จากกรณี มาร์โค อาร์เนาโตวิช หัวหอกออสเตรีย โดนแบน 1 นัด จากพฤติกรรมด่าทอบุพพการีผู้เล่นนอร์ท มาซิโดเนีย ทีมคู่แข่งใน ศึก ยูโร 2020 หลังเจ้าตัวพังประตูย้ำชัยแล้วแสดงอาการดีใจ ด้วยคำสบถใส่ เอซ์ก์ยาน อลิออสกี กองหลังคู่แข่งเชื้อสายอัลแบเนีย ขนาด ดาวิด อลาบา ต้องมาบีบปากให้เพื่อนสงบสติอารมณ์
หลายคนคงพาลสงสัยถึงที่มาที่ไปความขัดแย้ง เรื่องประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ของชาวยุโรปตะวันออกในดินแดนแถบนี้
จากอดีตกาล “นอร์ทมาเซโดเนีย” เดิมคือ มาเซโดเนีย แต่เนื่องจากกรณีพิพาทกับกรีซ จึงเปลี่ยนชื่อเป็น นอร์ทมาเซโดเนีย ในปัจจุบัน
เดิมดินแดนแห่งนี้ เคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิ์โรมัน กาลต่อมาดินแดนบางส่วนตกเป็นของยูโกสลาเวีย ปัจจุบันได้รับรองเป็นเอกราช มีเชื้อสายสลาฟ 64% ถือคริสออร์โธด็อกซ์ และ เชื้อสายอัลบาเนีย 33%
ขณะที่ ออสเตรีย เป็นชาติพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่มีความเป็นมาเก่าแก่แต่โบราณ (ก่อนปรัสเซียจะรวมชาติเป็นเยอรมนีถึงปัจจุบัน) ทว่าหลัง จักรวรรดิ์ออสเตรีย- ฮังการี ล่มสลายหลังสิ้งสุดสงครามโลก ครั้งที่ 1 ความยิ่งใหญ่ของออสเตรีย ก็เหลือเพียงความทรงจำในอดีต
อาร์เนาโตวิช เป็นนักเตะออสเตรีย เชื้อสายเซอร์เบีย หนึ่งในประเทศจากดินแดนกลุ่มคาบสมุทรบอลข่านที่มีปัญหาเรื่องเชื้อชาติรบพุ่งใน โคโซโว และ อัลแบเนีย หลังการพิพาทกับ ยูโกสลาเวีย มีผู้เสียชีวิตมากมายติดพันช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา และ เอซก์ยาน อลิออสกี คู่กรณี มีเชื้อชาย อัลแบเนีย เลยเป็นชนวนเหตุแห่งความขัดแย้ง
การเมืองเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ยิ่งเกี่ยวเนื่องจากชาติพันธุ์ ทางศาสนา ตัวของ อาร์เนาโตวิช เมื่อตั้งสติได้จึงออกมากล่าวขอโทษหลังเกมว่า “ผมอยากอธิบายให้ชัดเจนอีกครั้งว่าผมไม่ใช่พวกเหยียดเชื้อชาติ ผมมีเพื่อนอยู่ในเกือบทุกๆ ประเทศ และผมยืนอยู่ท่ามกลางความหลากหลาย ทุกคนก็รู้ดีว่าผมเป็นคนที่ตระหนักกับเรื่องนี้”
เรื่องความแตกแยก ความขัดแย้งในยุโรปตะวันออก ต้องใช้เนื้อที่ขยายความลงละเอียดเจาะลึกยิ่งกว่านี้ จึงต้องละไว้เพื่อความเข้าใจ แต่เพียงเท่านี้