ฟิล์ม ธนภัทร รับปีที่แล้วโดนผลกระทบดราม่าหนัก ใช้หนังสือการ์ตูนบำบัด รักษาสภาพจิตใจ
เรียกได้ว่าปีที่ผ่านมาพระเอกหนุ่ม ฟิล์ม ธนภัทร กาวิละ ต้องเผชิญกับเรื่องราวดราม่าที่เข้ามาอย่างหนักหน่วง ไม่ว่าจะเป็นการโดนแบนซีรีส์ “แม่หยัว” เหตุจากการวางยาสลบแมว
ไม่จบแค่เรื่องแค่นั้น พอละครเรื่อง “เกมรักปาฏิหาริย์” ออกอากาศนางเอกในเรื่องก็มีข่าวเอี่ยวกับคดีดิไอคอนกรุ๊ป ละครจึงโดนต่อต้าน ทำเอาแฟนๆ เห็นใจพระเอกหนุ่มที่โดนผลกระทบไปด้วย
ล่าสุดพระเอกหนุ่มได้เปิดใจถึงปัญหาดราม่าที่เข้ามาในปีที่ผ่านมา ว่าหนักที่สุดตั้งแต่ที่เข้าวงการมา พร้อมเผยถึงเป้าหมายที่พระเอกหนุ่มตั้งไว้ในปีนี้ว่า
ชีวิตที่ผ่านมาเจอเรื่องราวดราม่าเยอะมาก ได้เช็กดวงตัวเองไหม? “ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ทำงานได้อย่างราบรื่น ประสบความสำเร็จได้ดี (ยกมือสาธุ) ผมไปไหว้พระน้อยครับ ยังไม่เท่าไหร่ เพิ่งพาคุณแม่ไปเที่ยวมา แล้วก็มาซ้อมละครเวที”
ตั้งแต่เข้าวงการมา ปีที่แล้วถือว่าเจอเยอะที่สุดไหม ? “น่าจะหนักที่สุดแล้วนะ เรื่องที่มันไม่เกี่ยวกับเรา แล้วเราได้รับเต็มๆ ผมไม่โทษใครนะ เป็นเรื่องที่เราเรียนรู้ หวังใจว่าปีนี้จะทำงานได้อย่างราบรื่น อย่างมีความสุข”
หลายคนก็มองว่าก็จะได้เป็นบทเรียน ว่าเวลามีดราม่าเราจะได้รับมืออย่างไร? “ใช่ครับ ก็หวังว่ามันจะเป็นภูมิคุ้มกัน เป็นพิษร้ายกัดกินใจเรา ผมรู้สึกว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมาคนมีปัญหาด้านสุขภาพจิตค่อนข้างเยอะ หมายถึงคนรอบตัวของผม หมายถึงตัวผมเอง ผมก็รู้สึกว่า เราอ่อนไหวได้มากขึ้น ผมรู้สึกว่าหลายอย่างมันพร้อมที่จะท็อกซิก”
แปลว่าเราก็เช็กตัวเองเหมือนกัน ? “ใช่ครับ ผมรู้สึกว่าเมื่อไหร่ที่เราเท่าทันความรู้สึกตัวเอง เรารู้สึกว่าเราเริ่มเป็นมากแล้วนะ แล้วตามงานวิจัยต่างๆ ด้วยเปอร์เซ็นต์ของคนที่ป่วยทางจิต ผมไม่ได้หมายถึงว่าเป็นบ้านะครับ หมายถึงเป็นโรคซึมเศร้า ความเครียดสะสมเกิน ผมไม่เข้าใจจนผมเป็นผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่จะเครียดอะไรกันนักหนา จนเราเป็นผู้ใหญ่ อ๋อ มันเป็นแบบนี้นี่เอง”
เวลาเจอเรื่องเครียดเรารับมือกับตัวเองยังไง ? “บางช่วงมันทำไม่ได้ครับ บางช่วงก็เลือกที่จะโยนมือถือทิ้งไปเลย คือไม่เสพอะไรเลย ไม่เล่นอะไรเลย อ่านการ์ตูน ดูหนัง อ่านหนังสือ เล่นกับแมว เซฟโซนคือหนังสือครับ ผมชอบอ่านหนังสือ รู้สึกว่าเวลาได้อ่านหนังสือ มันทำให้เรามีสมาธิจดจ่อกับหนังสือ มันทำให้เราหยุดคิดเรื่องอื่น
หนังสือแนวที่อ่านบ่อยก็คือการพัฒนาตัวเอง หนังสือที่อ่านแล้วฮีลใจ อ่านแล้วทำให้เรารู้สึกรักตัวเองมากขึ้น เคารพตัวเองมากขึ้น แต่ปีที่แล้วยังอ่านได้ไม่เยอะมาก ปีที่แล้วผิดคาด เราอ่านหนังสือได้น้อย ปีที่แล้วติดการ์ตูนค่อนข้างเยอะ
แต่การ์ตูนก็เป็นอีกหนึ่งเซฟโซนของผม คือมันไม่ต้องคิดอะไร คือมันเป็นโลกของจินตนาการ ดูการ์ตูนแล้วไม่คิดอะไร คือมันเป็นเทคนิคส่วนตัวของใครของมันครับ บางคนก็อาจเข้าไปเดินป่า เห็นช่วงนี้กำลังฮิต ของผมก็คืออยู่บ้านอ่านหนังสือไม่ยุ่งกับใคร เป็นอินโทรเวิร์ตป่ะ
แต่ผมถามหลายคนว่าผมเป็นไหม เขาบอกว่าไม่เอ็กโทรเวิร์ต เป็นเอ็กโทรเวิร์ต ที่พยายามจะเก็บตัว (หัวเราะ)”
มีเป้าหมายที่ตั้งไว้ไหม ? “ถ้าปีนี้ในระยะสั้น อยากจะมีความสุขให้มากที่สุด เป้าหมายผมมีแค่นี้แหละ”
เหมือนที่ผ่านมาเราไม่ค่อยมีความสุข ? “ผมว่าเรื่องที่เกิดขึ้น มันเกิดขึ้นทุกปี แต่ว่าเราอาจจะจัดการความรู้สึกเหล่านั้นได้ไม่เก่ง ผมเลยรู้สึกว่าอยากจะเป็นคนที่มีความสุข ให้ได้มากที่สุด ผมไม่ได้หมายถึงว่าจะไปเปลี่ยนแปลงคนอื่น หรือว่าไปร้องขอ แต่ว่าผมจะจัดการที่ตัวเอง
เราอยากจะใช้ปีนี้นอกจากทำงานไปด้วย หาเงินไปด้วย ดูแลแม่ไปด้วย คือเราอยากจะพัฒนาตัวเอง มายเซ็ตของเรา ให้มีความสุขได้ทุกวัน มีความสุขกับเรื่องเล็กน้อย แค่วันนี้ลืมตาตื่นมา ล้างหน้าแปรงฟันก็มีความสุขแล้ว อยากทำให้ได้อย่างนั้นในทุกๆ วัน”