คู่หูคนดัง ‘จาลอด’ และ ‘บักเซียง’ จากจักรวาลภาพยนตร์ไทบ้าน เดอะซีรีส์ ‘ด้งเด้ง’ ณัฐวุฒิ แสนยะบุตร และ ‘ตาต้า’ ชาติชาย ชินศรี มาจับคู่ลงเล่นหนังด้วยกันอีกครั้งในภาพยนตร์นอกจักรวาลเรื่อง “ผู้บ่าวนิกะห์” ของผู้กำกับฯ เกรียงไกร มณวิจิตร แห่งค่าย MONVICHIT

อาทิตย์ใส

โดยวันนี้ ‘ด้งเด้ง-ตาต้า’ ได้กอดคอกันมาให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานในภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว

ตอนที่ผู้กำกับฯ ติดต่อให้มาเล่นเรื่อง “ผู้บ่าวนิกะห์” มีคำถามไหมว่าเป็นหนังเกี่ยวกับอะไร?

ด้งเด้ง – “ตอนแรกผมไม่เข้าใจคำว่านิกะห์ มันแปลว่าอะไร แต่พอได้รู้ข้อมูลก็เข้าใจเป็นหนังเกี่ยวกับชาวมุสลิม อิสลาม ชื่อเรื่องคำว่า ผู้บ่าว เป็นตัวแทนของพวกเราคนอีสาน นิกะห์ คือพิธีแต่งงานของชาวมุสลิม ความท้าทายอยู่ที่ความแตกต่างของศาสนา ความเหมือนกันคือความรัก

อาทิตย์ใส

ผมรับบทเป็น บักไข่ ไปแต่งงานกับสาวมุสลิม รักเขามาก เลยยอมทุกอย่าง แต่ก็ต้องเจออุปสรรคหลายอย่าง ผมยังพูดกับเพื่อนเลยว่าถ้าคนมันจะแต่งงานกันทำไมมันยากจังวะ (หัวเราะ) แต่ความสนุกมันอยู่ตรงนี้ ในเรื่องพอแต่งงานกัน เข้าพิธีนิกะห์แล้ว ก็ต้องเข้ารับศาสนาอิสลามพี่เกรียง ผู้กำกับฯ บอกเหตุผลว่าที่ต้องทำเพราะเป็นครอบครัวเดียวกัน ถ้าอยู่คนละศาสนามันอาจจะขัดแย้งกัน อยากให้ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ก็เลยต้องเข้ารับศาสนาอิสลาม”

อาทิตย์ใส

ตาต้า – “ผมรับบทเป็น เจ้ย เป็นเพื่อนสนิทของบักไข่มาตั้งแต่เด็กๆ อยู่บ้านใกล้กัน คาแร็กเตอร์เป็นคนที่ไม่เห็นด้วยกับที่เพื่อนจะย้ายศาสนาแล้วไปแต่งงานกับสาวมุสลิม เราจะเป็นคนตั้งคำถามตลอดว่ามึงจะไปแต่งงานจริงๆ เหรอ อย่าลืมนะว่าถ้ามึงไปแต่งงานกับเขา มึงต้องขลิบนะมึงไม่กลัวเหรอ

แล้วอีกอย่างวัฒนธรรมอีสานเวลามีงานบุญต่างๆ จะมีเมนูลาบหมู หลังจากนี้ตลอดชีวิตมึงจะไม่ได้กินหมูแล้วนะมึงต้องตื่นขึ้นมาละหมาด 5 รอบ เราก็เลยเป็นตัวตั้งคำถาม ไม่เห็นด้วยกับเพื่อน กลัวเพื่อนไม่มีความสุข เรารักเพื่อนมากจนไม่อยากให้เขาไปอยู่แบบไม่มีความสุขแต่สุดท้ายเขาก็พิสูจน์ให้เห็นว่าความรักมันชนะทุกอย่าง จะแต่งให้ได้ เราเป็นเพื่อนคนเดียวของเขาก็ต้องไปด้วย แค่จะไปแต่งงานแต่ไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะวุ่นวายขนาดนี้”

อาทิตย์ใส

ไปถ่ายทำที่ภาคใต้ บรรยากาศเป็นอย่างไร?

ด้งเด้ง – “ไปนราธิวาสและปัตตานีครั้งแรก ตั้งแต่เป็นเด็กจนโตจะได้ยินข่าวสามจังหวัดชายแดน ภาคใต้ ก็ได้แค่คิดว่าอยากไปเที่ยว แต่คงไม่กล้าไปมันเป็นภาพจำแล้ว แต่ว่าพอเราได้มีโอกาสไปถ่ายทำ ไม่ใช่เหมือนที่เคยคิด คนละอย่างเลย สถานที่น่าอยู่ ผู้คนน่ารัก ทะเลสวย แต่ก็จะมีแค่ภาพถ่ายทำอยู่รถหุ้มเกราะวิ่งผ่าน”

อาทิตย์ใส

ตาต้า – “เราว้าวมาก เพราะว่าบ้านเราจะได้เห็นแบบนี้แค่ช่วงเทศกาลวันเด็ก แต่ที่นั่นเราได้เห็นตลอด บังลีที่เล่นด้วยกันในเรื่อง เขาก็งงว่าเราตื่นเต้นอะไร อันนี้ปกติ”

​★ เรื่องนี้เล่นเป็นตัวเองเลยเหมือนคาแร็กเตอร์ บักเซียง กับ จาลอด เลยไหม?

ตาต้า – “ของผมไม่เหมือนนะ ชีวิตจริงผมไม่โง่ขนาดนั้น อย่างที่บอกเราเป็นตัวแทนของการตั้งคำถามในเรื่อง แล้วเราจะสงสัยทุกเรื่อง ทำไมมันต้องอย่างนี้”

อาทิตย์ใส

ด้งเด้ง – “ไม่เหมือน เพราะผมก็ไม่ได้ยอมคนขนาดนั้น ที่เลือกรับเพราะเป็นคาแร็กเตอร์ที่เราพอทำได้ เพราะหนังเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแรกที่ผมออกมาจากจักรวาลไทบ้าน ที่เป็นตัวหลักด้วย ก็แอบกังวลตรงนี้เพราะเราไม่ค่อยได้ทำงานกับคนอื่น กลัวทำนิสัยไม่ดีใส่เขา (หัวเราะ)”

ส่วนตาต้าไปเล่นนอกจักรวาลไทบ้านมาหลายเรื่องแล้ว?

ตาต้า – “จริงๆ คนอื่นก็ไม่โอเคกับพฤติกรรมผมหรอก นอกจากพวกเราเอง (หัวเราะ) ไม่หรอกครับ ไปทำงานก็เป็นปกติที่ต้องเจอคนใหม่ๆ ต้องปรับตัว สำหรับผมความยากคือการเริ่มต้นใหม่กับทุกๆ ที่นี่แหละมันยากเสมอ แต่ผมทำไปก็ไม่มีอะไรยาก เพราะว่างานทุกอย่างที่ผ่านมา ทุกคนที่เราร่วมงานด้วย เป็นมืออาชีพ”

อาทิตย์ใส

รู้สึกอย่างไรที่แฟนหนังไทบ้านฯ มีความคาดหวังพอเห็นเราทั้งคู่แสดงด้วยกันว่ามันต้องฮาแน่?

ด้งเด้ง – “ไม่อยากให้คาดหวังว่ามันจะดี มันจะฮา เพราะว่าแต่ละคนแต่ละสถานที่ เอาง่ายๆ มันคนละกอง เราทำเต็มที่แหละ ทุกคนอาจจะอยากดูความเป็นตัวตนเรา แต่ว่าการเล่าเรื่องก็ต้องเป็นหน้าที่ผู้กำกับฯ ทุกคนก็จะมีลายเส้นการดำเนินเรื่อง การตัดต่อ การเขียนบท เป็นของตัวเอง อย่าคาดหวังว่าเราต้องเป็นเราเสมอ อยากให้เข้าไปสนับสนุนกันดีกว่า เหมือนเข้าไปฉลองความสำเร็จ พวกผมเล่นหนังเรื่องนี้ ได้ฉายแล้ว ไปดูตรงนี้ดีกว่า”

ตาต้า – “ความกดดันเป็นของนายทุนไปเลย เพราะว่าเราทำงานเต็มที่อยู่แล้ว เราไม่ได้กดดันอะไรอยู่แล้ว แต่อย่างที่บอกภาพยนตร์มันไม่ได้ประสบความสำเร็จแค่คนสองคนหรือว่าคนคนเดียวมันคืองานกลุ่มชิ้นหนึ่ง ไม่ว่าอะไรก็ตามเราสองคนจะทำเต็มที่ แต่สุดท้ายกระบวนการต่อไปมันขึ้นอยู่กับการตัดต่อ ทำสี ลงเสียง ทุกอย่างมันคือองค์ประกอบโดยรวม ผมก็เลยไม่อยากให้ทุกคนคาดหวังแล้วมากดดันว่ายังไงสองคนนี้เล่นมันต้องประสบความสำเร็จ มันไม่ใช่ ไปให้กำลังใจกันดีกว่า อยากให้ไปดู มันเป็นหนังสนุก มันผ่อนคลาย คลายเครียด ไม่เสียดายเงินแน่นอนครับ”

อาทิตย์ใส

เรื่องนี้ทำไมไม่ควรพลาด ให้ข้อคิดยังไงบ้าง?

ตาต้า – “ฝากภาพยนตร์เรื่อง ผู้บ่าวนิกะห์ เข้าโรงภาพยนตร์แล้ววันนี้ อยากให้พี่น้องแฟนๆ ไปให้กำลังใจกันเยอะๆ ผมเชื่อเลยว่ามันจะตอบทุกคำถามของเราทุกคน ทำไมศาสนานี้ถึงมีวิธีแบบนี้ พิธีกรรมแบบนี้เพื่ออะไร อย่างน้อยเราก็ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ศาสนา เราแตกต่างแต่ไม่ได้แตกแยกครับ เพราะเราทุกคนเป็นมนุษย์เหมือนกัน ทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดี ทีมงานผู้กำกับฯ เป็นคนอิสลามที่ถ่ายทอดผ่านตัวพวกเราสองตัวละครที่จะไปหาคำตอบให้กับทุกท่าน”

ตั้งแต่หนังไทบ้านฯ ประสบความสำเร็จ กลายเป็นนักแสดงมีชื่อเสียงในวงการ ชีวิตเปลี่ยนไปยังไงบ้าง?

ด้งเด้ง – “ก็มีบางอย่างที่เปลี่ยนแปลง มีงานทำมากขึ้น มีรายได้มากขึ้น แต่สิ่งที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เลย คือความเป็นตัวของตัวเอง (หัวเราะ) มันเปลี่ยนยากซะเหลือเกิน ก็รู้สึกดีนะ เวลาเดินไปไหนแล้วมีคนเข้ามาทักทาย มาคุยด้วย เอาง่ายๆ ไม่เหงา (หัวเราะ) บางทีผมยังคิดว่าวันหนึ่งที่เราไม่มีเงิน ไม่มีงาน แต่ผมคิดว่าอย่างน้อยๆ ถ้าผมเดินไปไหนเขาก็คงชวนผมกินข้าวด้วย”

อาทิตย์ใส

ส่วนตาต้า มีประสบการณ์การทำงานนอกจักรวาลไทบ้านมากขึ้นแล้ว เป็นยังไงบ้าง?

ตาต้า – “โอเคครับ รู้สึกว่าตัวเองได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ไม่คิดไม่ฝันว่าพวกเราจะมาไกลขนาดนี้ด้วยซ้ำ มาไกลในที่นี้คือ งานของพวกเราก็ไม่คิดว่าคนจะรักในตัวตน ในความเป็นเรามากขนาดนี้ ผมรู้สึกว่ามันเกินที่ตั้งเป้าไว้มาก จากที่เมื่อก่อนเราทำงานด้วยความรัก ความสนุกในกลุ่มเพื่อน ทำงานเสร็จกินเหล้าแค่นั้นเลยไม่ได้คิดเยอะ แค่ได้อยู่กับเพื่อน ตกเย็นมาดีดกีตาร์ร้องเพลงด้วยกัน

อาทิตย์ใส

ได้ทำงานกลุ่มจากไทบ้านฯ ภาคแรก แล้วเรารู้สึกว่าปัจจุบันนี้ก็ต้องขอบคุณคำนี้ใช้ได้ตลอดถ้าไม่มีพ่อแม่พี่น้องที่รักและสนับสนุนพวกเรามากขนาดนี้ ก็ไม่มีพวกเราวันนี้ ทุกวันนี้ผมมีบ้านมีรถ มีกินมีอยู่มีใช้ พ่อแม่ผมได้นอนหลับเต็มอิ่มสบาย ก็เพราะพี่น้องแฟนๆ พูดได้เต็มปากเลยมีทุกวันนี้ก็เพราะพี่น้องประชาชนที่มอบให้เรา ต้องขอบคุณคนที่รักในตัวตนเราที่เป็นเรา”

รสชาติจะสนุกจะฮาและตรงใจแค่ไหน รอแฟนๆ เข้าไปพิสูจน์ “ผู้บ่าวนิกะห์” เข้าฉายแล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์

วีรนุช จันทำ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน