โครงการพ่อค้าแม่ค้าพากเพียร ซีซั่น 4 – ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) ) ฮีโร่ที่อยู่เคียงข้างเหล่าพ่อค้าแม่ค้าในวันที่ยากลำบาก จับมือพ่อค้าแม่ค้าพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสแห่งการค้าขาย ท่ามกลางสมรภูมิการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผ่าน โครงการพ่อค้าแม่ค้าพากเพียร ซีซั่น 4 โดยตลอดทั้งปีมีพ่อค้าแม่ค้าที่เข้าอบรมทั่วไทยกว่า 30,000 คน สร้างโอกาส สร้างรายได้ ให้ธุรกิจยืนหยัดท่ามกลางวิกฤต ด้วยเนื้อหาการอบรมที่เข้มข้น ลงลึก ทั้งในเรื่องการวางแผนทางการเงิน เทคนิคการขาย และรูปแบบการใช้จ่ายไร้เงินสด เพื่อรองรับยุคนิวนอร์มอล

นายรอย ออกุสตินัส กุนารา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารไทยเครดิตฯ เผยว่า “จากการจุดประกายความคิด ให้องค์ความรู้ และเปิดโอกาส ทำให้ผู้เข้าอบรมในโครงการพ่อค้าแม่ค้าพากเพียร ซีซั่น 4 ได้มีภูมิคุ้มกันสุขภาพทางการเงินเป็นอย่างดี สามารถสร้างรายได้ และยืนหยัดสู้วิกฤตจนถึงวันนี้ จากผลสำรวจกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าจำนวน 45,075 ตัวอย่างทั่วประเทศเมื่อกลางปีที่ผ่านมา พบว่ายอดขายหดลง 70.3% และ 83.6% ไม่มีช่องทางขายผ่านออนไลน์ ซึ่งจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้หนี้ครัวเรือนของคนไทย พุ่งสูงถึง 83.8% แตะระดับสูงสุดในรอบ 18 ปี และคนไทยมีความรู้ด้านการเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 48.6% โดย 1 ใน 3 ของคนไทย มีเงินออมต่ำกว่ามาตรฐาน

ธนาคารไทยเครดิตฯ ในฐานะเป็นสถาบันที่มีองค์ความรู้ด้านการเงิน เล็งเห็นถึงความสำคัญในการส่งเสริมและเติมเต็มศักยภาพให้แก่กลุ่มพ่อค้าแม่ค้า เพื่อกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจปากท้องของคนกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นฐานรากของเศรษฐกิจประเทศ และเป็นลูกค้าหลักของธนาคาร ผ่านการอบรมโครงการพ่อค้าแม่ค้าพากเพียร ซีซั่น 4 เพื่อช่วยพลิกฟื้นธุรกิจของเหล่าพ่อค้าแม่ค้าให้ดีขึ้น

ด้วยเนื้อหาการอบรมที่อัดแน่นทั้งในเรื่องการวางแผนทางการเงิน เทคนิคการขายที่เข้าถึง จูงใจ กลุ่มลูกค้า ผ่านช่องทางออนไลน์ และโซเชียลมีเดียต่างๆ รวมถึงรูปแบบการชำระสินค้าผ่านการ รับ โอน จ่าย ด้วยการสแกน QR Code และการใช้แอปพลิเคชัน e-Wallet ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายเงินของกลุ่มคนในยุคนิวนอร์มอล จากการจัดอบรมตลอดปี 2563 ได้รับผลตอบรับที่ดี มีพ่อค้าแม่ค้าทั่วทุกภูมิภาคเข้าอบรมกว่า 30,000 คน เพิ่มจากซีซั่นที่แล้ว 3.75 เท่า โดยโครงการพ่อค้าแม่ค้าพากเพียรซีซั่น 4 สามารถส่งเสริมให้ผู้เข้าอบรมมีวินัยในการชำระหนี้และสามารถสร้างเครดิตที่ดีได้มากถึง 95% ของจำนวนผู้เข้าอบรมทั้งหมด และยังสามารถชี้ให้ผู้ประกอบการรายย่อย เห็นถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อสร้างวินัยในการชำระหนี้ และมีเครดิตที่ดีได้ถึง 53%”

ด้านพ่อค้าแม่ค้าที่ผ่านการอบรมในโครงการพ่อค้าแม่ค้าพากเพียร ได้นำความรู้มาปรับ ต่อยอด สร้างโอกาส สร้างรายได้ ให้ธุรกิจยืนหยัดสู้วิกฤตในขณะนี้ อย่าง นฤมล จันทร์อ่วม เจ้าของร้านกาแฟ จ.ระยอง เผยว่า “ใช้จ่ายเงินด้วยการสแกน QR Code ปลอดโรค ลดข้อผิดพลาด คือสิ่งที่โครงการพ่อค้าแม่ค้าพากเพียรให้ความรู้ และเห็นได้ชัดเจนเมื่อเกิดโควิด-19 ระบาด ที่ลูกค้าเองก็ไม่อยากรับแบงค์หรือเหรียญจากแม่ค้า ร้านค้าจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ และยังเป็นโอกาสในการเพิ่มยอดขาย เพราะเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า และยังตัดปัญหาเรื่องการทอนเงินผิด รวมถึงแบงค์ปลอม”

สุชาดา ใสสะอาด แม่ค้ากาแฟสด จ.สุราษฎร์ธานี เผยว่า “โปรโมตร้านถูกช่องทาง มีแต่รวยกับรวย คือสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการอบรมในโครงการพ่อค้าแม่ค้าพากเพียร ที่ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของทำเลร้านซึ่งตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยว จึงได้ทำเพจร้านขึ้นพร้อมนำไปแชร์โปรโมตในกลุ่มของดีของอร่อยประจำจังหวัดในเฟซบุ๊ก พอสถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้น คนเริ่มท่องเที่ยว ทำให้มีลูกค้าติดตามมาดื่มกาแฟและเช็คอินที่ร้าน สร้างยอดขายให้แก่ร้านเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว”

ภูษนิพรรณ รำเพยพล เจ้าของธุรกิจคาร์แคร์ จ.บึงกาฬ เผยว่า “การบริการที่เข้าถึงใจลูกค้า คือ คีย์เวิร์ดสำคัญที่ได้จากการอบรมโครงการพ่อค้าแม่ค้าพากเพียร จึงได้คิดโปรโมชั่นบริการรับส่งรถมาล้างที่ร้าน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ไม่มีเวลา ไม่สะดวกจะนำรถมาล้าง ซึ่งได้รับความสนใจ และสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น 30 – 40 %ในช่วงโควิด-19”

ชลันธร คำแดง เจ้าของร้านโชว์ห่วย และกาแฟสด จ.เชียงใหม่ เผยว่า “กรุ๊ปไลน์เปลี่ยนชีวิต พลิกฟื้นกำไร จากเดิมที่เคยมีไลน์ไว้ชิตแชต แต่โครงการพ่อค้าแม่ค้าพากเพียรกลับชี้ให้เห็นประโยชน์ของแอปพลิเคชันที่สร้างรายได้เข้ากระเป๋าได้ จึงได้ตั้งกรุ๊ปไลน์และรวบรวมไลน์ของลูกค้าเข้าเป็นสมาชิกไว้ในกรุ๊ป และนำเสนอขายสินค้าอุปโภคบริโภค กลับได้รับการตอบรับที่ดีในช่วง โควิด มีลูกค้าสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางนี้ จึงตอบแทนลูกค้าด้วยบริการส่งสินค้าให้ถึงหน้าบ้าน จึงเกิดการซื้อซ้ำเพราะประทับใจในการให้บริการ”

นฤมล โกศลเสรฐ แม่ค้าขายรองเท้า กรุงเทพฯ เผยว่า “รู้จักเก็บ รู้จักออม ด้วยบัญชีรายรับรายจ่าย คือสิ่งที่โครงการพ่อค้าแม่ค้าพากเพียรเน้นย้ำ จะมีเงินเก็บได้ถ้ารู้จักลงบัญชีให้ถูกหลัก และถูกต้อง ยิ่งลงได้ลึก ละเอียดมากเท่าไร ยิ่งทำให้รู้การเคลื่อนไหวเงินในกระเป๋าสตางค์ของเราได้ทุกวัน โดยไม่ต้องรอดูตอนสิ้นเดือน ยิ่งในช่วงโควิดระบาด บัญชีรายรับรายจ่ายเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมากจริงๆ”

“จากวิกฤตที่เกิดขึ้น ทำให้ยิ่งตอกย้ำถึงความสำคัญเกี่ยวกับความรู้ทางการเงิน การขาย เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยให้มีความรู้และวินัยทางการเงิน เพื่อติดอาวุธให้พร้อมรับทุกวิกฤตที่จะเกิดขึ้น โดยซีซั่นใหม่ของโครงการพ่อค้าแม่ค้าพากเพียร จะเปิดสอนทั้งระบบออนกราวน์ และออนไลน์ เน้นความเข้มข้น เชิงลึก สอดคล้องกับสถานการณ์ และได้มาตรฐานสากล โดยหลักสูตรที่ปรับใหม่จะได้รับการรับรองจากสถาบันการศึกษาชั้นนำ เพื่อสร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้เข้าอบรม และเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ผลักดันให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้แกร่งยิ่งขึ้นจากฐานราก เพราะทุกคนคือคนสำคัญ” มร. กุนารา กล่าวปิดท้าย

หากพ่อค้าแม่ค้าตลาดสดใดสนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.tcrbank.com,
www.facebook.com/TCRBank หรือโทรศัพท์สอบถามที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ 02-697-5454


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน