วันที่ 13 เม.ย. ที่ Live Park ถนนพระราม 9 วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา พิธีกรชื่อดัง เป็นผู้จัดงานเทศกาลปาร์ตี้สงกรานต์ที่ใหญ่ที่สุด “Pepsi presents S2O Songkran Music Festival 2018” ได้พาสื่อมวลชนชมไฮไลต่างๆ ภายในงาน พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์ถึงการจัดงานในปีนี้
โดย วู้ดดี้ เผยว่า “ปีนี้ถือว่าโตขึ้นมาอีกขั้นนึง จากเพิ่งเริ่มต้นใหม่ๆ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ปีนี้ก็จัดเต็มมาก เรื่องของพื้นที่ก็ใหญ่ขึ้น กลไกของน้ำก็มากขึ้น ดีเจก็ใหญ่ขึ้นทุกปี ก็ดีใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้การตอบรับที่ดี มันเป็นความสุขของคนจัดเทศกาลดนตรี ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็คิดว่ามันจะเป็นไปได้ขนาดไหนที่จะไประดับเอเชีย ก็ต้องขอบคุณทุกคนจริงๆ ที่สนับสนุน S2O ครับ”

ปีนี้มีการย้ายสถานที่มาจัดที่ Live park พระราม 9
“มี 2 ประเด็นหลักนะครับ 2-3 ปีที่ผ่านมา เราค้นพบว่ามันมากขึ้น พอมากขึ้นเราไม่สามารถจะรับได้กับจำนวนคนที่มามากขึ้น แล้วพื้นที่มันจำกัด เราต้องหาที่ที่ใหญ่ขึ้น พื้นที่ตรงนี้เราทดลองจัดเทศกาลดนตรีมาเกือบ 3-4 งาน ตลอด 1 ปี ค้นพบว่าสามารถจะทำให้ S2O เกิดขึ้นตรงนี้ได้ เรื่องที่สองเป็นประเด็นที่ว่า รอบข้างของงานเราต้องการให้เป็น ไม่ทางด่วนก็ต้องเป็นพื้นที่โล่ง ไม่ใช่บ้านใคร ปีที่แล้วอย่างที่ทราบกันอยู่มันมีดราม่า ก็ไม่อยากให้มีดราม่าเกิดขึ้นอีก อยากให้ทุกคนสบายใจครับ”

เกี่ยวกับครั้งที่แล้วทำให้กระจกห้องเขาแตกด้วยใช่ไหม
“มันก็เกี่ยวแน่นอน เพราะตราบใดที่มีข่าวไม่โอเค เราก็รู้สึกหนักใจว่าเราไม่สามารถจัดงานแล้วทำให้ทุกคนแฮปปี้ได้ สองกรณีในวันนั้นเมื่อปีที่แล้ว ถึงแม้จะเป็นกระจกบานสองบาน ของห้องสองห้องแต่มันก็เป็นข่าวใหญ่พอสมควร ก็ทำให้เราเกิดคำถามว่า ต่อจากนี้ไปไม่ว่าวู้ดดี้จะจัดงานแบบไหน ถ้าใช้ชื่อวู้ดดี้แล้วต้องระมัดระวังมากขึ้น ต้องใส่ใจรายละเอียดมากขึ้นในการระมัดระวัง ถือเป็นบทเรียนที่ใหญ่มากในปีที่แล้วครับ”

ปีนี้เตรียมรับมือกับผลกระทบอะไรไว้บ้างไหม
“ผมคิดว่าชีวิตนี้อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิดครับ แต่เรามีหน้าที่ต้องเตรียมตัวก่อนหน้านี้ เช่น สมัยก่อนเราอาจไม่รู้เรื่องเพื่อนบ้าน เราไม่คิดว่ามันจะส่งผลกระทบขนาดนั้น เราอาจจะไม่ได้ไปทักทาย 2-3 ปีที่ผ่านมาก็ต้องมีจดหมาย ต้องเดินทางมีทีมงานล่วงหน้าไปคอยคุยกับหมู่บ้านโน้นหมู่บ้านนี้ ก็ต้องเข้าใจว่างานเราจัดอยู่ใจกลางเมือง ไม่ได้จัดอยู่พื้นที่ที่ห่างไกลจากกรุงเทพฯ ดังนั้นมันต้องมีผลกระทบในแง่ของเสียงในบางครั้ง ปีนี้สถานที่และพื้นที่เราเลือกแล้วเป็นพื้นที่อยู่ใจกลางเมือง ไม่ส่งผลต่อใครรอบด้าน เรื่องของมาตรการความปลอดภัย เราก็ต้องระวัง เพราะว่าบัตรหมดไม่ได้แปลว่ามันดีนะ เราจะต้องคุมเข้มมากขึ้น มีมาตรการมากขึ้นในการดูแลความปลอดภัยของคนเป็นหมื่นคน”

มาจัดที่นี่มีกระแสแอนตี้จากคนแถวนี้บ้างไหม
“แน่นอนการที่เรามาลงพื้นที่นี้ คนก็ตกใจว่ามันคืออะไร เราต้องมีการคุยกันก่อน ว่าคืองานปาร์ตี้สงกรานต์ ที่จัดปีละประมาณ 3-4 วัน ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ ปรากฏว่าตอนนี้เรามีโอกาสร่วมมือกับคนแถวพื้นที่ตรงนี้ ในการร่วมกันสร้างกิจกรรมรอบๆ งาน S2O ก็มีร้านรอบข้างเปิดกันเต็มไปหมด ถือว่าเป็นการกระจายรายได้ให้กับชุมชนและพื้นที่แถวนี้”

ถือว่าปีนี้ประสบความสำเร็จกว่าทุกปีไหม
“อันนี้คือข้อเสียของพี่เลยนะ ไม่แฮปปี้กับปัจจุบัน เป็นคนที่คิดถึงจะทำไงให้ดีขึ้นกว่านี้ ทำไงให้มีมาตรการที่เซฟกว่านี้ ทำไงให้พื้นที่ใหญ่กว่านี้ คิดถึงขั้นว่าปีหน้าอาจจะต้องหาเป็นพื้นที่นอกเมืองที่ใหญ่ขึ้น เพราะล่าสุดที่ประเทศจีนเราได้รับข้อมูลมาว่า คนจีนอยากจะมาในช่วงวันหยุดแบบนี้ แย่งชิงบัตรกัน เลยรู้สึกมันต้องขยายไปมากกว่านี้แล้ว ผมเชื่ออย่างนึงว่าถ้าเราจัดงานให้ดี ให้มันน่าไป ยังไงคนก็ไป เราเองดูตัวเราเอง มีหลายงานที่วู้ดดี้ลงทุนเดินทางไปนอกกรุงเทพฯ เพื่อจะไป เราคงไม่จัดไกลขนาด 200-300 กม. แต่หมายถึงออกไปนอกเมืองนิดนึง สักแถวสุวรรณภูมิอะไรแบบนี้ ให้มันใหญ่ขึ้น แต่ไลฟ์ปาร์คที่เรายืนอยู่เป็นที่ที่โอเคมากนะ เรารู้สึกว่ามันกำลังดีอาจจะอยู่สัก 3-4 ปีครับ”








Advertisement

ล่าสุดมีคนปลอมบัตรเข้างานแล้ว
“มันเป็นกระแสที่ตอนแรกมองว่าเป็นเรื่องขำๆ ไป ก็มีชาวต่างชาติทำเป็นริสแบนด์ ไปปั๊มเหมือนแบงค์ปลอม เราก็ไปที่สน. เรียบร้อย ให้ตำรวจจัดการ มีการแจ้งความคนที่นำบัตรนี้มาจำหน่ายแถวรอบๆ งาน แต่โชคดีที่ริสแบนด์ของเราทั้งหมดจะอยู่ในระบบ เวลาเข้าต้องสแกนเช็กแล้วมันจะรู้เลยว่าอันนี้เป็นบัตรที่ปลอม โชคดีที่เทคโนโลยีช่วยเราได้ อันนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย ทุกปีจะมีคนที่พยายามอยากทำอะไรปลอมแบบนี้อยู่แล้ว เรื่องความเสียหายเรายังไม่ได้เจอ เขายังไม่ได้เข้ามาในงานยังสามารถสกัดก่อนได้ทัน ถือว่าโชคดีที่ริสแบนด์เราไฮเทคพอสมควร”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน