การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 เมื่อคืนวันที่ 11 ก.ค. ที่สนามเวมบลีย์ เป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ อิตาลี ลงสนามพบ อังกฤษ

สถิติที่ผ่านมาก่อนเกมนี้ อังกฤษ กับ อิตาลี พบกันทั้งหมด 27 นัด อิตาลี ชนะ 10 อังกฤษ ชนะ 8 เสมอ 9 นัด

ส่วนการพบกันเฉพาะในรายการเมเจอร์ (ยูโร และ ฟุตบอลโลก) 4 นัด อิตาลี ชนะทั้งหมด นอกจากนี้ อิตาลี ยังมีสถิติยอดเยี่ยมไม่แพ้ใครมา 33 นัดรวด ชนะ 27 เสมอ 6

ส่วนการเข้าชิงชนะเลิศ อิตาลี เข้าชิงรายการนี้ครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 4 โดย 3 ครั้งก่อนหน้านี้ คว้าแชมป์ได้สมัยเดียว ส่วนอังกฤษ เข้าชิงรายการนี้เป็นครั้งแรก และนับเป็นการเข้าชิงรายการระดับเมเจอร์ ครั้งแรกในรอบ 55 ปี หลังจากคว้าแชมป์โลกเมื่อปี 1966

สำหรับเกมนี้ อิตาลี มาในระบบ 4-3-3 ประกอบด้วย จานลุยจิ ดอนนารุมมา กองหลัง : โจวานนี ดิ ลอเรนโซ, เลโอนาร์โด โบนุชชี, จอร์โจ คิเอลลินี, เอแมร์สัน ปัลมิเอรี : นิโคโล บาเรลลา, จอร์จินโญ, มาร์โก แวร์รัตติ : เฟเดริโก เคียซา, ชิโร อิมโมบิเล, ลอเรนโซ อินซินเญ

ส่วน อังกฤษ มาในระบบ 3-4-3 มี จอร์แดน พิกฟอร์ด : ไคล์ วอล์กเกอร์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี แม็กไกวร์ : คีแรน ทริปเปียร์, คัลวิน ฟิลลิปส์, เดแคลน ไรซ์, ลุก ชอว์ : เมสัน เมาต์, แฮร์รี เคน, ราฮีม สเตอร์ลิง

เริ่มเกมได้เพียง 1 นาที 57 วินาทีเท่านั้น แฟนบอลในสนามเวมบลีย์ ได้เฮกันสนั่น เมื่อ อังกฤษ ได้สวนกลับบอลมาถึง คีแรน ทริปเปียร์ ทะลุหลุดมาทางฝั่งขวา ก่อนเปิดข้ามมาเสาสองให้ ลุก ชอว์ วิ่งมาซัดจังหวะเดียวเข้าไปตุงตาข่าย ให้อังกฤษ ออกนำ 1-0 เป็นประตูแรกของ ลุก ชอว์ ในนามทีมชาติอังกฤษ ทั้งยังเป็นประตูที่เร็วที่สุดในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโร อีกด้วย

หลังเสียประตู อิตาลี พยายามเร่งเกมบุกเพื่อเอาประตูคืน แต่จังหวะสุดท้ายยังขาดๆเกินๆ ทำอะไรไม่ได้มากนัก กลับเป็นอังกฤษ ที่เมื่อตัดบอลได้ก็บุกทำเกมขึ้นมาได้อย่างน่ากลัวหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีสกอร์เพิ่มเช่นกัน จบ 45 นาทีแรก อังกฤษ ออกนำอิตาลี 1-0

ครึ่งหลังอิตาลี เป็นฝ่ายครองบอลและขึงเกมบุกได้อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งนาที 67 อิตาลี ได้ลูกเตะมุม เปิดมาเสาสองให้ มาร์โก แวร์รัตติ แทรกตัวพุ่งโหม่งไปติดเซฟ จอร์แดน พิกฟอร์ด ในจังหวะแรก ก่อนที่ เลโอนาร์โด โบนุชชี จะวิ่งตามมาซ้ำเข้าไปตุงตาข่ายเป็นประตูตีให้อิตาลี ตีเสมอ อังกฤษ 1-1

ช่วงเวลาที่เหลือยังเป็นอิตาลี ที่เล่นกันได้ดีกว่า ขณะที่อังกฤษ ทำได้เพียงลงไปตั้งรับ และรอสวนกลับ แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีประตูเพิ่ม จบ 90 นาที อิตาลี เสมอ อังกฤษ 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษ ออกไป

ช่วงต่อเวลาพิเศษทั้งสองทีมยังคงทำอะไรกันไม่ได้ จบ 120 นาที ยังเสมอกัน 1-1 ต้องตัดสินกันที่การดวลลูกจุดโทษ ผลปรากฎว่า อิตาลี เป็นฝ่ายยิงได้แม่นกว่า ทั้งยังได้ ดอนนารุมมา ช่วยเซฟ เอาชนะ อังกฤษ 3-2 คว้าแชมป์ยูโร ได้เป็นสมัยที่ 2 หลังจากเคยคว้าแชมป์มาแล้วเมื่อปี 1968 ทั้งยังทำให้อิตาลี มีสถิติไรพ่ายติดกัน 34 นัดไปแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน