ความแตกต่างของประกันสังคม และประกันสุขภาพ เมื่อป่วยเข้าโรงพยาบาล

เราทราบกันแล้วว่าประกันสุขภาพ และประกันสังคมนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้างจากบทความเหล่านี้

โรงพยาบาลในสิทธิประกันสังคม จะเน้นอยู่ใกล้พื้นที่ของผู้ถือสิทธิ์

กรณีเจ็บป่วยสามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่ถ้าเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ก็จะต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลด้วยตัวเองไปก่อน แล้วเบิกคืนได้ในภายหลัง โดยที่

  • รักษาในสถานพยาบาลของรัฐ การรักษาทั้งอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย สามารถเข้ารับการรักษาได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ในกรณีเป็นผู้ป่วยนอก เบิกได้เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็น และในกรณีเป็นผู้ป่วยใน เบิกได้ตามที่จ่ายจริง ยกเว้น ค่าห้องและค่าอาหาร เบิกได้ไม่เกินวันละ 700 บาท
  • รักษาในสถานพยาบาลของเอกชน กรณีผู้ป่วยนอกเบิกค่ารักษาได้ไม่เกิน 1,000 บาท กรณีผู้ป่วยใน ค่ารักษาพยาบาลกรณีไม่ได้รักษาในห้อง ICU เบิกได้ไม่เกินวันละ 2,000 บาท ค่าห้องค่าอาหารไม่เกินวันละ 700 บาท ค่าห้องกรณีรักษาในห้อง ICU เบิกได้ไม่เกินวันละ 4,500 บาท กรณีต้องผ่าตัดใหญ่เบิกได้ไม่เกินครั้งละ 8,000 – 16,000 บาทตามระยะเวลาการผ่าตัด
  • กรณีทันตกรรม เข้ารับบริการ ณ สถานพยาบาลที่ทำความตกลงกับสำนักงานประกันสังคม ซึ่งต้องตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลได้จากสำนักงานประกันสังคมเสียก่อน จึงสามารถรับค่าบริการทางการแพทย์ได้ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 900 บาทต่อปี
    จะเห็นได้ว่าข้อจำกัดของโรงพยาบาลในสิทธิ์ประกันสังคมนั้นมีค่อนข้างจำกัด ทั้งในแง่สถานที่ที่จะต้อง ‘ใกล้’ หรืออยู่ในแหล่งที่ผู้ถือสิทธิ์ระบุไว้เท่านั้น

ประกันสุขภาพ และสิทธิที่เพิ่มมากกว่าสิทธิ์ประกันสังคม

  1. บริษัทประกันส่วนใหญ่มีโรงพยาบาลที่อยู่ในเครือครอบคลุมทั่วประเทศอยู่แล้ว จึงใช้สิทธิ์ได้ทันทีโดยไม่ต้องสำรองจ่ายก่อน แตกต่างจากสิทธิ์ประกันสังคม ที่ถ้าหากรับการรักษาในโรงพยาบาลที่ไม่ได้ระบุเอาไว้ จะต้องสำรองจ่ายไปก่อน แล้วทำเรื่องเบิกคืนทีหลัง นี่ก็จัดเป็นความไม่สะดวกอย่างหนึ่ง ของสิทธิ์ประกันสังคม
  2. สามารถเลือกห้องพักได้ตามต้องการ เมื่อเข้ารักษาตัวประกันจะช่วยออกค่าห้องให้ โดยไม่ต้องสำรองจ่ายสำหรับโรงพยาบาลในเครือ ส่วนประกันสังคมนอกจากจะต้องสำรองค่าใช้จ่ายเองก่อนแล้ว โรงพยาบาลจะเป็นฝ่ายกำหนดห้องพัก โดยที่ไม่สามารถเลือกหรือต่อรองได้ โดยมักจะเป็นพักห้องรวมตามสิทธิประกันสังคม หรือหากต้องการห้องพักพิเศษ ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนต่างเพิ่ม
  3. ประกันสุขภาพ สามารถจ้างพยาบาลพิเศษให้มาช่วยดูแลได้ ต่างจากสิทธิประกันสังคมที่จะกำหนดให้พยาบาลและทางโรงพยาบาลดูแลตามหน้าที่ เพื่อเป็นการกระจายการรักษาให้ทั่วถึง
  4. ในเรื่องของการจ่ายยา ประกันสุขภาพกับประกันสังคมนั้นช่วยออกค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เหมือนกัน แต่ประกันสังคมจะรับผิดชอบค่ายาเบื้องต้นเท่านั้น ส่วนประกันสุขภาพจะครอบคลุมค่ายารักษาได้มากกว่า
  1. ประกันสุขภาพ สามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลารอคิวนาน เพราะส่วนใหญ่จะเน้นโรงพยาบาลเอกชนที่ให้บริการรวดเร็วกว่า เนื่องจากมีทรัพยากรบุคคลมากกว่า ส่วนประกันสังคมกรณีไม่ฉุกเฉินจะต้องใช้ระยะเวลารอคิว และพิจารณาอาการตามความรุนแรง

นี่คือความแตกต่างขั้นพื้นฐานแต่เห็นได้ชัดเจนอย่างที่สุดในการบริการของ 2 ประกันทั้งประกันสุขภาพ และประกันสังคม ซึ่งท้ายที่สุดแล้วในกรณีเจ็บป่วยและต้องเข้ารับการรักษา สถานพยาบาลและความรวดเร็วในการบริการ ก็เป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น

การรอคอยเป็นเวลานาน ในบางครั้งอาจจะช้าเกินกว่าที่จะได้ตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ หรือแม้แต่อาจทำให้พลาดโอกาสอื่นๆ ที่เข้ามาในชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว หน้าที่การงาน ดังนั้นจึงเรียกได้ว่า หากเราเลือกซื้อและเลือกใช้ประกัน บริหารสิทธิของตัวเองได้เป็นอย่างดีแล้ว ก็จะไม่พลาดโอกาสดีๆ มากมายในชีวิตที่จะผ่านเข้ามาอย่างแน่นอน


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน