แคสเปอร์ โดลเบิร์ก – ทัพลูกหนัง “โคนม” เดนมาร์ก ต้องเผชิญความลำบากไม่น้อยในศึกยูโร 2020 เมื่ออะไรหลายอย่างไม่เป็นใจ
รอบแบ่งกลุ่ม เกมแรกพ่ายฟินแลนด์ แถมเพลย์เมกเกอร์ ตัวเก่งอย่างคริสเตียน อีริกเซน วูบล้มคาสนาม ตอนนี้หมดสิทธิ์กลับมาช่วยทีมแล้ว
จากนั้นเกมต่อมาพ่ายเบลเยียม ทั้งที่อุตส่าห์เป็นฝ่ายนำไปก่อน ทำให้ขณะนั้นโอกาสเข้ารอบของเดนมาร์กเรียกได้ว่าริบหรี่
แม้เกมสุดท้ายจะเอาชนะรัสเซียขาดลอย ซิวตั๋วเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายอย่างเหลือเชื่อ แต่ก็มีปัญหาอีกเมื่อ ยุสซุฟ โพลเซน กองหน้าตัวหลักดันได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม แม้จะเผชิญเรื่องไม่ดีมากมาย แต่เดนมาร์กก็ยังได้ไปต่อ เมื่อจัดการถลุงเวลส์ขาดลอย 4-0 ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศเรียบร้อย
เกมนี้คนที่โดดเด่นสุดหนีไม่พ้นแคสเปอร์ โดลเบิร์ก ผู้เบิกร่อง 2 ประตูแรก จนทำให้เดนมาร์กคุมสถานการณ์โดยง่าย และเจ้าตัวก็คว้ารางวัลสตาร์ ออฟ เดอะ แมตช์ ไปครอง
โดลเบิร์กไม่ได้ลงสนามในรอบแบ่งกลุ่ม 2 เกมแรก และเพิ่งได้ลงเป็นตัวสำรอง 30 นาที แมตช์พบรัสเซีย แต่ต้องมาเป็นตัวจริงเกมนี้แทนโพลเซน ก่อนทำผลงานเหนือความคาดหมายดังกล่าว
นอกจากนี้ โดลเบิร์กยังเป็นผู้เล่นคนแรกของเดนมาร์กในรอบ 29 ปี ที่ทำประตูให้ทีมชาติในรอบน็อกเอาต์ศึกยูโรได้ หนล่าสุดต้องย้อนไปถึงนัดชิงชนะเลิศยูโร 1992 คิม วิลฟอร์ต ซัดปิดท้ายให้ทีมชนะเยอรมนี 2-0 นานขนาดนั้นเลยทีเดียว
อย่างที่หลายคนทราบกัน ว่าแชมป์ยูโรหนเดียวของเดนมาร์กนั้นได้รับขนานนามว่า “เทพนิยายเดนส์” ในฐานะทีมม้านอกสายตา แต่กลับผงาดสู่ความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ
ว่าไปแล้วสถานการณ์เดนมาร์กตอนนี้ ถือว่าไม่ต่างกับยูโรหนนั้นมากนัก ใครจะรู้ว่าเรื่องมหัศจรรย์อาจเกิดขึ้นอีกก็เป็นได้ โดยเฉพาะเมื่อมีอาวุธในแนวรุกอย่างโดลเบิร์กอยู่ในทีม