ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ของการแข่งขันยูโร 2020 หลายกลุ่มเล่นไปแล้วสองนัดมีทีมเข้ารอบน้อคเอาต์ เรียบร้อยสามทีม
อิตาลีนำร่อง ตามด้วย เนเธอร์แลนด์ และเบลเยียม ส่วนคืนวันเสาร์นี้ ถ้าหากฝรั่งเศสเก็บฮังการี ได้หรือ โปรตุเกสชนะ เยอรมันก็จะเข้ารอบอีกสองทีม ขณะที่อังกฤษ ทีมขวัญใจชาวไทยสองนัดมีสี่แต้ม
พร้อมทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า แกเรธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมไหวมั้ย
ถ้ามองแง่บวกฟุตบอลทัวร์นาเม้นต์ ไม่ต้องรีบออกตัวแรง เล่นไปเรื่อยๆ เน้นเข้ารอบ จากนั้นมันจะค่อยๆปรับตัวปรับจังหวะการเล่นได้ในรอบน้อคเอาต์ ซึ่งเป็นรอบสำคัญกว่ารอบแบ่งกลุ่ม
บ้างก็มีทฤษฎีว่า การที่อังกฤษเสมอกับสกอตแลนด์ นั้นเป็นเพราะ ดึงเกม เนื่องจากรอบน้อคเอาต์ หรือ 16 ทีมสุดท้ายนั้นหากพวกเขาเข้าที่หนึ่งจะไปพบกับอันดับสองกลุ่มเอฟ ซึ่งมี ฝรั่งเศส, เยอรมัน , โปรตุเกสและฮังการี
ดังนั้นสิงโตคำรามจึงยังไม่ต้องรีบคำราม หลบทีมใหญ่ ขอเข้าเป็นที่สองเพราะจะทำให้ไปเจออันดับสองกลุ่มอีซึ่งมีสเปน, สวีเดน, โปแลนด์ และสโลวะเกีย
ก็คิดกันได้ครับ แต่ผมไม่เชื่อเช่นนั้น ซึ่งมันก็น่าจะเหมือนกันกับคนที่มองในแง่ “ผลงาน” ทั้งสองนัดของอังกฤษคือว่า ยังเล่นไม่ถูกใจแฟนบอล ชนะโครเอเชียหืดจับ ก็ไม่ได้เหนือกว่า เกมแบบเดียวกับที่เสมอสกอตแลนด์
ถ้ามองเฉพาะฟุตบอลล้วนๆ มันมีเหตุผลในทำนองที่เล่นไม่ดีเอง ไม่ใช่เจตนาจะหลบใครหรอก แล้วฟุตบอลยุคนี้ถ้าเล่นแล้วหลบกันก็ไม่น่าทำทีมแล้วครับ อีกอย่างถ้าหลบแล้วคุณไปเจอรอบรองชนะเลิศ, รอบชิง แล้วแพ้ขึ้นมา แบบนั้นสู้เข้าไปตัดให้ตกรอบไม่ดีกว่าหรอกหรือ
ดังนั้น…ผมคิดว่าการที่สิงโตยังไม่คำรามเป็นเพราะ “เล่นไม่ดี” นั่นแหละครับ ไม่ได้มีเจตนาจะหลบหนี ฝรังเศส, เยอรมัน และ โปรตุเกส หรอกครับ