เอ พศิน เผยความสัมพันธ์ เจนี่ ไม่รู้จักกันแล้วดีกว่า ไม่ได้คบใครเพราะมารยาท เผยพูดความจริงเจตนาดี ต่อให้ถูกเกลียด เขาไม่อยากเจอตลอดชีวิตก็ตาม
ก่อนหน้าที่ เอ พศิน ได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจถึงความสัมพันธ์กับนางเอก เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ว่ารู้สึกดีเกินเพื่อน แต่ทางด้าน เจนี่ ได้โต้กลับว่าที่ผ่านมาคุยตามมารยาท พูดอะไรต้องให้เกียรติกันด้วย
ล่าสุด เอ พศิน เปิดใจอีกครั้งถึงความสัมพันธ์ ตอนนี้ไม่รู้จักกันแล้ว และไม่ระลึกถึงดีที่สุด และย้ำว่าตนจะคบใครไม่ใช่เพราะมารยาท แต่เป็นความจริงใจที่มีให้กัน
“ความรักตอนนี้เดี๋ยวผมจะเปิดตัว เหลืออยู่คนเดียวแล้วครับ (เปิดภาพลูกชายบนหน้าจอในโทรศัพท์) ตอนนี้ก็สัญญากับเขาไว้ว่าจะอยู่จนกว่าเขาจะมีแฟน เขาเป็นคนบอกเองว่าปะป๊าพอแล้วอยู่กับหนูดีกว่า เพราะว่าเขาก็เป็นคนสกรีนให้เราด้วยทุกครั้งที่เจอแล้วมันก็ไม่โอเค ลูกเขาก็เห็นพ่อเหงาๆ แล้วก็เห็นแม่ก็มีปัญหาเรื่องแฟนมาตลอด เขาก็บอกแม่ไม่ต้องมีแล้วอยู่อย่างนี้แหละ”
ถ้ามีความรัก ต้องบอกลูกก่อน? “ทุกคนที่เข้ามาในชีวิตผม ลูกจะรู้หมด เพราะฉะนั้นถ้าสัมภาษณ์ลูกจะได้ความจริงทั้งหมด เขาก็จะมองครับ ถ้าคนนี้ไม่โอเค บางทีเขาก็ไปบอกผู้หญิงเลยว่าอย่ามาชอบพ่อหนูนะ แต่ถ้าโอเคเขาก็จะมองด้วยสายตาของเด็กที่เป็นผู้ใหญ่ ไม่ตกใจที่เขาไปบอกคนที่เราคุยเพราะมันคือความจริง เราสอนให้เขาอยู่กับความจริง เพราะว่าความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตายแม้เราจะตายก็ตาม”
ตอนนี้มองเรื่องความรักยังไง? “ไม่อยากมีแล้ว คือผมจะบอกว่าเวลาที่พี่ๆ สื่อมวลชนถามดาราหรือใครก็ตาม คำถามนี้วันนี้ตอบแบบนี้ พรุ่งนี้ตอบอีกอย่างนึง เพราะว่ามันจะมีเหตุการณ์ มันจะมีเหตุผลอีกอย่างนึง แม้แต่วินาทีที่มันผ่านไปเราก็มีสิทธิ์ที่จะคิด ฉุกคิดขึ้นมาได้ หรือว่าเปลี่ยนความคิดได้ เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่คนในวงการพูดแล้วมันเปลี่ยนไปมันคือเวลา
ที่ไม่อยากมีแล้ว มันไม่ใช่ปลง แต่เราใช้เวลากับการซักผ้า ทำกับข้าว รีดผ้า ถูบ้าน ดูแลลูก ยิ่งเปิดเทอมยิ่งต้องทำ เพราะว่าไม่มีใครทำได้ดีกว่าเรา เราไม่สามารถเอาเวลาที่เราซักผ้าทำกับข้าวไปคบใครได้”
ไม่เกี่ยวกับข่าวก่อนหน้านี้ที่ออกมาเปิดใจเรื่องความรัก ? “อันนั้นไม่ใช่เปิดใจเรื่องความรัก เราจะบอกว่าความปรารถนา กับปรารถนาดีไม่เหมือนกัน บางคนก็คิดว่าเราปรารถนาในใครบางคนซึ่งมันไม่ใช่ เราแค่ปรารถนาดีแล้วก็การที่ออกมาพูดถึงดีเทลก็เพราะว่าเราดันไปเกี่ยวด้วยไง แล้วเชื่อว่าเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น ซึ่งบางคนเขาไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือ เขาแข็งแกร่ง เพราะฉะนั้นผมขอสรุปเลยแล้วกันว่า ถ้าผมจะคบใครผมจะไม่คบเพราะมารยาท หรือคุยเพราะมารยาท ผมจะคุยเพราะว่ามันคือความจริงใจที่เราจะช่วยหรือเราจะทำอะไรให้ เพราะฉะนั้นนั่นคือการให้เกียรติกันมากๆ อย่างหนึ่ง ซึ่งผมก็พยายามจะมองข้ามมันแต่ว่า เราก็กลับมามองว่าเราก็มีลูก เราก็ต้องให้เกียรติลูกเรา ลูกเรารู้เห็นทุกอย่าง สิ่งที่มันผ่านไปมันไม่ใช่ยังไม่เกิดขึ้นแต่มันจบไปแล้ว”
วันนั้นที่สัมภาษณ์ไปฟีดแบ๊กกลับมาเป็นยังไง? “ก็มีเยอะ จริงๆ แล้วทุกคนอยากให้ข่าวมีการทะเลาะกัน แล้วก็แฉกัน จะให้เอาคลิปมาเปิดให้ดูเหมือนอีกหลายๆ ข่าว อยากให้มีคลิปเสียงอยากให้เปิดแชท ซึ่งสิ่งเหล่านั้นเมื่อผ่านไปแล้วมันก็คือผ่านไป บางคนเคยเป็นแฟนเรา 10 กว่าปีก่อนเราก็ไม่อยากจะเอาสิ่งที่คุยกันมาให้ใครดู แต่ผมก็ไม่เคยลบแชทเลยนะ ก็เก็บไว้
เราเห็นที่เขาสัมภาษณ์ เขาฉลาดเขามีวุฒิภาวะ เขามีสติมีสมาธิมีปัญญาคนที่รักตัวเองคือคนที่ฉลาด เป็นคนที่เพลย์เซฟคือคนที่จะไม่ผิดพลาดในชีวิตเพราะฉะนั้นนี่คือความจริงใจกับตัวเองของเขา มันไม่ผิดแต่มันคือคำตอบที่ถูกที่สุดสำหรับเขา”
แล้วสำหรับเรารู้สึกยังไงบ้าง? “ชื่นชม ซาบซึ้ง ในมุมที่ผมพูดมันก็คือชีวิตผมไง อาจจะไปพ่วงกับชีวิตคนอื่นในมุมมองที่ถ้าเราไม่พูดแล้วใครจะพูด แต่ถ้าเราพูดแล้วเราจะถูกเกลียดจากทุกคนที่อยู่รอบข้างใครก็ตาม แต่เราพูดด้วยเจตนาที่ดีเพราะเรารู้อย่างนั้น เราเชื่ออย่างนั้นเราก็เลยพูดต่อให้พูดไปแล้วเขาจะไม่อยากเจอเราตลอดชีวิต เราก็ต้องพูดเพราะต้องมีสักคนนึงที่พูดความจริงกับชีวิตใครสักคน”
“ความสัมพันธ์ตอนนี้ไม่รู้จักกันแล้วดีกว่า ถือว่าเป็นวาระที่จะไม่ต้องพูดถึง แล้วก็ไม่ระลึกถึงดีที่สุดครับถึงขั้นนั้นครับ ก็ให้ทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราโชคดีและมีความสุขกับชีวิตของตัวเองนะครับ”
