ที่ผ่านมารับแต่บทห้าวๆ โหดๆ นักแสดงหนุ่มสุดติสต์ ‘เป้’ อารักษ์ อมรศุภศิริ เลยอยากเปลี่ยนแนว ล่าสุดฉีกบทบาทเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยมารับบทพระ ‘หลวงพี่เป้’ ในภาพยนตร์แนวคอมเมดี้เรื่อง “แต่ง…Monk”
• ทำไมตัดสินใจเล่นหนังเรื่อง “แต่ง…Monk”?
เป้ – “คือมันเป็นหนังตลก อยากเล่นหนังตลกบ้างสลับๆ กันไป แล้วผมอยากเล่นเป็นพระ อยากหาบทที่แตกต่างจากเดิม เพราะรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ไทยแลนด์โอนลี่มากๆ เล่นเป็นนักบวชศาสนาพุทธ อยากลองดู ผมชอบแซวพวกที่เล่นเป็นพระแล้วใส่วิกแปะคิ้วปลอม ผมอยากจะลองทำ แล้วก็ทำได้จริงๆ โกนหัวจริงโกนคิ้วจริง ตอนนั้นคนก็งงนะว่าไปบวชมาเหรอ”
• คาแร็กเตอร์ ‘หลวงพี่เป้’ เป็นอย่างไร?
เป้ – “เป็นพระปฏิบัติที่เคร่ง แต่พอมาอยู่ในหนังคอมเมดี้ ก็โดนสั่งว่าไม่ต้องซีเรียสขนาดนั้น มีความโก๊ะ เปิ่น วิ่ง และมีโมโหด้วย”
• พอมาเล่นเป็นพระ ต่างจากบทอื่นๆ ที่เคยเล่น?
เป้ – “ใช่ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ผมรับเล่น อยากลองเปลี่ยนบ้างครับ ก่อนหน้าการถ่าย ผมมีไปเรียนรู้เรื่องการปฏิบัติตัวของพระ เรียนรู้วิธีการห่มจีวร เพราะผมยังไม่เคยผ่านการบวช โดยไปที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา เป็นวัดป่าที่ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด อย่างตัวละคร หลวงพี่เป้ เราตีความกันว่าเป็นพระวัดบ้าน จริงจัง ซีเรียส ก็เลยอยากไปศึกษาวัดที่เคร่ง ก็ไปนอนที่นั่นด้วย”
• ทำไมต้องอินขนาดนั้น?
เป้ – “จริงๆ อยากทำมากกว่านี้ แต่เวลาไม่พอครับ แล้วคนที่โกนหัวและคิ้วให้ผมเล่นหนังเรื่องนี้ ก็คือหลวงพี่ท่านหนึ่งที่สำนักสงฆ์ดังกล่าวครับ การโกนหัวโกนคิ้วถามว่ากระทบงานไหม ไม่นะครับ จังหวะเวลาได้พอดี เพราะเราถ่ายทำหนังเรื่องนี้ที่ญี่ปุ่น 1 เดือน แล้วกลับมาไทยต้องถ่ายหนังอีกเรื่อง ซึ่งเรื่องนั้นไม่ต้องรอผมยาว แค่ซื้อยาปลูกคิ้วมาทาเร่งนิดหน่อยครับ”
• ไปถ่ายทำที่ประเทศญี่ปุ่น บรรยากาศการถ่ายทำเป็นอย่างไรบ้าง?
เป้ – “เรื่องนี้ถ่ายทำเสร็จไปตั้งแต่ปี 2566 จำบรรยากาศไม่ค่อยได้แล้ว แต่จำได้ว่าไปเที่ยวญี่ปุ่นสนุกดี คือเราไปถ่ายทำที่จังหวัดฟุกุชิมะ เป็นจังหวัดที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด คือผ่านไปหลายปีเขาก็บอกว่าปลอดภัยแล้ว เราก็ไปถ่ายที่นั่น เมืองที่เราอยู่ยาวที่สุดน่าจะเป็นเมืองไอสึ แต่ในจังหวัดเราจะเดินทางหลายเมือง ประมาณ 3-4 เมือง แต่ผมจำได้อยู่เมืองเดียว คือเมืองไอสึ เพราะอยู่นานสุด จำได้เลยว่าเป็นเมืองโล่งๆ แต่ไม่ได้ร้างมาก แต่ละร้านที่ไปกินอาหารจะมีพนักงานแค่สองคนคือสามีภรรยา ก็อยู่สบายครับ
แต่เราต้องทำงานแข่งกับเวลา เพราะที่ญี่ปุ่นมืดเร็ว แล้วตอนนั้นกำลังจะเข้าหน้าหนาว ช่วงตุลาคมอากาศเย็น แล้วทำงานห้ามเกิน 12 ชั่วโมง ก็พยายามทำทุกอย่างให้อยู่ในตารางงานที่วางเอาไว้กันมากที่สุดครับ นักแสดงและทีมงานก็ร่วมแรงร่วมใจทุกงานกันเต็มที่ ก็อยู่กันนานเกือบๆ เดือน แต่ผมก็เที่ยวต่อจนถึงหนึ่งเดือนพอดี”
• ร่วมงานกับนักแสดงแต่ละคนเป็นยังไงบ้าง?
เป้ – “ดีครับ อย่างเฟย (ภัทร) เป็นน้องรักผมอยู่แล้ว เราเคยเรียนต่อยมวยด้วยกัน คุ้นกันอยู่แล้ว ไปญี่ปุ่นผมก็จะอยู่กับเฟยแทบตลอดเวลา แล้วก็น้องโอม เยลโล่ สเกิร์ต ด้วย แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ผมได้เล่นกับนักแสดงตลกอย่าง พี่จตุรงค์ มกจ๊ก และ แจ็ค แฟนฉัน เล่นกับแก๊งนี้สนุกมากๆ ทั้งในกองและนอกกอง กลับมาเมืองไทยก็ให้แจ็คพาไปทำบุญครับ
ส่วนกับน้องออม (กรณ์นภัส) ผมรู้จักพี่ก้อย (นฤมล พงษ์สุภาพ) คุณแม่ของน้องออมอยู่แล้ว ตอนแรกเจอน้องออมที่ร้านกาแฟ ก็รู้สึกว่าทำไมคนนี้สวยจัง ต้องดังแน่เลย แล้วตอนนี้น้องออมก็ดังระเบิด ดังเกินหน้าเกินตาไปแล้ว (หัวเราะ) ก็ดีใจกับน้องออมด้วยครับ อย่างตอนที่เล่นกับออม ผมไม่ได้แนะนำอะไรน้อง เพราะเขาก็มีคุณแม่ ซึ่งเป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ที่มีฝีมืออยู่แล้วครับ”
• คิดว่าเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นอะไรบ้าง
เป้ – “พระไทย และ พระญี่ปุ่น เป็นศาสนาพุทธเหมือนกัน แต่หลักการบางอย่างที่แตกต่างกัน แต่สุดท้ายแล้วก็สอนให้คนเป็นคนดีครับ”
อชริญา บุญชู