ปล่อยซิงเกิลรัวๆ สำหรับศิลปิน ‘ศาล สานศิลป์’ แห่งค่ายแกรมมี่ โกลด์ เปิดตัวในบ้านใหม่ค่ายแกรมมี่ฯ ด้วยเพลง“กะดึกก็เหงา กะเช้าก็โสด” เพลงสนุกขวัญใจหนุ่มสาวโรงงาน ล่าสุดเพิ่งปล่อยหมาดๆ “คำลาแฟนเก่า”
วันนี้หนุ่ม ‘ศาล สานศิลป์’ แวะมาคุยอัพเดตผลงานและชีวิต
เปิดตัวกับบ้านหลังใหม่ แกรมมี่ โกลด์?
ศาล – “รู้สึกตื่นเต้นแปลกใหม่ เพราะเราเป็นแฟนคลับ แฟนเพลงของแกรมมี่โกลด์มาตั้งแต่จำความได้ เราฝันอยากเป็นศิลปินแกรมมี่โกลด์ ติดตามงานเพลงของศิลปินเกือบทุกคน พี่ไมค์ ภิรมย์พร พี่ไผ่ พงศธร พี่มนต์แคน แก่นคูน พี่นาง ศิริพร ในยุคก่อนๆ ที่เราทำงานโรงงาน เสียงตามสาย เขาก็จะเปิดเพลงของศิลปินเหล่านี้ที่เกี่ยวกับคนโรงงาน ความรักของคนในโรงงานก็เลยฝังในตัวเราว่าเราชอบแบบนี้ สไตล์ดนตรี คำร้องทำนอง พอมีโอกาสได้มาอยู่กับแกรมมี่โกลด์ เราก็อยากเสนอว่าเราก็ร้องเพลงแนวนี้ได้ วันหนึ่งได้มาอยู่จุดนี้ดีใจมาก บรรยากาศใหม่ๆ รู้สึกเขินๆ”
เปิดตัวด้วยเพลงเร็ว กะดึกก็เหงา กะเช้าก็โสด?
ศาล – “ขอบคุณพี่เณร ศุภชัย นิลวรรณ ที่ให้โอกาสได้มาร่วมงานทำโปรเจ็กต์นี้ขึ้นมา อาจจะฉีกแนวเป็นเพลงเร็ว จริงๆ ผมก็เคยมีเพลงเร็วประมาณ 2-3 เพลงที่อยู่กับค่ายเซิ้ง มิวสิก ที่เป็นผลงานเก่าแต่ว่ามันไม่ค่อยได้รับความนิยม คนติดภาพเราร้องเพลงช้ามากกว่า ทีนี้มาทำงานกับพี่เณร ให้แนวคิดว่าเราลองเปลี่ยนแนวดูมั้ย ลองเปิดตัวเพลงเร็ว”
“เนื้อหาเพลงนี้เราตั้งใจว่าจะทำเพลงให้กับกลุ่มคนทำงานโรงงาน เพราะผมก็เคยเป็นหนุ่มโรงงานมาก่อน เราจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับโรงงานให้มันชัดขึ้นกว่าเดิม นี่คือตัวตนของศาล สานศิลป์ แล้วด้วยทีมโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง คนทำดนตรี คนทำเอ็มวี ก็เห็นตรงกันว่าถ้าเราเล่าเรื่องที่มันเป็นจริง คนจะเชื่อง่ายกว่า เป็นเรื่องราวของหนุ่มคนหนึ่งที่ทำแต่งาน แต่ว่าอยากมีความรัก วันหนึ่งมีพนักงานใหม่เข้ามา รู้สึกชอบ อยากจะจีบเขา มีเหตุการณ์ต่างๆ ให้เขาได้คุยกัน”
เหตุผลที่ตัดสินใจย้ายมาสังกัดค่ายแกรมมี่โกลด์?
ศาล – “ตอนนั้นผมอยู่กับเซิ้ง มิวสิก พอหมดสัญญา เราก็ลองเป็นอิสระ ลองทำเพลงเองมาประมาณ 2-3 เพลงแล้วไม่ได้ประสบความสำเร็จ เพราะว่ามันไม่มีช่องทางอื่นที่จะสื่อสารให้แฟนคลับรู้ว่าเราปล่อยเพลง มีเพื่อนที่เป็นนักแต่งเพลงในแกรมมี่ ก็เลยชักชวนให้เราลองเขียนงานไปเสนอผู้ใหญ่ในแกรมมี่ ก็ได้พี่เณร ศุภชัย นิลวรรณ พิจารณาเรื่องนี้ให้ เลยได้มาร่วมกับแกรมมี่โกลด์”
“ผมอยู่กับค่ายเซิ้ง มิวสิก ประมาณ 5 ปี ตอนนั้นก็ยังทำงานโรงงานอยู่ ไกด์เพลงไปด้วย โปรดิวเซอร์หนังไทบ้านฯ เขาสนใจเสียงของเรา ก็ชวนไปร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ พอเพลงมันดังขึ้นมา เริ่มมีงานเข้ามา ก็เลยต้องลาออกจากโรงงาน คิวงานมันเข้ามาแบบเกือบเต็มสัปดาห์ ทางค่ายก็ไม่อยากเสียโอกาสตรงนี้ไป ก็เลยปรึกษากันว่าเราออกมาสู้ดีมั้ย มาเป็นศิลปินเต็มตัวเลยมั้ย เพราะบางทีเราลาไปร้องเพลงสัปดาห์ละ 2 วัน มันก็รู้สึกเกรงใจเขา”
ชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก?
ศาล – “เราก็เป็นเด็กบ้านนอกอยู่ตามท้องไร่ท้องนา ฟังวิทยุที่เปิดเพลงเฉลิมพล มาลาคำ หมอลำต่างๆที่เราได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ เราก็ร้องตาม ช่วงเรียนเราก็ไปร้องเพลงหน้าชั้น ชอบที่มีคนปรบมือให้ไปประกวดตามงานวิชาการศิลปหัตถกรรมสมัยเรียน ในยุคนั้นเรายังไม่มีช่องทาง ไม่มีคนพาไปประกวดตาม เวทีรายการต่างๆ คือบ้านอยู่ไกลปืนเที่ยงมากๆ อยู่ในดง(หัวเราะ)เราก็รู้แค่ว่าเรียนจบก็ไปทำงานโรงงาน”
“เรียนจบมัธยม ก็เข้ามาอยู่กับพ่อแม่ที่แคมป์ก่อสร้าง พออายุถึงเราก็ไปทำงานโรงงานประมาณ 15 ปี เราชอบร้องเพลง เล่นกีตาร์ร้องเพลงไป พอเริ่มมีโซเชี่ยลมีเดีย มีเฟซบุ๊ก เพื่อนชวนว่าเรามาร้องลงยูทูบเฟซบุ๊กกันมั้ย คือไม่ได้หวังว่าจะมีรายได้หรือเป็นศิลปิน ลงไปให้คนดูให้คนชมเฉยๆ เราเข้าไปอ่านคอมเมนต์ แล้วก็ชื่นใจ ไม่ได้คิดว่าวันนี้จะกลายเป็นนักร้องอาชีพ ศิลปินเต็มตัว”
จากชีวิตหนุ่มโรงงาน วันนี้เป็นนักร้องมีชื่อเสียงแล้ว?
ศาล – “เราก็มองกลับไป ก็พูดกับตัวเองว่า เราก็มาไกลเหมือนกันนะ แต่เราก็ไม่ได้ลืมเพื่อนฝูงที่อยู่โรงงาน ทุกวันนี้ก็ยังไปมาหาสู่กัน คุยกันตลอด ถ้ามีเวลาว่างก็ไปเตะบอลด้วยกัน เราก็ใช้ชีวิตปกติ แต่มีบางครั้งที่เพื่อนเขารู้สึกห่างเหินกับเรา เขาคิดว่าเราเป็นนักร้องดังแล้ว แต่เราไม่ได้คิดแบบนั้นเลย มันก็ปกติครับ”
จุดเปลี่ยนในเส้นทางนักร้อง?
ศาล – “ก็หวังว่ามันจะพาเราไปในจุดที่เรียกว่าอาชีพครับ ตอนแรกที่มาเป็นศิลปินอิสระ มันไม่มีอะไรแน่นอนเลย โดนช่วงโควิด 2 ปี รายได้ไม่มีเลย แต่ว่าด้วยบ้านหลังใหม่ แกรมมี่โกลด์ เพื่อนที่เป็นนักแต่งเพลงเขาก็เล่าให้ฟังว่ามันก็มีอะไรหลายๆ อย่างที่จะเข้ามาหาเรา เรื่องลิขสิทธิ์ จะตอบแทนเรามา แฟนๆ ของเราก็มาร่วมยินดี บางคนก็บอกว่าเหมาะที่สุดแล้วกับการมาอยู่ที่ตรงนี้ ด้วยบุคลิกภาพ ด้วยแนวเพลง น้ำเสียงต่างๆ มันเหมาะกับการที่จะมาอยู่จุดนี้ เรื่องราวชีวิตจริงของเรา อยากเล่าสิ่งที่เป็นตัวเรา มันจะไม่ได้เฟก คนดูจะได้เชื่อว่าเราเล่าชีวิตของศาลจริงๆ”
“ถามว่ากดดันมั้ย ตอนที่ทำเพลงเราก็กดดัน คนจะคาดหวัง นี่ศาล สานศิลป์ กับแกรมมี่ โกลด์นะ มันจะออกมาแบบไหน เป็นยังไง ถ้าเราทำไม่ดี ทำไม่โดน คนก็จะมองว่าได้แค่นี้เหรอ มันกดดันในตัวเอง ตอนทำเพลงออกมาแรกๆ มันก็รู้สึกกังวลมันจะได้หรือเปล่า ก็ขอบคุณทางทีมงานเบื้องหลังต่างๆ ที่ช่วยกันผลักดัน รู้สึกชื่นใจมากๆ ที่กระแสเพลงออกมาได้ดีมากครับ แฟนเพลงส่วนมากจะเป็นวัยทำงาน และเป็นผู้ชายเยอะ เวลาเขาไปดูคอนเสิร์ตเรา เขามายืนเกาะเวทีมองเราร้อง เขาชื่นชอบเสียงเราจริงๆ เขาไม่ได้มองที่รูปลักษณ์ เหมือนเราเป็นตัวแทนที่พูดแทนเขา เหมือนที่พี่ไมค์(ภิรมย์พร) พูดแทนความรู้สึกของศาล เราก็ภูมิใจในพี่ไมค์”
ฝากแฟนๆ?
ศาล – “ก็ขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามกันมาตั้งแต่แรกๆ ที่มีผลงานเพลงออกไปให้แฟนๆ ได้ฟังกัน ตอนนี้ย้ายมาอยู่ที่บ้านใหม่แกรมมี่ โกลด์ ยังไม่ทิ้งความเป็นศาล สานศิลป์ แน่นอน ฝากติดตามไว้ด้วยครับ ฟังเพลงได้ที่ยูทูบของแกรมมี่โกลด์ออฟฟิเชี่ยล ฝากกดไลก์และไปคอมเมนต์กันเยอะๆ นะครับ”
วีรนุช จันทำ