กำลังเดินหน้าโกยรายได้สู่พันล้านแล้ว สำหรับภาพยนตร์ “ธี่หยด 2” ภาคนี้ยังคงนักแสดงเดิมจาก. ภาคแรก โดยเฉพาะ ‘หยาด’ อีกหนึ่งตัวละครสำคัญที่มีบทบาทในภาคสอง สวมบทบาทโดย ‘เดนิส’ เจลีลชา คัปปุน นักแสดงสาวลูกครึ่งไทย-อเมริกัน วัย 17 ปี

วันนี้จังหวะดี ได้มาจับเข่าพูดคุยกับดาราสาวถึงบทบาทการแสดงที่ได้รับ และเป้าหมายการทำงานในวงการบันเทิง

บทบาทในเรื่องธี่หยด 2?

เดนิส – “หยาด จะมีความเป็นพี่สาวคนโตสูงมากๆ เพราะเขามีน้องผู้หญิงอีก 2 คน ในภาคแรกเขาสูญเสียแย้ม (มิ้ม รัตนวดี) น้องสาวคนแรกไป กลายเป็นขาดส่วนนึงในชีวิตไปเลย เพราะเขาสนิทกับแย้มมาก มันเหมือนกลายเป็นแผลในใจ ไม่สามารถมูฟออนจากเรื่องนี้ได้ ทุกคืนยังฝันร้าย เห็นภาพซ้ำๆ ไม่รู้จะทำยังไง จน ประดิษฐิ์ เข้ามา ประดิษฐิ์คือคู่หมั้นของหยาดในภาคนี้ ก็คือพี่มีน พีรวิชญ์

อาทิตย์ใส

พอเรากำลังจะแต่งงาน ผีชุดดำก็กลับมาในแบบที่เราคิดกันไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้น พอมาภาคนี้เราต้องสู้กลับผีบ้างแล้ว จะไม่ยอมสูญเสียใครไปอีก บู๊เยอะกว่าภาคแรกเยอะมากๆ เพราะภาคแรกเรามีความเป็นน้องด้วย เพราะพี่ชายอยู่กันครบทั้งพ่อทั้งแม่ เรามีทุกคนช่วยเหลือตลอด มาภาคนี้เราต้องสู้ด้วยตัวเองบ้าง เพราะทุกคนไม่ได้อยู่ด้วยกัน ต้องไปดูในเรื่องว่าทำไมต้องแยกกัน แล้วทำไมทุกคนต้องสู้ด้วยตัวลำพัง”

อาทิตย์ใส

เราบู๊เยอะไหม?

เดนิส – “เยอะมากค่ะ คนอื่นอาจจะใช้พละกำลังเยอะกว่า แต่ของหยาดเป็นด้านจิตใจมากกว่า เพราะเขาเซ้นซิทีฟกับเรื่องน้องสาวมาก พอเวลาผ่านไปสามปี ได้กลับมาเจอน้องสาวอีกครั้ง ความรู้สึกมันหลากหลาย เราดีใจที่ได้เจอน้องนะ แต่เอ๊ะ ใช่น้องเราจริงหรือเปล่า เราจะสู้กับความรู้สึกในจิตใจนี้ยังไง ที่เราสู้มันไม่ได้มาตลอดสามปี หยาดจะเป็นตัวแทนของด้านจิตใจ ว่าเราจะสู้กับจิตใจตัวเองได้หรือเปล่า”

ภาคนี้ความยากคืออะไร?

เดนิส – “เรื่องอารมณ์ที่หลากหลายมาก แล้วเราต้องเข้าใจตัวละครดีมากๆ และในเรื่องหนูมีทั้งขึ้นสะลิง จมน้ำที่เป็นเลือด ตอนพาร์ตที่เป็นสะลิง เรากำลังโดนแบบให้ออกไปนอกตัวอาคาร จำเป็นต้องใช้สะลิงในการถ่าย โชคดีเป็นคนไม่กลัวความสูง แต่มันเป็นความท้าทาย ในขณะที่เราอยู่บนสะลิงเราต้องเล่นแอ๊กติ้งด้วย อันนี้คือความยาก

อาทิตย์ใส

ส่วนในพาร์ตจมเลือด มันเป็นตอนจู่ๆ ห้องก็เต็มไปด้วยเลือด แล้วเราต้องลงไปในน้ำนั้น เป็นซีนที่ยาก บางอย่างเราคอนโทรลไม่ได้ เรื่องน้ำเข้าจมูก โชคดีเป็นคนว่ายน้ำอยู่แล้วเลยมีสกิลด้านนี้ เลยช่วยเหลือตัวเองได้ ถ้าคนไม่เคยว่ายน้ำอาจจะตกใจนิดหน่อย เพราะแรงดันจากน้ำเยอะมาก และเป็นกล่องแคบๆ ทำให้แรงดันจากน้ำทะลักเข้าไปในจมูก ต้องรู้วิธีป้องกันตัวเอง ซึ่งการถ่ายทำผ่านไปได้ด้วยดี แต่ก็หลายเทกอยู่ ต้องให้มุมกล้องได้ด้วย อารมณ์ได้ด้วย”

อาทิตย์ใส

ซีนไหนยากที่สุด?

เดนิส – “ต้องถามว่ามีซีนไหนง่ายบ้าง ภาคนี้ยากหมด ทุกคนโดนผีเล่นงานหนัก เจ็บเนื้อเจ็บตัว สะบักสะบอม แค่พวกเราสู้กลับได้ก็เก่งแล้ว มันยากกว่าภาคแรกมาก ด้วยตัวละครที่ซับซ้อนขึ้น ภาคแรกเป็นฟีลเด็กอายุ 15 ที่ยังไม่มีอะไรเข้ามามากมายในชีวิต แต่เราต้องไปทำการบ้านว่าตลอดระยะเวลา 3 ปี หลังจากเหตุการณ์นี้ ตัวละครใช้ชีวิตยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้นกับเขา ต้องทำการบ้านทั้งหมดตรงนั้น เพื่อจะได้รู้ว่าทำไมหยาดในอายุเท่านี้ถึงเป็นคนแบบนี้ แล้วเขามีสภาวะเป็นโรคแพนิกด้วย”

บรรยากาศการถ่ายทำ?

เดนิส – “สนุกค่ะ ในขณะที่ซีนกำลังเครียดมาก แต่พวกเราสนุกมาก พวกเราทำความเข้าใจตัวละครมาดีมาก เลยสามารถเล่นได้ และความสนิทกันมันช่วยได้เยอะ เราผ่านประสบการณ์ภาคแรกมาแล้ว ภาคสองมันง่ายขึ้นสำหรับเราที่จะเข้าถึงตัวละคร เราอยู่กับตัวละครนี้ตั้งแต่ภาคแรกมานานมาก พอมาภาคสอง ชิลเลยค่ะ”

ชีวิตจริงเราเป็นลูกคนเดียว?

เดนิส – “ใช่ ชีวิตจริงหนูเป็นลูกคนเดียว ภาคแรกคือยากเลยค่ะ เพราะไม่รู้ว่าการมีพี่น้องมันรู้สึกยังไง แต่ด้วยความที่เราอยู่กับพี่น้องทั้ง 6 คนในเรื่องบ่อย ทำให้รู้สึกว่าเขาเป็นพี่น้องเราจริงๆ ถ้าเรามีพี่ชาย มีน้องคงเป็นประมาณนี้ เลยทำให้ซึมซับ เหมือนเป็นอีกครอบครัวของเรา”

อาทิตย์ใส

เป็นคนกลัวผีหรือเปล่า ส่วนตัวเชื่อไหมว่าผีมีจริง?

เดนิส – “หนูเป็นคนไม่กลัวความมืด ไม่กลัวผี แต่ส่วนตัวเชื่อนะว่ามีจริง เพราะคุณแม่เจอบ่อย เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล หนูไม่เคยเห็น แต่คุณแม่เห็นบ่อย ทำให้รู้สึกว่ามันก็มีทางเป็นไปได้ สิ่งที่เราไม่เห็น ไม่ได้แปลว่ามันไม่มีอยู่จริง”

เรื่องนี้พัฒนาฝีมือเราขึ้นขนาดไหน?

เดนิส – “พัฒนาขึ้นเยอะ หนูเล่นละครมาก่อน แล้วมาเล่นภาพยนตร์ ทำให้เทคนิคการเล่นเราเปลี่ยนไป มุมมองการแสดงเปลี่ยนไปเยอะพอสมควร เราเล่นจากความเข้าใจจริงๆ จากความรู้สึกจริงๆ และภาคสอง เราเข้าถึงตัวละครได้ดีมาก และอินมากด้วย”

อาทิตย์ใส

เข้าวงการตั้งแต่อายุเท่าไหร่?

เดนิส – “ตอนอายุประมาณ 10-11 ขวบหนูถ่ายโฆษณามาก่อน จนได้มาเซ็นกับช่อง 3 ตอนอายุ 15 แล้วได้เล่นละครก่อน หนังกับละครดูเป็นคนละโลกกันเลย เล่นละครมาตลอด จนรู้ว่าช่องจะทำหนัง ก็เลยขอไปแคสต์ เพราะหนูชอบหนังมาก อยากเล่น ก็เลยขอว่าถึงหนูจะไม่ค่อยว่าง เพราะตอนนั้นคิวละคร 7 วัน แต่อย่างน้อยขอได้ลอง ดีกว่าทิ้งโอกาสนั้นไป สุดท้ายก็ได้จริงๆ ภูมิใจมากในฐานะนักแสดง”

อาทิตย์ใส

พอได้มาเล่นสองอย่าง ชอบอะไรมากกว่ากันระหว่างหนังกับละคร?

เดนิส – “ตอนแรกมีภาพจำว่าละครกับหนังมันต่างกันแบบนี้นะ แต่พอได้มาปรับวิธีการเล่น กลายเป็นว่าหนูโอเคทั้งสองอัน วิธีการเล่นของเราเองมากกว่าที่มันทำให้สิ่งนี้เรียกว่าละคร สิ่งนี้เรียกว่าหนัง เราสามารถปรับมันได้ตลอดเวลา ถ้าวันนี้เราเล่นหนัง แล้วอยู่ๆ ต้องไปเล่นละคร มันเป็นความท้าทายความสามารถอย่างหนึ่ง ก็เลยโอเคทั้งสองอย่าง”

แล้วบทบาทไหนที่อยากเล่นอีก?

เดนิส – “แนวผู้หญิงเท่ๆ ลุยๆ บู๊ จริงๆ หนูได้ลองเรื่อง ละออจันทร์ ไปแล้ว ที่เล่นเป็นทหาร แต่ยังไม่ได้เยอะมาก อยากรู้ว่าถ้าเล่นเต็มเรื่องจะเป็นยังไง”

ย้อนตอนเด็กเกิดที่ไหน?

เดนิส – “เกิดที่กรุงเทพฯ แต่ตอนเบบี๋แม่พาย้ายกลับอุดรฯ เลยได้อยู่อุดรยาว จนย้ายมาเรียนกรุงเทพฯ ตอนมัธยม ตอนนี้เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย เป็นเฟรชชี่อยู่ม.รังสิต คณะภาพยนตร์ดิจิตอล มุ่งมาด้านนี้เลย เพราะชอบ ถ้าเราชอบอะไรซักอย่างลองรู้มันลึกๆ เป็นสิ่งที่เราถนัดไปเลยก็ดีเหมือนกัน ดีกว่าชอบเฉยๆ

หลายคนชอบถามว่าเป็นนักแสดงอยู่แล้วจะเรียนนิเทศฯ ทำไม เราเป็นนักแสดงก็จริงแต่เราไม่ได้เป็นเบื้องหลัง รู้สึกว่าถ้าเราไปเรียนรู้ตรงนั้นอาจจะนำไปปรับใช้ได้ในอนาคต หนูอยากทำงานเบื้องหลัง รู้สึกว่าวันนึงถ้ามีหนังที่ตัวเองทำขึ้นมาเอง ดูบทเอง ก็น่าจะดี อยากให้คนได้เห็นมุมมองในการทำหนังของเราบ้าง”

อาทิตย์ใส

มองตัวเองไว้ในวงการยังไงบ้าง?

เดนิส – “ด้วยอายุหนูยังน้อย เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยเอง คงเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ทำหน้าที่ของนักแสดงให้ดีที่สุดเท่าที่ตัวเราจะทำได้”

ทั้งเรียนทั้งทำงาน เราแบ่งเวลายังไง?

เดนิส – “อันนี้ยากมาก หนูสอบเทียบ ไม่ได้ไปโรงเรียนมาสองปีแล้ว คือเรียนเองโฮมสคูล ทำให้ขาดหายจากการไปสถานศึกษา เราชิลกับการทำงานมานาน พอเข้ามหา’ลัยมามันหนักเหมือนกัน ไม่ได้เจอภาวะแบบนี้มานานแล้ว เช้าไปเรียน บ่ายวิ่งไปทำงานต่อ ต้องแบ่งเวลาให้ได้”

อาทิตย์ใส

เข้าวงการ ครอบครัวว่าไงบ้าง?

เดนิส – “เขาดีใจมาก จริงๆ คุณพ่อไม่อยากให้มาทำงานด้านนี้ กลัวเราจะรับแรงกดดันไม่ไหว เขาไม่อยากให้เราเสียใจ แต่หนูมีความมุ่งมั่นมาก เขาก็เลยตามใจ แล้วพอได้มาทำจริงๆ เขารู้สึกว่าเก่งเนอะ สุดท้ายเราก็ทำได้จริงๆ พ่อแม่ก็ภูมิใจมาก”

อาทิตย์ใส

แล้วตัวเองล่ะ มีความภูมิใจกับตัวเองมากแค่ไหน?

เดนิส – “ภูมิใจมากค่ะ เพราะหนูเป็นเด็กที่มีความคาดหวังในตัวเองสูงมาก บางทีกดดันตัวเอง คิดว่าตัวเองดีไม่พอ ทั้งที่จริงๆ เราทำได้ดีมากแล้วในอายุของเรา พอเรามาถึงจุดนี้ บางทีผิดพลาดบ้างก็ได้ พอผิดก็จะรู้สึกทำไมไม่เก่ง แต่จริงๆ เราได้เรียนรู้เยอะมากว่าความผิดพลาดนั้นเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้เราเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้น ก็เลยภูมิใจในตัวเองเหมือนกัน”

แค่มาถึงจุดนี้ก็เก่งมากแล้วจ้า!!

กัณฑมาศ ธรรมณี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน