เมื่อวันที่8 ก.พ. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวโครงการส่งเสริมสาวไทยแก้มแดง มีลูกเพื่อชาติ ด้วยวิตามินแสนวิเศษ สธ.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำนโยบายยุทธศาสตร์การพัฒนาอนามัยเจริญพันธุ์แห่งชาติฉบับที่ 2 (พ.ศ.2560-2569) ว่าด้วยการส่งเสริมการเกิดและการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2559
นพ.ปิยะสกล. กล่าวว่า โดยนโยบายดังกล่าวจะเน้นใน 3 เรื่องคือ 1.การเพิ่มจำนวนการเกิด เพื่อทดแทนจำนวนประชากร โดยส่งเสริมการเกิดในหญิงอายุ 20-34 ปี ที่มีความพร้อมและตั้งใจที่จะมีครรภ์ 2.การเกิดทุกรายมีความพร้อม มีการวางแผน และได้รับความช่วยเหลือในการมีบุตร และ 3.ทารกเกิดมาอย่างแข็งแรง พร้อมเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยส่งเสริมให้ลูกเกิดรอด แม่ปลอดภัย ได้รับการดูแลหลังคลอดที่ดี โดยจะการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น พัฒนาระบบบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพตั้งแต่ระยะก่อนสมรส ก่อนมีบุตร ตั้งครรภ์ และหลังคลอด จัดกิจกรรมรณรงค์ให้คนไทยมีลูก ปรับปรุงแก้ไขสิทธิลาคลอดเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงดูบุตร มาตรการทางภาษีช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลบุตร เป็นต้น
นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ขณะนี้ผู้หญิงไทยแต่งงานน้อยลงหรือช้าลง โดยนิยมอยู่เป็นโสดมากขึ้น เนื่องจากมีการศึกษาที่สูงขึ้น ทำให้อัตราการเพิ่มประชากรไทยลดลงจากร้อยละ 2.7 ในปี 2513 ลดลงเหลือ ร้อยละ 0.4 ในปี 2558 ซึ่งหากไม่มีการดำเนินการใดๆ ภายใน 10 ปี อัตราการเพิ่มประชากรไทยจะเท่ากับ ร้อยละ 0.0 คือ อัตราการเกิดเท่ากับอัตราการตาย คือไม่มีจำนวนประชากรเพิ่ม เนื่องจากอัตราการเกิดน้อย สธ. จึงได้จัดกิจกรรมเสริมธาตุเหล็กและโฟลิกหรือวิตามินแสนวิเศษให้หญิงวัยเจริญพันธุ์ อายุ 20-34 ปีทุกคนที่พร้อมหรือตั้งใจวางแผนที่จะมีลูก ซึ่งช่วงวัยดังกล่าวราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ฯ ระบุว่า เป็นเวลาทองของการมีลูก และช่วงเวลาทองของเวลาทองคือช่วงอายุ 24-29 ปี
” โดยแพทย์แนะนำให้กินสัปดาห์ละ 1 ครั้ง อย่างน้อย 3 เดือนก่อนการตั้งครรภ์ จะช่วยลดภาวะพิการแต่กำเนิดของทารกลงได้ ซึ่งในวันที่ 14 ก.พ. 2560 หรือวันวาเลนไทน์ ที่จะมีคู่รักมาจดทะเบียนสมรสในวันนี้จำนวนมาก จะมีการแจกกล่องวิตามินแสนวิเศษ “สาวไทยแก้มแดงพัฒนาสมองและการเรียนรู้ด้วยเหล็กและโฟลิก” พร้อมแผ่นพับความรู้ให้แก่คู่รักที่มาจดทะเบียนทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่วางแผนจะมีบุตรสามารถขอรับวิตามินดังกล่าวได้ที่สถานพยาบาลสังกัด สธ.ทั่วประเทศ เนื่องจากเป็นชุดสิทธิประโยชน์ในหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอยู่แล้ว ถือเป็นการส่งเสริมคนที่พร้อมให้มีลูกเพื่อชาติ “นพ.วชิระ กล่าว
นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า โครงการดังกล่าวในช่วงแรก อภ.ได้ส่งมอบยาให้แก่ สธ.มูลค่า 1 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นให้หญิงวัยเจริญพันธุ์และเด็กเข้าถึงวิตามินดังกล่าวมากขึ้น ซึ่งยาจะมี 3 รายการคือ ยาน้ำแขวนตะกอนธาตุเหล็กสำหรับเด็ก กินสัปดาห์ละครั้งป้องกันภาวะโลหิตจางในกลุ่มเด็กปฐมวัย ยาเม็ดวิตามินรวมเหล็ก ไอโอดีน และโฟลิก กินทุกวันตลอดการตั้งครรภ์ และยาเม็ดวิตามินรวมเหล็กและโฟลิก สำหรับหญิงวัยเจริญพันธุ์
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การสร้างเสริมสุขภาพให้กับกลุ่มหญิงวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งจะเป็นผู้ให้กำเนิดเด็กไทยในรุ่นต่อๆไป มีความจำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อมทั้งด้านสุขภาพ ครอบครัว เศรษฐกิจและสังคม สสส.จึงร่วมส่งเสริมในทุกมิติตั้งแต่เรื่องใกล้ตัวเช่นการกินอาหารด้วยการส่งเสริมให้มีการกินผัก การกิจกรรมทางกายหรือการออกกำลังกายที่เหมาะสม การให้วัคซีน ตลอดจนการเสริมสารอาหารที่จำเป็นโดยเฉพาะโฟเลตและธาตุเหล็ก ตลอดจนถึงการเตรียมตัวก่อนแต่งงาน ที่ผ่านมา สสส.ได้สนับสนุนการพัฒนาชุดความรู้เรื่องการป้องกันความพิการแต่กำเนิดด้วยวิตามินโฟลิก และนำความรู้ที่ได้ไปทำงานในพื้นที่จนเกิดพื้นที่นำร่อง 22 จังหวัด พร้อมกับทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในการส่งเสริมการกินอาหารและผักใบเขียวที่มีโฟแลตสูง และการออกกำลังกายที่เหมาะสม พร้อมกับประสานความร่วมมือจากหน่วยงานอื่นๆ เช่น กรมการปกครอง กระทรวงมหาไทย และกรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมสนับสนุนการดำเนินงานครั้งนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน