ทุกวันนี้ก็ยังตามกระบวนการนั้นอยู่”
ขั้นตอนในการเตรียมตอนนี้ไปถึงไหน ? นุ่น : “จริงๆ ถ้านุ่นพร้อม ดูแลภายในเสร็จนุ่นวางตัวอ่อนได้เลย เราแค่อยากเผื่อ นุ่นก็อายุเยอะ 40 แล้ว การใส่ตัวอ่อนก็ไม่ได้หมายความว่าจะติดทันที ถ้ามันไม่ติดล่ะ นุ่นจะได้มีเผื่อสำรองให้ได้ใส่อีก”
ตอนนี้มีไข่ไว้กี่ใบ ? นุ่น : “ไม่เยอะมาก แต่มีเผื่อเหลือเผื่อใช้ แต่อยากมีเผื่อเหลือเผื่อใช้อีก แล้วอยากมีตัวสวยๆ”
มีอารมณ์สวิงมั้ยตอนฝากไข่ ? หลุยส์ : “มันก็ต้องมีอยู่แล้ว เพราะเราก็ไปเกี่ยวข้องกับตัวฮอร์โมนของมันอยู่แล้ว เขาเป็นคนที่ค่อนข้างเป๊ะด้วย เขาจะมีอารมณ์ที่แบบไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากจะทำระดับหนึ่ง แล้วมาเจอฮอร์โมนที่เขาไม่คุ้นเคยที่เพิ่มเข้าไปอีก มันก็จะมีนิดนึง”
นุ่น : “เขาพยายามจะเลี่ยงเราให้กระทบกระทั่งน้อยที่สุด”
ถ้าไม่เป็นไปตามแผนเราได้เผื่อใจไว้บ้างมั้ย ? หลุยส์ : “I have You”
นุ่น : “ไม่มีใครเราก็ยังมีกันและกัน”
คุณสามีอยากบอกอะไรคุณภรรยา ? หลุยส์ : “อยากขอบคุณเขา เพราะที่ผ่านมามันไม่ได้เป็นถนนที่เรียบมาก มันขรุขระกันมากว่าเราจะมาถึงวันนี้ได้ หลุยส์จะพยายามทำให้มันเรียบได้มากที่สุด เท่าที่ได้ในอนาคต หลุยส์เรียนรู้เขาและรู้จักเขามากขึ้น จะทำหน้าที่สามีให้ดีที่สุดครับ”
คุณภรรยาอยากบอกอะไรคุณสามี ? นุ่น : “ต้องขอบคุณเขาเหมือนกันค่ะ เพราะว่าเราอยู่ในโลกเล็กๆ ของเรามานานมาก วันหนึ่งพอเรารู้จักเขามันมีความรู้สึกว่าโลกมีอะไรอีกเยอะที่จะต้องเรียนรู้ เราไปตัดสินคนคนหนึ่งไม่ได้ เราต้องเปิดใจในการรู้จักคน รับฟังคนอีกเยอะมาก การเปลี่ยนแปลงตัวเองก็ค่อนข้างจะเยอะเวลาอยู่กับเขา มันเป็นการผลักดันตัวเองให้อยู่ในจุดที่คู่ควรกับเขา การอยู่ร่วมกันกับหลุยส์เราต้องเป็นคนอึดมาก เพราะว่าไม่ว่าอะไรก็ตามเราต้องฝ่าฟันไปด้วยกัน”.
คลิปสัมภาษณ์