ขุนพลทีมชาติอิตาลี โชว์ผลงานสุดร้อนแรงในการประเดิมสนามฟุตบอลยูโร 2020 ด้วยการถล่ม ตุรกี ที่หลายคนคาดว่าอาจจะเป็นทีมม้ามืดในทัวร์นาเมนต์นี้ไปได้ด้วยสกอร์ 3-0 แต่นอกจากเรื่องของผลสกอร์ที่ออกมาแล้ว

อีกหนึ่งสิ่งที่ทัพอัซซูรีได้แนะนำตัวให้แฟนบอลทั่วโลกเห็นในเกมเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา คือ รูปแบบการเล่นของพวกเขาที่ไม่ได้เน้นเล่นแค่เกมรับ แต่เปลี่ยนมาเป็นสไตล์ที่ไม่เปิดโอกาสให้ฝั่งตรงข้ามได้เล่นเกมรุก

อิตาลี บอกลาระบบการเล่นที่อยู่คู่กับทีมมาอย่างยาวนานอย่างแผน 3-5-2 ทันที ตั้งแต่การเข้ามาทำทีมของ โรแบร์โต มันชินี ที่เลือกจะทิ้งรายได้ก้อนโตในการไปคุมสโมสรเซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ในรัสเซีย เพื่อรับหน้าที่อันทรงเกียรติที่สุดในฐานะบุคคลในวงการลูกหนังอิตาลี นั่นคือการเป็นกุนซือทีมชุดใหญ่ของพลพรรคอัซซูรี

จากความล้มเหลวในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2018 ในยุคของ จามปิเอโร เวนตูรา ซึ่งทำให้อิตาลีพลาดตั๋วไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกในรอบ 56 ปี ทำให้สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี หรือ ฟีจีชี ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเล่นของทีมใหม่

และโค้ชที่ถูกเลือกเข้ามาเพื่อปฏิวัติทีมชาติอิตาลี คือ โรแบร์โต มันชินี กุนซือวัย 56 ปี ปรับแผนการเล่นของทีมชาติอิตาลี มาเล่นในระบบ 4-3-3 ยกเลิกแผนที่หลายคนคุ้นตาด้วยการใช้กองหลังตัวกลาง 3 คน และหยิบปีกธรรมชาติมาใช้แทนที่การเติมเกมของเหล่าฟูลแบ็ก

พร้อมกับปรับสไตล์ที่ปกติแล้วอิตาลีจะขึ้นชื่อเรื่องการแพ็กเกมรับในแดนตัวเอง ให้กลายเป็นการไล่บอลตั้งแต่แดนหน้าเพื่อปิดโอกาสไม่ให้คู่ต่อสู้ได้มีโอกาสทำเกมรุกตั้งแต่ต้น

หลายจังหวะในเกมเมื่อคืนที่ผ่านมามีหลายจังหวะที่เราได้เห็น ชิโร อิมโมบิเล รวมถึงปีกสองข้างอย่าง ลอเรนโซ อินซิเญ และ โดเมนิโก เบร์ราดี ไล่บีบบอลจากผู้เล่นแนวรับของตุรกี และช่วยให้อิตาลีกลับมาเป็นฝ่ายครองบอลได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้คู่แข่งพาบอลขึ้นไปในแดนของพวกเขา

ด้วยแท็กติกดังกล่าวทำให้เกมเมื่อคืนนี้ อิตาลี เป็นฝ่ายครองบอลได้ถึง 61 เปอร์เซ็นต์ แถมมีโอกาสลุ้นประตูมากถึง 16 ครั้ง

ส่วนตุรกี ตลอด 90 นาที มีโอกาสลุ้นประตูแค่ 2 จังหวะ แถมสถิติช่วงหลังพวกเขาก็ทำได้แบบสุดหรู ชนะ 9 นัดรวด โดยไม่เสียแม้แต่ประตูเดียว

ตอนนี้อิตาลีไม่ใช่แค่ทีมที่จะเน้นรับเพื่อขอแค่ 1 ประตู ในการปิดเกมอีกต่อไปแล้ว

แต่พวกเขายังได้ยกระดับเกมรับในแดนตัวเอง ให้กลายมาเป็นการปิดตายคู่แข่งไม่ให้เล่นเกมรุกเพื่อฉกบอลกลับมาลุ้นประตูเอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน