ได๋ ไดอาน่า ตกใจกติกาใหม่ ยอดคนตามไม่ถึง 5 แสน ลูกค้าไม่จ้างเป็นพิธีกร เข้าใจยุคโซเชียลครองเมือง พร้อมปรับตัวตามโลก ลั่น! ถึงไม่ดังแต่ตังค์เข้าทุกวัน
ถือเป็นพิธีกรมือฉมังอีกคนของวงการบันเทิง สำหรับ ได๋ ไดอาน่า จงจินตนาการ แต่ล่าสุดมีเรื่องให้เจ้าตัวต้องตกใจ เมื่อทราบกติกาใหม่ของการจ้างงานพิธีกรในยุคโซเชียลครองเมือง โดยได้เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าว ในงาน PHENIX ร่วมกับ KTC จัดกิจกรรม “อร่อยฟิน บินได้” วันก่อน(23พ.ย.) ที่ ชั้น4 PHENIX ประตูน้ำ พร้อมเผยเรื่องที่มีคนในวงการเข้ามาถามมีเงินใช่ไหม ลั่น! ถึงไม่ดังแต่ตังค์เข้าทุกวัน
ถามถึงที่ออกมาไลฟ์ว่ามีออร์แกไนเซอร์ติดต่องานมา แต่พอยอดฟอลไม่ถึง 5 แสน ลูกค้าเลยไม่จ้าง? “กติกาใหม่ของโลกใหม่ในยุค Disruption คือในยุคที่โซเชียลครองเมืองมันก็จะมีกติกาใหม่ขึ้นมาว่า เวลาเขาจะว่าจ้างพิธีกร พิธีกรต้องมีผู้ติดตาม 5 แสนหรือมากกว่าเท่านั้น ซึ่งมีหลากหลายหน่วยงานที่เขาจะต้องอิงตามกติกานี้”
“แต่ทางออร์แกไนเซอร์ก็น่ารัก เขาก็โทรมาถามว่าเขาดูไอจีและเฟซบุ๊กของเราแล้วแต่คนติดตามเราประมาณ 3-4 แสนเอง มีแพลตฟอร์มไหนที่เกินนั้นมั้ย เราก็บอกว่าไม่มีเลย ออร์แกไนเซอร์เขาก็ขอโทษเราเพราะว่าลูกค้าจะเอาเฉพาะ 5 แสนหรือมากกว่าเท่านั้น เราก็บอกไม่เป็นไรค่ะ”
“ยอมรับว่าตอนได้ยินครั้งแรกคือตกใจ แต่เผอิญว่าออร์แกไนเซอร์ที่โทรมาบอกแบบนี้ไม่ใช่คนแรก เขาเป็นคนที่3 ส่วน 2 คนแรกที่โทรมาคนแรกเป็นคนฮ่องกง อีกคนเป็นคนสิงคโปร์ เขาก็ใช้กติกานี้เหมือนกัน เรียกว่าเป็นกติกาสากลเลยว่าพรีเซ็นเตอร์(พิธีกรบนเวที) อินฟลูเอ็นเซอร์ จะต้องมียอดผู้ติดตามมากกว่า 5 แสนเท่านั้น”
“ถามว่าเขาไม่ดูโปรไฟล์อย่างอื่นเลยเหรอ ไม่ดูค่ะ ไม่ต้องมีแล้วค่ะความสามารถ(หัวเราะ) คือมันมองได้หลายแบบ อย่างแรกคือไม่สนใจแล้วเหรอว่าเรามีประสบการณ์การทำงานหรือไม่ แต่เราต้องเข้าใจก่อนว่าในยุคใหม่การซื้อสื่อมันเป็นแพ็กเกจรวมกัน เพราะฉะนั้นแพ็กเกจสมัยนี้จะไม่เหมือนสมัยก่อน อันนี้เหมือนเป็นการศึกษาโลกใหม่ของวงการบันเทิงเลย เราต้องเข้าใจก่อนว่าในงานวันนั้นเราเป็นฟังก์ชั่นอะไร พิธีกรอย่างเดียวมั้ย หรือพิธีกร+โซเชียลมีเดียให้กับลูกค้า แน่นอนว่าพอมันเป็นแพ็กเกจแบบนั้นราคาก็จะเพิ่มขึ้นด้วย”
พอเจอกติกาแบบนี้ ถามตัวเองยังไงกับอาชีพพิธีกร? “ไม่เคยมีคำถามเกี่ยวกับอาชีพพิธีกรเลยค่ะ เพราะรู้สึกว่าการที่เราเรียกตัวเองว่าอาชีพพิธีกรได้มันก็ต้องมีเครื่องหมายการันตีประมาณหนึ่ง เราเองก็เรียนรู้การทำงานมาหลายยุคหลายสมัยต้องปรับตัวมาตลอด ฉะนั้นคำถามเกี่ยวกับอาชีพของเราไม่มี แต่คำถามเกี่ยวกับวิธีการประกอบอาชีพของเราอ่ะเริ่มมี”
“เรามีความรู้สึกว่าเวลาทำงานมันเป็นเรื่องที่เราต้องซีเรียสมากก่อนขึ้นเวที ซึ่งโดยปกติจะไม่ไลฟ์ไม่ทำคอนเทนต์ แต่ยุคนี้มันต้องทำเพราะถ้าไม่ถ่ายรูปลงสื่อแปลว่าไม่มีงาน ทั้งๆ ที่เราอาจจะทำงานตลอดเวลา ตรงนี้เลยทำให้เราต้องปรับวิถีตัวเองใหม่เพื่อให้เข้ากับยุคค่ะ”
“เชื่อมั้ยว่าบางทีไปงานจะเจอคนในวงการที่เขาไม่ได้ติดตามเราเท่าไหร่นัก เขาก็จะเรียกเราเข้าไปคุยข้างเวทีว่าช่วงนี้ทำงานอะไร มีเงินใช้หรือเปล่า ไม่ค่อยเห็นออกสื่อเลย เราก็บอกว่ามีค่ะ เพียงแต่งานเราอาจจะไม่ใช่งานที่อยู่ในสื่อเท่านั้นเอง เราเป็นอาชีพพิธีกร ไม่ได้เป็นดารา เลยอาจจะไม่ได้อยู่สื่อเยอะแยะ”
“ถามว่าตอนที่เขามาถามแบบนั้นตกใจมั้ย ไม่ได้ตกใจเพราะเราคิดว่าเขาเป็นห่วง อีกอย่างเราไม่มีขาลงขาขึ้น มีแต่ขาใหญ่กับขาเล็ก(หัวเราะ) ความที่เราไม่ได้เป็นนักแสดงเราก็ไม่เคยดังอ่ะ แต่เราเหมือนไปไหนแล้วคนจำได้เพราะเห็นกันมานาน อย่างที่บอกไม่ดังแต่คิวไม่ว่าง ฟอลโลว์ไม่เยอะแต่คิวไม่ได้เลย(หัวเราะ)”
ไม่ได้คิดว่าตัวเองต้องพรีเซ้นต์ให้เห็นว่าเรามีงานตลอด? “ไม่อยากจะใช้คำว่า ไม่ดังแต่ตังค์เข้าทุกวัน(หัวเราะ) แล้วเชื่อมั้ยทุกวันนี้ลงทุกแพลตฟอร์มเลยค่ะ สมองตอนนี้คือสคริปต์ก็ต้องทำ แปลสคริปต์ก็ต้องแปล เสื้อผ้าก็ต้องหา โซเชียลก็ต้องทำด้วย”
“ทุกวันนี้เวลาเจอเพื่อนๆ พี่ๆ ในวงการเราก็จะเริ่มคุยกันมากยิ่งขึ้นว่า เราสังเกตมั้ยว่าช่วงนี้คนที่ไม่ปรับก็จะตาย ในยุคที่โซเชียลมีเดียคืออันดับ1 แล้วถ้าเรายังคิดว่าเราคือตัวจริง เราคือนัมเบอร์วัน ก็คือเชิญไปอยู่ข้างหลังได้เลย เพราะฉะนั้นเราก็ต้องพร้อมที่จะปรับตัวตลอดเวลา ถ้าไม่ปรับก็อยู่บ้านไป ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีเพราะเราเริ่มมาทำโซเชียลมีเดียมากขึ้นก็เริ่มมีอะไรที่สนุกมากขึ้น”