ฟีเวอร์หนักมาก สำหรับละคร “บุพเพสันนิวาส” ทางช่อง 3 นอกเหนือจากตัวนางเอก ‘เบลล่า’ราณี แคมเปน แล้ว พระเอกอย่างหนุ่ม ‘โป๊ป’ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ ก็เปรี้ยงปร้างไม่แพ้กัน
ไปไหนมาไหนตอนนี้มีแต่คนเรียก “ท่านหมื่น” หรือไม่ก็ “คุณพี่” ตัวละครในเรื่อง

วันนี้ข่าวสดบันเทิงออนไลน์ ขอแยก ท่านหมื่น กับ แม่หญิงการะเกด สักวัน เพื่อเปิดใจท่านหมื่น มาให้บรรดาออเจ้าได้สัมผัสถึงตัวตน


๛“บุพเพสันนิวาส” ตอนนี้ฟีเวอร์มาก แฟนๆ เปลี่ยนคำเรียกชื่อเราด้วย?
โป๊ป – “ครับ เปลี่ยนเลย เมื่อก่อนจะเรียกคุณชายกันหมด รวมถึงคนในกองด้วย แต่เดี๋ยวนี้คนในกองจะเรียก ท่านหมื่น คุณพี่ พูดว่าเดี๋ยวบ่าวทำนู่นนี่ให้ แค่สี่วันทุกคนพูดแบบนี้กันหมด เป็นยังไงออเจ้าท่านหมื่น ส่วนใหญ่คนทำงานในกองจะไม่ค่อยพูด ถ้าเรื่องไหนคนทำงานพูดถึง แสดงว่าเรื่องนั้นทั่วถึงจริงๆ เพราะคนทำงานเขาเห็นงานมาเยอะ ไม่ค่อยพูดกันหรอก ผมก็ทำงานมาเยอะ มีแต่ คุณชายปวรรุจ กับ สามีตีตรา ที่สามารถที่จะพูดได้ แล้วก็มาเรื่องนี้เลย 5-6 ปีแล้ว ก็ไม่คิดว่าคนจะพูดถึงกันเยอะมาก”
“ผมเองเป็นคนที่มีละครตลอด ไม่ค่อยหาย แต่ว่ามาแล้วจะปังหรือเปล่าเท่านั้นเอง อย่าง ‘พ่อยุ่งลุงไม่ว่าง’ คนจะบอกละครตลก แต่เรื่อง ‘บุพเพสันนิวาส’ คนจะพูดว่าละครสนุกมาก อยากกินพ่อเดชมาก(หัวเราะ) แล้วในไอจีมีคนเข้ามาคอมเม้นต์เยอะมากขึ้น เป็นคนหน้าใหม่ๆ ที่เห็นๆ ในเฟซบุ๊กก็เยอะ เห็นแล้วก็ดีใจ มันก็ดีทำให้คนหันมาดูละคร และความรู้สึกแบบนี้ของช่อง 3 ไม่ได้รู้สึกมานานแล้ว การที่มาเม้าท์กันในโซเชียล เราไม่ค่อยเจอ”


๛ตื่นเต้นไหม?
โป๊ป – “ผมเฉยๆ เห็นความดังแล้วก็หายเหนื่อย ผมดีใจกับช่อง3 และดีใจกับพี่หน่อง(อรุโณชา) ดีใจกับเพื่อนๆ นักแสดงทุกคน เพราะทีมนี้เหมือนครอบครัว ถ่ายกันมานาน ฟันฝ่าอะไรกันมาเยอะ ทั้งตลก ทั้งด่ากัน ทั้งเม้าท์กัน มีทุกอย่างในกองนี้ มันเลยสนิทกัน เราเลยดีใจที่เห็นเบลล่า(ราณี) ผู้กำกับ(ใหม่-ภวัต) พี่หน่อง หรือนักแสดงทุกคนมีความสุขกับสิ่งที่เขาเหนื่อยมา”
๛เสน่ห์ของละครเรื่องนี้อยู่ตรงไหน?
โป๊ป – “อยู่ที่ความเป็นไทย คนเขียนบทเขียนละเอียด คนดูดูแล้วเชื่อ อย่างออเจ้า เขาก็จะได้รู้ว่า อ๋อ สมัยก่อนเรียกว่า ‘ออเจ้า’ เหรอ หรือว่า ‘เพลาชาย’ คือเวลาอะไร มันเป็นข้อมูลจริงๆ แล้วกิริยาผู้หญิงเขาไม่ทำกันแบบนี้ กิริยาเลว เขาใช้คำแบบนี้ คนฟังแล้วสะดุ้ง ตรงนี้ต้องชมคนเขียนบทที่เขียนแล้วมันถึงใจคนดู ทุกอย่างมันลงตัว”


๛เรื่องนี้ถือว่าเปลี่ยนบทบาทเยอะไหม?
โป๊ป – “จริงๆ ผมลืมไปแล้วว่าเล่นอะไรบ้าง เพราะมันนาน ผมถ่ายมา 1 ปี 8 เดือน อีกครึ่งปีถึงจะได้ออน ดังนั้นรวมแล้วนานถึงสองปีกว่า ผมลืมไปหมดแล้ว เท่าที่จำได้ก็จะเล่นหวานๆ นิ่งๆ พอได้ย้อนดู เราปากร้ายขนาดนี้เลยเหรอ ด่าไฟแล่บ ตอนแรกถึงไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนบอกว่าเราเปลี่ยนไป แต่พอไปดูแล้วมันเปลี่ยนตรงแววตา มันไม่ใช่พระเอ๊กพระเอก เป็นผู้ชายปากร้ายด่านางเอก แต่ด้วยความที่มันเป็นคอมเมดี้ ด่าจริงๆ แต่ไม่ได้โกรธหรอก นี่คือเสน่ห์อีกอย่างของคนเขียนบท และการตีความของผมด้วย”
๛แล้วเราตีความตัวละครนี้อย่างไร?
โป๊ป – “ตอนแรกเล่นฉันเกลียด ฉันโกรธนางเอก เล่นชั้นเดียวไป เพราะเห็นแบ็กกราวด์ของผู้หญิงคนนี้ว่าเลวจริงๆ ไม่มีคุณธรรม เห็นนางเอกซ้อมบ่าว ด่าบ่าว ด่าแม่ด่าพ่อเรา เราก็เล่นไปตามที่เราเห็น แต่ช่วงหลังเราได้เห็นความดี มันเริ่มน่ารัก คือตรงนี้เริ่มยาก เพราะเราเล่นเกลียดอยู่ แต่ในใจลึกๆ ชอบนางเอกแล้ว ต้องเล่นสองแบบ ชอบแต่ต้องเก็บไว้ ก็เลยกลายเป็นขี้เก๊ก ผมลงไอจีไปถามว่าคิดว่า พ่อเดช เป็นคนอย่างไร คอมเม้นต์กันมาเยอะมาก ปากร้ายแต่ก็น่ารัก(หัวเราะ) คือถ้าเกิดคนดูดูแล้วทำให้เขาอินกับเวลาที่เราเล่นตีความ มันก็ผ่าน แสดงว่าเราก็ตีความไปถูกทาง”


๛เรื่องนี้มีฉากถอดเสื้อเยอะเลย?
โป๊ป – “เยอะที่สุดเท่าที่เคยเล่นละครมา ไม่ได้คิดว่าเป็นการให้กำไรคนดู แต่ที่ต้องถอดเสื้อเพราะมันเป็นวิถีชีวิตของเขา แต่บางช่วงเราก็หุ่นไม่ดี ไม่ฟิต พี่ใหม่ผู้กำกับก็ให้ใส่เสื้อบ้าง ลอยชายบ้าง ช่วยบ้าง พอมีซีนไหนต้องถอดเสื้อก็จะมาบอกก่อน ผมก็โอเคขอฟิตก่อน ลดอาหารสักสองอาทิตย์ ตอนนั้นฟิตเยอะ ข้าวกินน้อย มันหมูไม่ได้ ขนมหวานงดเลย โหดมาก ต้องเข้าฟิตเนสทำทุกอย่าง ผมพูดกับพี่หน่องว่าผมทำเพื่อเรื่องนี้เลยนะ เพราะต้องถอดเสื้อ ผมเล่นละครไม่เคยถอดเสื้อ ถอดน้อยมาก หรือถ้าถอดก็เห็นแค่ครึ่งเดียว เพราะผมอาย แต่พอมาเรื่องนี้เป็นเรื่องราวแบบนี้ คนโบราณเป็นแบบนี้ เป็นวิถีชีวิต ถ้าไม่ถอดก็คือไม่ต้องเล่น ถ้าเล่นก็ต้องถอด ต้องแลกกัน(หัวเราะ)”
๛ที่พูดก่อนหน้านี้ว่ากระแสละครมีเกิดเดี๋ยวก็ต้องมีไป คือสิ่งที่เรายึดเหนี่ยวไว้ใช่ไหม?
โป๊ป – “ถูกต้องครับ ตั้งแต่เข้ามาก็มีสัจธรรมเหมือนกันว่า มีขึ้นก็ต้องมีตรงกลาง แล้วก็มีหายไป เราก็รู้ว่าวันนึงเราต้องมาในรูปแบบนี้ ตั้งแต่เล่น ‘ดอกส้มสีทอง’ แต่ตอนนี้ที่เห็นภาพชัดเพราะเราได้เจอกับตัวเอง เคยมีคนให้ความสนใจ มีงานเข้ามา อีเวนต์เยอะ แฟนคลับเยอะ พอช่วง 3-4 ปีหลังนี้ก็นิ่ง งานมี อีเวนต์ยังมีอยู่ แต่เริ่มนิ่ง เริ่มเงียบ ไม่มีใครพูดถึง ตอนนี้ก็กลับมาอีก ความรู้สึกก็เหมือนเดิม มันก็เลยทำให้ผมรู้สึกว่าสิ่งที่เราคิดตั้งแต่แรกมันถูกต้อง มันเป็นเรื่องจริง เรารู้แล้ว เห็นด้วยตา เจอด้วยใจ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เลยไม่สนใจมันกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมก็รู้ว่าอีกสักปีสองปีมันก็หายไป”


๛ตอนที่ดังมากๆ อยู่ๆ เราก็มานิ่ง ปรับความรู้สึกยังไง?
โป๊ป – “เราก็ทำงานเราไปเรื่อยๆ แต่บางทีก็มีคิดว่าเราเงียบ แต่เราก็เอาธรรมะมาสอนให้โฟกัสได้ถูกจุด เราทำงาน อยู่กับเพื่อน อยู่กับครอบครัว เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เดี๋ยวมีผลงานออกมา มันก็มีขึ้นมาอีก แต่วันนึงถ้าเกิดไม่มีละครจะทำยังไงรู้สึกอะไร คิดว่าถ้าเราทำดีคิดดี เดี๋ยวมันก็มีอะไรดีๆ เข้ามา ไม่ต้องกลัวอะไร”
๛เคยว่างจากการถ่ายละครไหม?
โป๊ป – “ทำงานกับช่อง 3 มา 8 ปีไม่เคยว่าง แต่ที่เห็นว่าบางทีหายไปเพราะบางเรื่องถ่ายช้า ผมเป็นคนโชคดีได้งานละเอียดถ่ายนานทุกเรื่อง ละครแต่ละเรื่องอย่างน้อยต้องผ่าน 8 เดือน จนมาถึงเรื่อง ‘บุพเพสันนิวาส’ หนักที่สุดในชีวิตเหมือน เท่ากับถ่ายสองเรื่อง แต่ทุกวันนี้ก็ต้องบอกว่าคุ้ม”


๛สำหรับเรา รู้สึกว่ามันเปลี่ยนแปลงไปเยอะไหม ตั้งแต่เข้าวงการมา?
โป๊ป – “เปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว ตัวผมเองก็เปลี่ยนไปเยอะ ในเรื่องประสบการณ์การทำงาน ความเก่าเกมในการเข้าสังคม หรือแม้กระทั่งการเข้าฉากละคร เพื่อนร่วมงาน วิธีคิดทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด เราทำงานเรารู้หน้าที่ว่าเราต้องทำอะไร เราทำได้แค่ไหน เราควรมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นอย่างไร แรกๆ เข้ามาไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไร ผมว่านักแสดงรุ่นใหญ่ทุกคนก็เป็นเหมือนผมกันมาก่อน”
๛วางแผนชีวิตตัวเองและในวงการยังไงบ้าง?
โป๊ป – “อยากเล่นละครไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดพลังแล้ว แก่แล้ว ถ้าเป็นตัวนำไม่ได้ก็เปลี่ยนบทบาทไปเล่นบทอื่น ไม่ได้ยึดติดว่าต้องเป็นพระเอก แต่ตอนนี้อาจจะยึดติดเพราะยังเล่นได้อยู่ ส่วนธุรกิจผมกำลังจะทำเรื่องเกี่ยวกับข้อเข่า ทำเป็นพวกอาหารเสริมเป็นวิตามินรวม ตอนนี้กำลังจะเริ่ม ที่ทำเพราะจะได้ไม่ว่าง หาอะไรให้ตัวเองทำจะได้มีอะไรคิด มีอะไรทำเรื่อยๆ ครับ”
////////////////

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน