ได๋ ไดอาน่า ไร้ความคืบหน้า หมดหวังได้เงินคืนให้แม่ หลังถูกมิจจฉาชีพหลอกโอนเงิน ชวน ชาล็อต ออสติน ใช้ชื่อเสียงทำประโยชน์ คุย DSI เล็งเปิดศูนย์ให้ข้อมูลประชาชน

พิธีกรชื่อดัง ได๋ ไดอาน่า จงจินตนาการ ให้สัมภาษณ์ขณะมาร่วมงานเปิดตัวเทคโนโลยีแปลงโฉมระดับโลก “Endolift X” วันนี้(10 ธ.ค.67) ที่ ชั้น4 สถาบันสุขภาพและความงามตรัยญา พระราม9 อัพเดตเรื่องคดีของคุณแม่ที่ถูกมิจฉาชีพหลอกเงินนับล้าน ซึ่งเหมือนกรณีที่ล่าสุด ชาล็อต ออสติน โดน

โดย ได๋ เผยว่า “เราใช้คำว่ากลับมาอีกแล้วไม่ได้ เพราะว่ามันมีทุกวัน เพียงแต่มันไม่ได้เป็นข่าว หากทุกคน ทุกเคส ทุกคดีเป็นข่าวหมด เราอาจจะตื่นตัวกันกว่านี้ แต่ถ้าถามถึงความคืบหน้าก็ต้องเรียนแจ้งตรงๆ ว่าไม่มีความคืบหน้า ความคืบหน้าเดียวคือรับทราบมาว่าในทุกทางที่คุณแม่โอนเงินออกไป สมมติเวลาประมาณ 13.30 น. เขาใช้เวลาในการโอนไปบัญชีม้าแป๊บเดียว คือคุณแม่ ม้า1 ม้า2 คริปโต ทั้งหมดนี้ใช้เวลาแค่ 3 นาทีเท่านั้น”

“ดังนั้นถ้าจะใช้คำว่าเราต้องรู้เท่าทันกลของมิจฉาชีพ มันไม่ใช่แล้ว เพราะเราต้องรู้มากกว่าเขา เพราะปัจจุบันนี้เรายังมานั่งคุยกันอยู่เลยว่าความคืบหน้าถึงไหนแล้ว แต่ความเป็นจริงคือมันไม่ใช่ความคืบหน้าแล้วค่ะ แต่มันคือเราต้องหาวิธีการยังไงก็ได้ที่เราจะบูรณาการร่วมกันในการที่จะรู้สเต็ปก่อนเขา”

“จริงๆ อยากจะฝากไปบอกน้องชาล็อตว่าเราควรจะทำอะไรร่วมกันไหม ในการที่จะเป็นภาคประชาชน ภาคสังคมในการที่จะขับเคลื่อนให้มันเกิดคณะทำงานเรื่องนี้โดยตรง เพราะทุกวันนี้ตั้งแต่เกิดเรื่องเดือนสิงหาคมจนถึงตอนนี้ในเฟซบุ๊กจะมีคนส่งข้อความมาเฉลี่ยแล้ว 3 วันครั้ง ว่าโดนเหมือนกัน คุณแม่โดน หรือว่าตัวเองโดน และสิ่งหนึ่งเลยที่ทุกคนพูดเหมือนกันก็คือไม่รู้ว่าจะให้ใครช่วย และไม่รู้ว่าจะได้เงินคืนกลับมาไหม”

“อย่างตอนโควิดเวลาใครติดเชื้อ เราหายาให้เขาได้ แต่อันนี้ขนาดช่วยตัวเองยังไม่รอด และพอเงินมันออกจากเราไปแล้วมันคือไปเลย หลายๆ คนก็ถามว่าเราได้มีการไปเจอหน่วยงานไหนบ้าง เราก็ไปพบกับแทบจะทุกหน่วยงานที่คิดว่าสามารถที่จะช่วยได้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะ 3 นาทีออกคริปโตไปแล้ว

กลายเป็นว่าพอเรามองภาพกว้างมันไม่ใช่แค่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง มันเป็นสิ่งที่ทุกคน ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน สื่อมวลชนทุกคนต้องช่วยกัน อยากให้ประโคมข่าวทุกวัน จริงๆ อยากให้มีคณะทำงานที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง และให้เรารวมตัวกัน เพราะถ้าเกิดเราไม่รวมตัวกัน ไม่ช่วยกัน มันก็เกิดขึ้นทุกวัน”

“ขนาดน้องชาล็อตเขามีชื่อเสียงมากนะ เราก็ต้องดูว่าจะเป็นยังไง โดยส่วนตัวเราก็เคยคิดว่าเราก็มีชื่อเสียงนะ เราสามารถช่วยแม่เราได้ แต่สุดท้ายแล้วเราก็ทำได้แค่ตั้งใจทำงานและหาเงินมาให้แม่เท่านั้นเอง”

“ถามว่าหมดหวังว่าจะได้เงินคืนเลยไหม (ทำหน้าเศร้า) ค่ะ ใช่ค่ะ คือตำรวจก็ไม่ได้บอกหรอกว่าตามตัวไม่ได้ แต่เขาบอกว่าต้องใช้เวลาที่จะตามตัวมาให้ได้ ซึ่งเมื่อตามตัวมาได้แล้วก็ต้องมาเฉลี่ยกันกับผู้เสียหายคนอื่นๆ ซึ่งเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ค่ะ”

“ส่วนที่บอกว่าอยากจะร่วมมือกับน้องชาล็อตนี่คือคิดจริงนะคะ ถ้านัดได้ก็อยากนัดเจอกัน ขอเคลียร์ตารางชีวิตของตัวเองให้ชัดเจนกว่านี้ แต่ใจจริงอยากร่วมทำงานกับใครก็ได้เลยที่จะมาตั้งคณะทำงานเรื่องนี้ร่วมกันอย่างจริงจัง และรายงานเคสแบบนี้ทุกวัน และทุกสื่อต้องช่วยกัน เพราะถ้าจะมาบอกว่าให้หน่วยงานนี้ทำสิ หน่วยงานนั้นทำสิ

คืออยากให้ทุกคนมองในภาพกว้างว่าพอมันออกไปคริปโตแล้ว มันมีทั้งในแง่ของสถาบันธนาคาร สถาบันการเงิน พอออกไปต่างประเทศแล้วก็คือกระทรวงต่างประเทศ เรื่องของกฎหมายคือกระทรวงยุติธรรม มันหลายภาคส่วนมาก และถ้าเราบอกว่าเราไปหาคนนี้ แต่คนนี้ช่วยไม่ได้ ให้ไปหาคนนี้ แต่คนนี้ก็ช่วยไม่ได้ เพราะมันต้องทำร่วมกัน”

“เพราะฉะนั้นมันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องคิดวิธีใหม่ในการจัดการ ไม่ใช่แค่มานั่งอัพเดตว่าเรามารู้เท่าทันนะ มันไม่ได้ค่ะ เราต้องไปอีกสเต็ปนึงกว่าเขา คิดดูว่าเขาใช้เทคโนโลยีในการหลอกลวงแล้ว ใช้ AI ไปแล้ว เรายังมานั่งบอกว่าทุกคนต้องระวังนะ มันไม่ทันค่ะ ฝากสื่อมวลชนช่วยกันประชาสัมพันธ์ด้วยค่ะ เพราะเราก็เคยทำงานช่วยประชาชนมาแล้วก็อยากทำงานช่วยคุณแม่ตัวเองด้วย และผู้เสียหายคนอื่นๆ ด้วย ก็กำลังหาแนวทางอยู่เหมือนกันค่ะว่าจะทำยังไงได้บ้าง”

“อย่างล่าสุดก็มีการเข้าไปคุยกับทาง DSI ว่าเราจะทำศูนย์ในการให้ข้อมูลกับประชาชนเกี่ยวกับเรื่องของกลโกงใหม่ๆ ที่มันเกิดขึ้น เมื่อก่อนมันอาจจะเป็นการโทรมาแล้วหลอกเงินจากเราไป แต่ตอนนี้มันมีโทรไปปลอมเป็นเราไปบอกธนาคารให้ยกเลิกบัญชีของเรา แล้วย้อนกลับมาบอกเราอีกว่ารู้หรือยังว่าบัญชีของเราถูกยกเลิก ทั้งที่จริงๆ แล้วบัญชีนั้นถูกโอนเข้ามาในบัญชีมิจฉาชีพหมดแล้ว คือมันมีอะไรเกิดขึ้นตลอดเวลา ถ้าทำได้ก็อยากเข้าไปช่วยเป็นคณะทำงานที่ช่วยเหลือเรื่องนี้โดยตรงค่ะ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน