คู่ฟัดระดับตำนาน – การประกบคู่ ศึกยูโร 2020 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ทำให้คู่ฟัดตลอดกาลตั้งแต่สงครามโลกจนถึงสงครามลูกหนัง .. อังกฤษ ที่หนึ่งกลุ่ม D พบ เยอรมนี ที่สองกลุ่ม F โคจรมาพบกันอีกครั้ง
สำนักข่าว เอพี รายงานย้อนรอยการพบกันของสองทีมชาติคู่นี้ ที่สร้างแมตช์ในตำนานไว้หลายนัด รวมถึง ฟุตบอลโลก 1966 และ ฟุตบอลยูโร 1996 ที่ผลัดกันแพ้และชนะ
แต่โดยรวมแล้ว เยอรมันมีสถิติคว้าชัยได้เหนือกว่าที่ 15 นัด แพ้ 13 นัด และเสมอ 4 นัด
1938: อังกฤษ 6-3 เยอรมนี
ผลการแข่งขันแมตช์นี้ไม่ตะลึงมากไปกว่า บรรยากาศก่อนคิกออฟ ต่อหน้าผู้ชม 110,000 คนที่สนามโอลิมปิก สเตเดียม กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี เมื่ออังกฤษ ฝ่ายทีมเยือนทำท่าสดุดีนาซีให้เจ้าบ้าน ระหว่างที่เพลงชาติเยอรมันบรรเลงอยู่
นักเตะทำท่านี้ตามคำสั่งของรัฐบาลอังกฤษ ที่เล่นบทตามน้ำไปกับแผนโฆษณาชวนเชื่อของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ แต่หนึ่งปีถัดมา อังกฤษประกาศสงครามกับเยอรมัน ในปีค.ศ.1939 หลังจากกองทัพนาซีบุกเข้าโปแลนด์
1966: อังกฤษ 4-2 เยอรมันตะวันตก
อังกฤษคว้าแชมป์บอลโลกได้เมื่อเอาชนะเยอรมนีตะวันตก ที่สนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอน เป็นแมตช์ที่ยังคงเป็นข้อถกเถียงถึงปัจจุบัน เมื่อเข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ สองฝ่ายเสมอกัน 2-2 อลัน บอล ผ่านลูกให้เจฟฟ์ เฮิร์สต์ พลิกตัวยิง แต่ลูกก้ำกึ่งว่าข้ามเส้นโกลไลน์ไปแล้วหรือไม่
ตอนนั้นกรรมการชาวสวิส ปรึกษาผู้กำกับเส้นชาวโซเวียตแล้ว ให้เป็นประตู ส่วนภาพที่ถ่ายโดยกล้องสมัยนั้นไม่ชัดเจน กระทั่งเฮิร์สต์ยิงประตูเพิ่ม ทำให้อังกฤษชนะเยอรมันไป 4-2 ในที่สุด และเป็นการทำแฮตทริกของเฮิร์ตส์ รวมถึงเป็นแฮตทริกเดียวในรอบชิงชนะเลิศของฟุตบอลโลก
1970: เยอรมันตะวันตก 3-2 อังกฤษ
เกมนี้ นัด 8 ทีมสุดท้าย อังกฤษยิงนำก่อน 2-0 จาก อลัน มูลเลอรี และ มาร์ติน ปีเตอร์ แต่เยอรมันฮึดแซงรวด เริ่มจากการปลุกขวัญของ ฟรานซ์ เบกเคนเบาเออร์ ช่วงกลางเกมของครึ่งหลัง ต่อด้วยลูกตีเสมอของ อูเว ซีเลอร์ กัปตันทีม จนเกมต้องต่อเวลาพิเศษ
และเป็น แกร์ด มุลเลอร์ ที่ยิงวอลเลย์กระชากชัยให้เยอรมนีชนะอังกฤษเป็นครั้งแรก ทำให้เยอรมันเข้าไปพบอิตาลี แต่จบที่รอบตัดเชือกไม่ได้ไปต่อ
1972: เยอรมันตะวันตก 3-1 อังกฤษ
ตอนนั้นการแข่งขันยูโร รอบ 8 ทีมสุดท้าย จัดแบบนัดเหย้า-เยือน เกมแรกที่อังกฤษเป็นเจ้าบ้าน อูลี เฮอเนสส์ สับไกนอกกรอบเขตโทษ ลูกเข้าตุงตาข่ายอย่างสวยงาม
จากนั้น ฟรานซิส ลี ยิงตีเสมอให้อังกฤษ แต่เยอรมันกดชัยติดกัน โดย กุนเทอร์ เน็ตเซอร์ นาที 84 และ แกร์ด มุลเลอร์ นาที 88 จบเกมด้วยสกอร์ 3-1 ส่วนนัดต่อมาที่เบอร์ลิน เสมอกัน 0-0 เยอรมันเข้ารอบและทะลุไปจนคว้าแชมป์ยูโร 1972 ในที่สุด
1990: เยอรมันตะวันตก 1-1 อังกฤษ (เยอรมันชนะจุดโทษ 4-3)
เกมยืดเยื้อซ้ำรอปี 1966 และ 1970 จนต้องเข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ อันเดรียส เบรเม ยิงฟรีคิกเป็นประตูขึ้นนำ และ แกรี ลินีเกอร์ ไล่ตีเสมอเป็น 1-1 จนดวลจุดโทษ ซึ่งเป็นเยอรมันที่แม่นกว่าจนทะเลเข้าชิงคว้าแชมป์บอลโลกได้ในที่สุด
1996: อังกฤษ 1-1 เยอรมนี (เยอรมันชนะจุดโทษ 6-5)
อังกฤษไม่เคยชนะเยอรมันเป็นครั้งที่สองที่สนามเวมบลีย์ ในรายการใหญ่ นัดตัดเชือกนี้ อลัน เชียเรอร์ โหม่งนำก่อน สเตฟาน คุนตซ์ มาตีเสมอได้ในแมตช์ที่เยอรมนีรวมชาติเรียบร้อย จากนั้นไม่มีฝ่ายใดทำเพิ่มได้ จึงเข้าสู่การดวลจุดโทษอีกครั้ง
แกเร็ต เซาธ์เกต ยิงพลาดลูกที่ 6 และเยอรมันคว้าแชมป์ในเวลาต่อมา เมื่อเอาชนะเช็กในรอบชิงชนะเลิศ
2000: เยอรมนี 1-0 อังกฤษ
เป็นเกมสุดท้ายที่อำลาเวมบลีย์สนามเก่า และเป็นนัดสุดท้ายของ เควิน คีแกน ในนามโค้ชทีมชาติ หลังจาก ดีตมาร์ ฮามันน์ ยิงฟรีคิก ผ่านมือ เดวิด ซีแมน เข้าไปเป็นลูกชัย
2001: อังกฤษ 5-1 เยอรมนี
นัดนี้แข่งที่สนามมิวนิก เยอรมนี และเป็นชัยชนะสุดปลื้มของ สเวน-โกรัน อีริกสัน ที่คุมทีมชาติอังกฤษ จนเล่นฟอร์มที่ดีที่สุดเอาชนะเยอรมัน ด้วยสามประสานจากลิเวอร์พูล ได้แก่ ไมเคิล โอเวน ทำแฮตทริก สตีเฟน เจอร์ราด และเอมิล เฮสกีย์
2010: เยอรมนี 4-1 อังกฤษ
รอบ 16 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก ที่แอฟริกาใต้ เยอรมันนำก่อน 2-0 อังกฤษจริงๆ ตามมาได้ 2 ประตู แต่ประตูที่ 2 กรรมการมองเห็นจังหวะที่ มานูเอล นอยเออร์ เหินควักลูกออกมาแล้ว ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีวีเออาร์ จากนั้นเกมเยอรมันก็เหนือกว่า และทำเพิ่มอีก 2 ประตู
ลูกเจ้าปัญหาของแฟรงก์ แลมพาร์ด ดังกล่าวทำให้ฟีฟา ตัดสินใจนำเทคโนโลยีโกลไลน์มาใช้ใน 4 ปีต่อมา ที่บราซิล และเป็นปีที่เยอรมันคว้าแชมป์
……….
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :