วันที่ 3 พ.ย. ที่สตูดิโอกรุงเทพ ถ.แจ้งวัฒนะ สมาคมศิลปินตลก(ประเทศไทย) นำโดย ถั่วแระ เชิญยิ้ม , เด่น ดอกประดู่ , ดู๋ ดอกกระโดน , เด๋อ ดอกสะเดา , เพชร ดาราฉาย , โย่ง เชิญยิ้ม , นงค์ เชิญยิ้ม , โหน่ง ชะชะช่า , เท่ง เถิดเทิง , ชูษี เชิญยิ้ม , กระรอก เชิญยิ้ม , หยอง ลูกหยี , นก วนิดา , หน่อย เชิญยิ้ม , กิ๊ฟ ชวนชื่น , แจ๊ค เชิญยิ้ม , ษา-วรรณษา ทองวิเศษ , ชายแฮ็คส์ สุทธา ทวีศรีธนโชค , ซีแนม สุนทร , หญิง อภิสรา รักชาติ , อี๊ด โปงลางสะออน เป็นต้น ร่วมพิธีแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมกับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี
หลังจากนั้นศิลปินตลก นักร้อง และนักแสดง ร่วมถ่ายทำมิวสิกวิดีโอเพลง “พระราชบิดา” และเพลง “ทูลกระหม่อมพ่อ” เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีในสถาบันและรำลึกพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
สำหรับเพลง “พระราชบิดา” ขับร้องโดย ชูษี เชิญยิ้ม คำร้องโดย อ.ไพฑูรย์ ขันทอง , อ.มะลิ กองสุข ดนตรีโดย อ.นิด/ปฏิพล เหมวรานันท์ ส่วนเพลง “ทูลกระหม่อมพ่อ” ขับร้องโดย บูม-ชญาภา พงศ์สุภาชาคริต คำร้องโดย อ.ปรีดา แก้วกนก ดนตรีโดย อ.สมหมาย เทียนชัย
ถั่วแระ เชิญยิ้ม กล่าวว่า “วันนี้ทางสมาคมศิลปินตลก(ประเทศไทย) รวมถึงนักร้องและนักแสดงทุกแขนง ร่วมกันรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อเป็นการไว้อาลัยและแสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน นอกจากจะมีพิธีแสดงความอาลัยแล้ว วันนี้ยังมีการถ่ายทำมิวสิกวิดีโอเพลง ‘พระราชบิดา’ และเพลง ‘ทูลกระหม่อมพ่อ’ ด้วย เกิดจากการปรารภของเพื่อนสมาชิกว่าตั้งแต่ครั้งที่สมเด็จย่าและพระเจ้าพี่นางเธอฯ สิ้นพระชนม์ ทางสมาคมฯ ได้แต่งเพลงไว้อาลัยมาโดยตลอด พอมาถึงการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในนามของสมาคมฯ ก็คิดว่าน่าจะทำเพลงขึ้นมาอีก ซึ่งได้ อ.ไพฑูรย์ ขันทอง หรือ ดาร์กี้ และ อ.ปรีดา แก้วกนก หรือ ทองเปีย ซุปเปอร์โจ๊ก เป็นคนแต่งคำร้องในเพลง ‘พระราชบิดา’ และเพลง ‘ทูลกระหม่อมพ่อ’ ตามลำดับ นอกจากนี้ได้นักร้องที่มีน้ำเสียงไพเราะอย่าง ชูษี เชิญยิ้ม และ บูม-ชญาภา ลูกสาวของชูษี มาขับร้อง”
ชูษี เชิญยิ้ม กล่าวว่า “เพลง ‘พระราชบิดา’ ที่ผมร้องเป็นเพลงที่มีคำราชาศัพท์เยอะมาก ก่อนที่จะร้องเพลงนี้ผมเครียดมากถึงขั้นนอนไม่หลับกลัวว่าตัวเองจะทำออกมาได้ไม่ดี วันที่จะมาเข้าห้องอัดเสียงแห้งจนร้องไม่ได้ ตอนนั้นต้องจุดธูปบอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทย บอกเสด็จพ่อรัชกาลที่ 5 บอกในหลวงรัชกาลที่ 9 บอกราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ว่าขอให้ร้องเพลงผ่านไปได้ด้วยดี จากนั้นผมก็ไปวิ่งรอบห้องอัดเพิ่มความฟิตให้กับร่างกาย พอกลับมาอีกทีสามารถร้องได้รวดเดียวจบ แต่ว่าก็ต้องมีการแก้ไขซ่อมคำบางคำที่ออกเสียงอักขระควบกล้ำไม่ชัดเจน อีกอย่างด้วยเนื้อหาของเพลงฟังแล้วจะร้องไห้ ผมจึงคิดว่าถ้าจะร้องก็จะร้องไห้สุดไปเลย แต่พอตอนบันทึกเสียงจะไม่ร้องไห้เด็ดขาด เพราะนักร้องมีหน้าที่ถ่ายทอด ส่วนคนฟังเมื่อเขาฟังแล้วจะซาบซึ้งใจและร้องไห้ด้วยตัวของเขาเอง”
“เพลงพระราชบิดาที่ผมร้อง ผสมทั้งดนตรีไทยและดนตรีสากล ตอนแรกก็ปรึกษากับทางพี่ถั่วแระว่าถ้าเกิดจะใช้ปี่มอญเข้ามาในเพลงกลัวว่าจะไปชนกับเพลงทูลกระหม่อมพ่อที่น้องบูมร้อง เลยเลือกเอาเครื่องดนตรีที่พระองค์ท่านทรงโปรดคือแซกโซโฟนทั้งตระกูลโซปราโนและอัลโต้ใส่เข้าไปด้วย แต่ถ้าเป็นเพลงทูลกระหม่อมพ่อจะเป็นวงดนตรีไทย(เครื่องมอญหรือเครื่องนางโหง)ทั้งเพลง” ชูษีกล่าว
บูม-ชญาภา กล่าวว่า “รู้สึกปลาบปลื้มและตื่นเต้นที่ได้มีโอกาสร้องเพลงนี้เพื่อระลึกถึงพระองค์ท่าน ตอนแรกกลัวว่าจะทำได้ไม่ดีพยายามปรึกษาพ่อและแม่ว่าร้องออกมาแบบนี้ดีไหม ซึ่งก็ต้องแก้แล้วแก้อีกเพื่อให้ออกมาดีที่สุด เพลงนี้ค่อนข้างร้องยากแต่บูมก็พยายามอินกับเนื้อหาของเพลงให้มากที่สุด ขณะที่ร้องก็นึกถึงพระองค์ท่าน นึกถึงความโศกเศร้าของประชาชนและของตัวเองด้วย เพราะในวันที่ 13 ต.ค.59 สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์เรื่องการสวรรคตของพระองค์ท่าน ตอนนั้นบูมก็เสียใจอย่างมาก ย้อนนึกไปถึงวันนั้นแล้วทำให้สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกออกมาได้ ต้องบอกก่อนว่าตอนแรกที่เลือกให้บูมเป็นคนร้องเพลงนี้ บอกว่าไม่ให้บอกพ่อ ซึ่งพ่อก็ไม่รู้จริงๆ แต่ว่าพอใกล้วันที่จะต้องเข้าห้องอัด บูมก็อัดคลิปร้องเพลงส่งไปให้พ่อดูทางไลน์ว่าประมาณนี้ได้ไหม เพราะว่าพ่อเข้าใจเพลงได้เก่ง โดยเฉพาะวิธีการเอื้อนเพราะบูมชอบร้องติดสำเนียงแบบใช้นาสิกมากเกินไป รวมถึงพ่อจะย้ำว่าเวลาร้องเพลงอย่าร้องไห้ เพราะเดี๋ยวจะทำให้เสียอารมณ์ของเพลง ถ้ารู้สึกไม่ไหวก็ให้ออกไปร้องไห้ให้เต็มที่ที่สุด จากนั้นก็ให้ทำสมาธิและค่อยมาอัดเสียงร้องใหม่”
“ในฐานะที่เป็นเด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นพระองค์ท่านเสด็จไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจ แต่ก็มีโอกาสได้เห็นภาพเก่าทางทีวีและสื่อโซเชียลฯ ทำให้เห็นว่าพระองค์ท่านไม่เคยทอดทิ้งประชาชน นอกจากนั้นบูมยังยึดเอาคำสอนเรื่องความพอเพียงมาใช้กับชีวิตตัวเองด้วย” บูมกล่าว
อ.ไพฑูรย์ ขันทอง กล่าวว่า “สำหรับเพลงพระราชบิดาไม่ได้เป็นการแต่งแบบธรรมดา ผมต้องเอาหนังสือพจนานุกรมมานั่งเปิดดู เพราะในเนื้อเพลงมีคำราชาศัพท์ค่อนข้างเยอะ ฉะนั้นจะต้องตรวจทานว่าถูกต้องหรือไม่ กลั่นกรองอย่างดีที่สุด เนื้อหาของเพลงเป็นการไว้อาลัยและเทิดทูนพระองค์ท่าน รวมถึงบอกให้ประชาชนที่ฟังเพลงนี้แล้วระลึกนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน เพลงนี้ใช้เวลาในการแต่ง 2 วัน แต่งไปก็น้ำตารื้นไปด้วย”
อ.ปรีดา แก้วกนก กล่าวว่า “สำหรับเพลงทูลกระหม่อมพ่อ ประสงค์ที่แต่งเพลงนี้ขึ้นมาเพื่อต้องการไว้อาลัยพระองค์ท่าน เนื้อหาในเพลงจึงไม่ค่อยมีพระราชกรณียกิจที่พระองค์ท่านทรงทำ แต่จะเป็นการอาลัยในการที่พระองค์ท่านสวรรคต พสกนิกรชาวไทยที่ได้ฟังเพลงนี้เชื่อว่าจะต้องหลั่งน้ำตาไปด้วยแน่นอน”
